พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 34
มิเอลเผยยิ้มเมื่อสังเกตเห็นออสการ์นั่งนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ปกติก็มีข่าวลือว่าอาเรียเป็นผู้หญิงร้ายๆ อยู่แล้ว เธอจึงคิดว่าเขาคงคิดเรื่องที่อาเรียไม่ได้ชวนเธอ
แต่หากวิจารณ์มากเกินไปจะกลับกลายเป็นงูพิษย้อนมาฉกตัวเองได้ มิเอลเล่าเรื่องอาเรียอย่างพอควรแล้วจึงเปลี่ยนเรื่อง เธอคุยต่ออย่างสนุกสนานประหนึ่งนกจาบฝน กับเขาซึ่งตั้งใจฟังเพียงแค่ครึ่งเดียว จึงตอบกลับสั้นๆ
“เดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้วใช่ไหมคะ ในปีหน้าถ้าคุณออสการ์ก็จะจบการศึกษาได้เร็วๆ ก็คงจะดีนะคะ”
ฉันจะได้เจอคุณบ่อยขึ้นไงล่ะ มิเอลเสริมความในใจที่แท้จริงด้วยเสียงเบาๆ
และเขาคงจะไม่ได้ยินเสียงเธอ จึงพยักหน้าตอบเบาๆ
“…นั่นสินะ”
“จะว่าไป ดูเหมือนวันหยุดปิดเทอมจะตรงกับวันเกิดของฉันตลอดเลยนะคะ ท่านพี่เคนเอาของขวัญมาให้เสมอเลยค่ะ”
มิเอลหัวเราะราวกับดอกไม้อันสดใส คงจะคิดถึงพี่ชายของเธอ
“คือ…ถ้ามีเวลา คุณออสการ์เองก็… มางานเลี้ยงวันเกิดของฉันไม่ได้เหรอคะ”
มิเอลถามเบาๆ ด้วยท่าทีกังวล ราวกับมันเป็นคำถามที่ยาก ที่ผ่านมาเขาไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงเพราะไม่ว่าง จึงส่งเพียงแค่ของขวัญมาให้
แต่ในเมื่อเขามาวันเกิดคนที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรเป็นพิเศษอย่างอาเรีย เขาก็ต้องมาวันเกิดเธอด้วยเหมือนกัน
อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันเท่าไหร่ ทั้งที่ ออสการ์คิดดังนั้นก็พยักหน้าเงียบๆ
“เข้าใจแล้ว บอกวันมาได้เลยนะครับ”
“ดีใจจังเลยค่ะ! ถ้าเช่นนั้นฉันจะส่งจดหมายเชิญไปนะคะ!”
มิเอลยิ้มกว้างดีใจจนทำอะไรไม่ถูก เธอลงมาเพราะโกรธเรื่องที่เขามาหาอาเรีย แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลพลอยได้ไปด้วย
แน่นอนว่าเธอยังหาเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงมาหาอาเรียไม่ได้ก็จริง แต่ในเมื่อเขาบอกว่าจะมาร่วมงานวันเกิดทั้งที่ไม่เคยมา ก็ดูเหมือนว่าคงจะไม่ได้มาเยี่ยมเพราะอาลัยอาวรณ์เธอ
คงจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ สินะ แต่เดี๋ยวค่อยไปสืบดูอีกทีภายหลัง
“หิมะมักจะตกในวันเกิดของฉันเสมอเลยค่ะ หิมะเกล็ดใหญ่ด้วย ถ้าครั้งนี้หิมะตกอีกก็คงจะดีนะคะ”
“อ่อ กลางฤดูหนาวก็คงจะเป็นเช่นนั้น”
มิเอลพูดคุยกับออสการ์ต่อเล็กน้อยอย่างสนุกสนานก่อนอาเรียจะมา แล้วออกจากห้องรับแขกไปพร้อมทิ้งรอยยิ้มอ่อนหวานไว้ให้กับอาเรียที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีเขินอาย
มันเป็นใบหน้าของผู้ชนะ ถึงอย่างนั้น อาเรียที่ไม่สามารถแสดงออกสีหน้าอะไรได้ ก็ถามออสการ์ด้วยใบหน้าไม่รู้เรื่องอะไร
