พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 69
“…ตายจริง หมื่นโกลด์หรือ! เลดี้คิดไว้หรือยังคะว่าจะเอาเงินนั้นไปทำอะไร?”
เงินหมื่นโกลด์นั้น อาจจะเป็นจำนวนเงินมหาศาลสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับอาเรีย เธอปล่อยแอนนี่ให้เอะอะโวยวายอยู่ด้านหลัง แล้วให้เจสซี่ช่วยเธอเตรียมตัวออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน
‘ยังขาดอีกเยอะสำหรับไว้กักตุนเลยล่ะ’
แถมสินค้าที่โดนปิดกั้นเส้นทางนำเข้าส่งออกก็ยังมาเป็นพวกสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างพวกพริกไทยหรือน้ำตาลอีก ก็ยิ่งต้องทำอย่างนั้นเข้าไปใหญ่ ราคาขั้นพื้นฐานต่อหน่วยนั้นแพง และเธอยังต้องใช้เงินค่อนข้างมากในการซื้อของมากกว่าครึ่งในท้องตลาด
‘แม้ฉันจะซื้อน้ำตาล แต่ก็ต้องใช้อย่างน้อย 50,000 โกลด์ ถึง 50,000 โกลด์จะไม่ค่อยพอเท่าไรก็เถอะ’
เกมที่เล่นในฮอลล์นั้น สูงสุดที่พันโกลด์ หากมากกว่านั้นจะเล่นในห้องส่วนตัว ในเมื่อเธอชนะติดต่อกันแล้ว ก็คงไม่ดีเท่าไรถ้าจะเล่นในห้องส่วนตัว ดังนั้นจำนวนเงินสูงสุดที่เธอสามารถได้รับโดยใช้นาฬิกาทรายนั้นคือหมื่นโกลด์
‘คงจะใช้เวลานานกว่าที่คิด แถมน่าจะเหนื่อยด้วย’
หลังจากใช้นาฬิกาทราย เธอก็จะนอนทั้งวันเพื่อคลายความเมื่อยล้า แต่ช่วงนี้เธอมักถูกปลุกให้ตื่นโดยเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาคลุมหน้า
ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย จึงหลับไปทันทีโดยไม่ต้องพยายามข่มตา เรื่องมันเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่สองวันเท่านั้น หากให้ทนถึงห้าวันก็คงจะไม่ไหว
‘พรุ่งนี้หยุดสักวันคงไม่เป็นไรมั้ง’
เธอเลยคิดขึ้นได้ว่าควรหยุดพักสักวันหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีเวลาเหลือถึงช่วงฤดูร้อนอยู่ดี ไม่ต้องรีบร้อนอะไรก็ได้
เธอเค้นแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ มุ่งหน้าไปยังคาสิโน แอนนี่เริ่มคุ้นชินด้วยการมาแค่เพียงสามครั้ง เธอจึงสั่งเครื่องดื่มเอง ทว่าอาเรียนั้นต่างจากแอนนี่ เธอต้องการเพียงแค่จบเกมและกลับบ้านให้เร็วที่สุดแม้เพียงหนึ่งชั่วโมง
“อย่าดื่มเยอะแล้วก็รออยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวฉันกลับมา”
“อ๊ะ เดี๋ยวสิคะ! เลดี้! ดิฉันก็จะไปด้วยค่ะ!”
“ไม่ต้อง จะไปแป๊บเดียวแล้วรีบกลับมาจริงๆ รออยู่นี่แหละ”
ด้วยเหตุนี้ อาเรียจึงรีบออกไปก่อนที่เครื่องดื่มจะมาเสียอีก ถ้าเธอให้แอนนี่ตามมาด้วย เธอก็จะเอาแต่พูดพล่ามไร้สาระซึ่งเป็นการเสียเวลาเปล่า แอนนี่ทำหน้าผิดหวังพลางมองตามหลังอาเรียที่ตัวค่อยๆ เล็กลงขณะรีบก้าวเท้าออกไป
ผู้ชมหลั่งไหลเข้ามาเมื่ออาเรียที่ชนะติดต่อกันสองวันปรากฏตัวขึ้น ถึงแม้ครึ่งใบหน้าของเธอจะถูกปกปิดด้วยหน้ากาก แต่ด้วยผมบลอนด์อันเป็นเอกลักษณ์ และริมฝีปากทรงเสน่ห์ของเธอ ก็ทำให้ทุกคนจำเธอได้
‘ฉันต้องพักสักระยะหนึ่งเลยล่ะ ต่อให้ไม่เหนื่อยก็ตาม’
ถ้าเธอได้รับความสนใจมากขนาดนี้ การกระทำต่างๆ ของเธอก็จะมีข้อจำกัด อาจจะมีใครสงสัยตัวตนที่แท้จริง และแอบไปสืบลับหลังก็ได้
“8 ข้าวหลามตัด”
เมื่อเธอพลิกนาฬิกาทราย แล้วเลือกไพ่ เสียงพึมพำจากเหล่าผู้ชมรอบข้างและผู้เข้าร่วมก็ดังจอแจขึ้น
“เธอไม่มีทางชนะติดกันสามตารวดได้หรอกใช่ไหม?”
“ใครจะไปรู้! ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนั้นนี่”
“ถ้าเธอชนะสามครั้งติดกันรวดจริงๆ เราก็เลือกไพ่ใบที่เลือกก็ได้นี่!”