“คือว่า… มาขัดจังหวะหรือเปล่าคะ ให้ฉันออกไปแล้วค่อยกลับมาอีกทีไหมคะ”
“ไม่เป็นไร นั่งลงเถอะ”
ออสการ์กวักมือเรียกให้มานั่งที่ฝั่งตรงข้าม ที่ที่มิเอลนั่งจนถึงเมื่อกี้
คุยเรื่องอะไรกันนะ ดูจากที่มิเอลยิ้มร่าเดินออกไปขนาดนั้น ทั้งที่รู้ว่าเขามาหาอาเรีย คงจะเป็นบทสนทนาที่น่าพอใจสำหรับเธอมากเลยทีเดียว
ฉันไม่น่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเลย ถึงจะสายไปแล้ว แต่ก็น่าเสียดาย พออาเรียนั่งลง ถ้วยชาใบใหม่ก็ถูกวางลงข้างหน้าเธอทันที
เมื่อเธอกระหายน้ำและจิบชาเข้าไป เธอก็ได้รสของชานมและน้ำผึ้งอันหอมหวาน เขากล่าวทักทายอาเรียด้วยท่าทีสุภาพเป็นพิเศษ
“สบายดีไหมครับ อากาศหนาวขึ้นแบบนี้คงจะเดินไปไหนมาไหนลำบากน่าดู”
“แน่นอนค่ะ ฉันสบายดี คุณออสการ์เองก็สบายดีใช่ไหมคะ”
เขาที่กำลังถือถ้วยน้ำชาอยู่ ชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นรอยยิ้มอันสดใสของอาเรีย นั่นเพราะเธอพยายามยิ้มอย่างยั่วยวนและดึงดูดที่สุดเท่าที่จะทำได้
แม้จะบอกว่าวันเกิดเธอจะผ่านไปและเธอเข้าใกล้ความเป็นผู้ใหญ่ไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ก็ยังดูไม่เข้ากับหญิงสาวอายุสิบห้าอย่างเธอ
แต่ถึงอย่างนั้น มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ธรรมชาติและมีเสน่ห์เหลือเกิน รอยยิ้มที่ดึงดูดสายตาเขาที่ห้องอาหารเมื่อวันก่อน
บรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีราวกับว่าอยู่คนละที่กับที่เขาคุยกับมิเอลไปเมื่อกี้
ออสการ์มองอาเรียพริบตาหนึ่ง แล้วลดสายตาลงก้มมองถ้วยน้ำชาของตัวเองอย่างรวดเร็ว คำตอบของเขาสั้นขึ้นและช้าลง
“…ครับ”
“ฉันลองติดเครื่องประดับผมที่คุณส่งมาให้ คิดว่าอย่างไรคะ เข้ากับฉันไหม”
เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นหลังเธอถาม เขาต้องดูให้แน่ใจว่ามันเป็นที่ติดผมที่เขาให้ ไม่ใช่อันอื่น และต้องเอ่ยชมอะไรเสียหน่อย
เขาเหลือบสายตาที่จดจ่ออยู่กับแก้วขึ้น และมองจ้องไปที่อาเรียอย่างช่วยไม่ได้
“…มันเข้ากับเลดี้มากครับ”
“ขอบคุณนะคะ สำหรับของขวัญล้ำค่าเช่นนี้ มันงดงามมากเสียจนฉันอยากติดทุกวันเลยค่ะ”
หัวใจของออสการ์เต้นแรงอีกครั้งเมื่อเธอยิ้มอย่างละมุนละไมแม้กระทั่งตาของเธอ รอยยิ้มยั่วยวนของอาเรียเป็นรอยยิ้มที่ไม่สามารถหาดูได้จากในหมู่ชนชั้นสูง อีกทั้งอายุที่ยังเด็กของเธอก็มีส่วน
ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจเรื่องความสวยงามและไม่อ่อนหวานสักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถทนความยั่วยวนที่ผสมผสานกันระหว่างประสบการณ์กับความงดงามได้อย่างลงตัว ณ ตรงภายหน้าเขาได้ เขาหลบสายตาอีกครั้ง
และหน้าที่ของผู้เริ่มบทสนทนาก็ถูกส่งผ่านไปที่เป็นอาเรียอย่างรวดเร็ว
“คุณไม่ชอบเข็มกลัดที่ฉันส่งให้เหรอคะ ฉันคิดว่ามันน่าจะเข้ากับคุณ…”
“เปล่าเลย ผมชอบมาก แต่มันมีค่ามากเกินไปเลยลำบากใจที่จะติดนิดหน่อยน่ะครับ”
“อ๋อ อย่างนั้นสินะคะ พอดีว่าคุณออสการ์เป็นคนแรกที่ฉันให้ของขวัญ ฉันก็เลยไม่ค่อยทราบ…”
พูดให้ถูกคือมันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เธอให้แก่คนนอกตระกูลท่านเคานต์ แต่อาเรียก็ไม่จำเป็นต้องสาธยายรายละเอียดไร้สาระเช่นนั้น
“เลดี้บอกว่า…เป็นของขวัญชิ้นแรกหรือครับ”
“ใช่ค่ะ เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยไม่ทราบ เหมือนว่าฉันคงจะเตรียมของขวัญที่มากเกินไป”
เขามาเพื่อบอกว่าพวกเราควรจะหยุดแลกเปลี่ยนของขวัญกัน แต่ดูเหมือนเขาจะเขินจนพูดไม่ออก จึงไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้
“โปรดอย่าลำบากใจไปเลยค่ะ คิดเสียว่ารับของที่ฉันตั้งใจเตรียมให้เพราะฉันดีใจที่ได้รับของขวัญจากคุณ”
“…”
ในบทสนทนาระหว่างเธอที่ผสมไปด้วยความยั่วยวนและสงสารนั้น ออสการ์ไม่สามารถพูดสิ่งที่เขาเตรียมมาได้ ทำได้แค่เพียงตอบคล้อยตามหญิงผู้น่าสงสารไป
“ฉันอยากเห็นคุณออสการ์ติดเข็มกลัดจังค่ะ ไม่ได้นำมันมาด้วยเหรอคะ”
“….ไม่ ผมนำมันมาด้วย”
เขาไม่รู้ว่าบทสนทนาจะเป็นไปอย่างไร แต่ก็นำมันมาด้วย คิดว่าคงจะมีโอกาสให้เขาได้คืนมันกลับให้อาเรีย
ทว่าแทนที่เขาจะคืนให้เธออย่างที่ตั้งใจไว้ กลับกลายเป็นต้องมาติดเข็มกลัดต่อหน้าเธอ
“ให้ฉันติดให้ไหมคะ”
“ครับ รบกวนด้วย”
เข็มกลัดที่รับจากคนรับใช้ตกไปอยู่ในมือของอาเรีย เธอค่อยๆ ร่นระยะห่างและขยับเข้าไปใกล้ออสการ์
ความจริงแล้วเธอสามารถจะติดให้ได้โดยที่ไม่ต้องขยับเข้าไปใกล้ขนาดนี้ แต่เธอก็ใกล้เข้าไปทำให้พื้นที่ระหว่างทั้งสองแคบลงจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ โดยข้อแก้ตัวว่า ‘คุณออสการ์ตัวสูงกว่าฉันมากก็เลยต้องทำเช่นนี้นี่‘
แม้ความสูงของทั้งสองจะต่างกันมาก แต่เมื่อเธอขยับเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ ออสการ์ก็กลั้นหายใจและเบี่ยงสายตาไปทางอื่น
เธอใช้เวลาติดเข็มกลัดอยู่พักหนึ่งด้วยความไม่ชำนาญ ทว่าออสการ์ก็รอให้เธอติดโดยไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญอะไรออกมา
“เข้ากันจริงๆ ด้วยค่ะ”
อาเรียดูเข็มกลัดอีกทีให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนใดที่ติดเบี้ยว แล้วจึงขยับร่างของเธอออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ เพชรสีน้ำเงินที่เข้ากันได้ดีกับเสื้อผ้าโทนเข้มของเขานั้นส่องประกายงดงาม
เขาไม่ได้มาเพื่อสิ่งนี้ แต่ด้วยยิ้มสดใสของอาเรียที่อยู่หน้า เขาคล้อยตามไปอย่างไม่รู้ตัว และเอ่ยคำขอบคุณ
“…ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอเห็นว่ามันเข้ากับคุณออสการ์ ฉันก็ดีใจมากเลยค่ะ”
ทั้งสองนั่งลงประจันหน้ากันอีกครั้ง และจิบน้ำช้าเงียบๆ เนื่องจากไม่มีเรื่องอะไรจะพูดต่อ
อาเรียนั่งจิบชาได้อย่างสบายใจโดยไม่ได้ซ่อนใบหน้าเริงร่าของเธอ ต่างจากออสการ์ผู้ไม่สามารถปกปิดความกระวนกระวายใจของเขาได้
หลังจากที่เขากังวลอยู่พักหนึ่งว่าจะต้องพูดอะไรสักอย่างกับอาเรีย ก็นึกเรื่องที่คุยกับมิเอลเมื่อสักครู่ขึ้นมาได้ วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ
เขาเลยครุ่นคิดเหตุผลที่เธอเชิญเขามาวันนี้ แต่ทันทีที่ตาของเขาสะดุดกับร่างอันน่าหลงใหลของเธอ ความคิดนั้นก็สลายไปราวกับสายลม
“ผมได้ยินว่าวันนี้เป็นวันเกิดเลดี้”
“ใช่แล้วค่ะ ฉันจัดงานเลี้ยงจนถึงเมื่อกี้กับเหล่าสตรีที่ฉันเป็นเพื่อนด้วยครั้งแรก ถ้าคุณออสการ์อยู่ด้วยกันก็คงจะดี น่าเสียดายจังค่ะ”
“ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่มาช้า”
เขาไม่ได้รับเชิญมางาน แต่กลับรู้สึกเหมือนต้องขอโทษ เมื่อเห็นสีหน้าเสียดายอย่างจริงใจของเธอ ถ้าเขารู้ว่าเป็นวันเกิดเธอ เขาก็คงเตรียมของขวัญวันเกิดมาให้แล้ว
เขามาเพื่อบอกเธอให้หยุดแลกเปลี่ยนของขวัญกัน จึงเตรียมมาแค่ช่อดอกไม้ที่ดูเป็นทางการ อุตส่าห์เป็นวันเกิดของเธอทั้งที่ แถมยังได้รับเข็มกลัดหรูมาอีก แต่กลับจะให้เธอเพียงแค่ดอกไม้ ช่างไร้ยางอายอะไรเช่นนี้
ถึงอย่างนั้น จะไม่ให้อะไรเลยก็คงไม่ได้ เขาจึงมอบช่อดอกไม้ให้อาเรีย แน่นอนว่าอาเรียรับมาด้วยใบหน้าที่มีความสุข
“ขอบคุณมากนะคะ สำหรับช่อดอกไม้ที่สวยงามเช่นนี้… ฉันไม่อยากให้มันเหี่ยวลงเลย”
“ผมต้องขออภัยด้วยที่เตรียมมาแค่ช่อดอกไม้ ถ้าผมรู้ก็คง…”
“แค่อะไรกันคะ มันเป็นช่อดอกไม้ที่ล้ำค่าสำหรับฉันมากเลยค่ะ”
อาเรียโอบช่อดอกไม้ไว้ในอ้อมแขน และสูดกลิ่นเบาๆ ราวกับมันล้ำค่าจริงๆ ออสการ์ที่ไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกผิดของเขาได้เสริมว่าหากมีของขวัญอื่นที่เธอต้องการ แม้จะสายไปแล้วแต่ก็จะเตรียมมาให้
จากนั้นอาเรียที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับกลิ่นหอมของดอกไม้ด้วยใบหน้าหญิงสาวไร้เดียงสา เงยหน้าขึ้นมาสบสายตาออสการ์ที่กำลังมองเธออยู่
“ถ้าเช่นนั้น ฉันรบกวนขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ”
“ครับ ขอมาได้มากเท่าที่เลดี้ต้องการเลย”
“ฉันไม่ต้องการของขวัญอื่นเลยค่ะ แต่คุณออสการ์ช่วยมาเป็นเพื่อนทางจดหมายกับฉันได้ไหมคะ”
“เพื่อนทางจดหมายเหรอ”
“ค่ะ ฉันไม่มีเพื่อน เลยต้องอยู่คนเดียวตลอด คงเป็นเพราะฉันไม่ได้มาจากครอบครัวชั้นสูง ก็เลยมีอะไรให้ต้องเรียนรู้มากมายเลยค่ะ ฉันก็เลยเหงานิดหน่อย…”
ช่างเป็นคำขอที่ธรรมดาและเรียบง่าย เพราะก็แค่แลกเปลี่ยนจดหมายกันเท่านั้น
ทว่าด้วยความสัมพันธ์คู่หมั้นคู่หมายระหว่างเขากับน้องสาวของเธอ ทำให้เขาต้องรอบคอบระมัดระวังเสียหน่อย เพราะหากเขาทำอะไรพลาดอาจทำให้ถูกเข้าใจผิดได้
อาเรียที่สัมผัสได้ว่าออสการ์อาจจะรู้สึกหนักใจ จึงกลับคำทันทีว่าหากลำบากใจจะปฏิเสธกันก็ได้
ใช่แล้ว ต้องปฏิเสธสิ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรภายหลังหรือเปล่า ในช่วงที่ออสการ์คิดและกำลังจะตอบกลับอยู่นั่นเอง ที่ฝั่งตรงข้าม เขาก็เห็นอาเรียกำลังแตะขอบตาของเธออยู่
“อ๊ะ ขออภัยที่รบกวนนะคะ เพียงแต่หลังจากที่ท่านแม่แต่งงานใหม่ ทุกอย่างก็ดูแปลกใหม่สำหรับฉัน ก็เลยรู้สึกเหงานิดหน่อยน่ะค่ะ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้พูดคุยอย่างสนุกสนานเช่นนี้”
“ความจริงฉันเริ่มรู้จักกับเหล่าหญิงสาวพวกนั้นได้ไม่นาน ก็เลยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยในงานเลี้ยงเมื่อตอนกลางวันวันนี้ค่ะ”
พอได้ยินคำพูดของเธอ ออสการ์ก็ไม่สามารถกล่าวปฏิเสธออกไปได้อย่างเต็มปาก ใครจะปฏิเสธสาวน้อยตัวเล็กตาแดงๆ อย่างเย็นชาได้ลงกันล่ะ
“แต่คงจะทำให้มิเอลโมโหใช่ไหมคะ เพราะเธอเองก็กำลังจะไปได้สวยกับคุณ”
แต่ออสการ์ก็ตอบคำถามง่ายๆ เช่นนี้ไม่ได้ ด้วยเหตุใดกัน เพราะความจริงไม่ได้สนิทกับเธองั้นหรือ
ไม่สิ ‘ไปได้สวย‘ ที่อาเรียถามไม่ได้หมายถึงจะสนิทชิดเชื้อกันสักหน่อย
คำถามนี้ออสการ์ก็ยังคงลำบากใจที่จะตอบ เขาเพียงจ้องมองไปที่ใบหน้าอาเรียอย่างเงียบๆ ก่อนเธอจะเอ่ยปากพูดอีกครั้งด้วยสีหน้าหดหู่
“ดูเหมือนว่าฉันคงจะยกเรื่องที่ไม่สมควรพูดขึ้นมาสินะคะ โปรดทำเหมือนว่าฉันไม่ได้พูดอะไรไปแล้วกันนะคะ”
“ไม่หรอกครับ”
ถ้าเธอพูดด้วยใบหน้าเศร้าเช่นนั้น คงไม่มีชายหนุ่มคนไหนปฏิเสธเธอได้ลงคอ
ความคิดที่จะปฏิเสธเธอได้มลายหายไปราวกับหิมะละลายในฤดูใบไม้ผลิ แต่สิ่งที่อยู่ภายในใจเขากลับเป็นความคิดที่ว่าถ้าแค่การแลกเปลี่ยนจดหมายกันล่ะก็คงจะไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรหรอก ก็มันเป็นจดหมายที่ส่งระหว่างเพื่อนกันนี่ครับ ผมคิดว่าเลดี้มิเอลคงเข้าใจ เพราะเธอใจกว้าง”
ถ้าความแตก ก็คงจะกลายเป็นปัญหาระหว่างตระกูล ไม่ใช่แค่มิเอลเท่านั้น แต่สำหรับตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปัญหามากขนาดนั้น เพราะเป็นแค่เพียงจดหมายระหว่างเพื่อน
“…ขอบคุณมากนะคะ คุณออสการ์”
ดวงตาแกมแดงของอาเรียถูกกะพริบอย่างประณีต สร้างรอยโค้งรูปยิ้มอันอ่อนโยนที่ตาของเธอ ทำให้จิตใจของเขาหนักแน่นขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
………………………………………..