“วิธีนั้นช่าง! คุณนี่ฉลาดจริงๆ เลย ว่าไหม?”
อาเรียได้ยินบทสนทนานั้นแล้วเดาะลิ้น เธอไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น แต่ถ้ากลายเป็นแบบนั้น ทุกคนก็จะชนะ แล้วเงินส่วนแบ่งก็จะน้อยลง คราวหน้าอาจจะต้องใส่วิกผมเสียแล้ว เธอคิดเช่นนั้นพลางเก็บนาฬิกาทรายเก็บเข้าไปในกล่อง
“8 ข้าวหลามตัด!”
ในประวัติศาสตร์คาสิโน ไม่เคยมีใครชนะเกมความน่าจะเป็นแบบนี้ติดกันสามตารวด เพราะเกมนี้แค่เดาให้ถูกเพียงครั้งเดียวก็ยากมากแล้ว ซึ่งต่างจากเกมไพ่อื่นๆ ที่จะมีผู้ชนะในทุกๆ ตา และยังต่างจากรูเล็ตต์วงล้อที่ไม่สามารถเตี๊ยมกับพนักงานให้เล่นตุกติกได้
“…เป็นไปไม่ได้!”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!”
“เธอต้องมีเวทมนตร์อะไรแน่ๆ! อย่างเช่นมองทะลุได้ไงล่ะ!”
อาเรียลุกออกจากเก้าอี้หลังจากรู้ผลชนะ
“เธอจะไปอีกแล้วหรือ?”
“คงไม่ได้จะไปเล่นเกมอื่นหรอกใช่ไหม?”
“ลองตามเธอไปกันดูก่อนดีไหม?”
“ดีเลย! ไปขอให้เธอช่วยบอกเคล็ดลับกันเถอะ!”
กลุ่มคนเดินตามหลังเธอต้อยๆ ซึ่งต่างจากก่อนหน้านี้ พวกเขาเดินเร็วกว่าที่คิด เธอเร่งฝีเท้าพลางคิดว่ารีบออกจากคาสิโนไปตอนนี้คงจะดีที่สุด แต่ระยะห่างก็ไม่ลดลงเลยสักนิด มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้วที่อาเรียผู้ใส่รองเท้าส้นสูงจะเดินทิ้งระยะห่างพวกผู้ชายที่ใส่รองเท้าหนังนุ่มๆ
“คุณ! รอก่อนครับ!”
“มาคุยกันสักเดี๋ยวเถอะครับ!”
“นี่เธอ!”
พวกเขาส่งเสียงออกมาจากกลุ่มผู้คนราวกับรู้สึกได้ว่าอาเรียกำลังจะหนี ต่อให้ชนะเกมมากสักแค่ไหน การที่เหล่าผู้ชายจำนวนมากมาไล่ตามผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวนั้นมันก็ดูแปลกพิลึกสิ้นดี
อีกทั้งเสียงของพวกเขาที่ค่อยๆ ดังขึ้นที่ไล่ตามมาด้านหลัง ก็ทำให้อาเรียหวาดกลัวมากพอแล้ว มันดูโหดร้ายราวกับว่าถ้าเธอถูกจับ พวกเขาจะบดขยี้เธอเพื่อหาวิธีชนะในเกมนั้นให้ได้
ขณะที่เธอเร่งฝีเท้าหาทางหลบหนีพวกเขาอยู่นั้น ก็ได้หลงเข้าไปในสถานที่แปลกๆ และมองเห็นทางตันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เหล่าผู้คนที่เดินตามเธอมาก็เดินช้าลงเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นสิ่งนั้น
‘ทำอย่างไรดี?!’
ทันใดนั้นเอง มีมือที่ยื่นออกมาจากที่ไหนสักแห่งดึงตัวอาเรียไป เธอเห็นประตูด้านหลังเธอปิดลง ก่อนที่เธอจะรู้ตัวว่าโดนฉุดมาที่ไหนสักที่หนึ่ง
“……?!”
คนที่ฉุดอาเรียมาใช้มือปิดปากอาเรียเพื่อไม่เธอกรีดร้อง
“ถ้าไม่เงียบ คนพวกนั้นก็จะเข้ามานะครับ ถ้าอย่างนั้นแล้ว จะไม่เป็นไรหรือครับ?”
ต่างจากอาเรียที่มีหน้ากากปิดไว้แค่ครึ่งหน้า เสียงของชายคนนั้นอู้อี้เพราะเขาสวมหน้ากากรูปสัตว์ที่ปิดบังไปทั้งใบหน้าและผม
แล้วอาเรียก็พยักหน้ารับรู้ว่าเขากำลังพยายามช่วยเธอ มือของเขาที่ปิดปากเธออยู่ค่อยๆ เลื่อนลงมาอย่างช้าๆ
“ที่นี่มัน…?”
“ห้องส่วนตัวครับ ผมขอเปิดห้องไว้สักพัก”
อาเรียกลอกตามองไปทั่วห้อง เธอเห็นโต๊ะตัวใหญ่ เก้าอี้ที่ดูหรูหราสองสามตัว และไพ่ที่วางอย่างเป็นระเบียบ มันเป็นห้องส่วนตัวสำหรับวางเงินเดิมพันจำนวนมหาศาลอย่างที่เขาบอก
“…ถึงจะไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร แต่ก็ขอบคุณที่ช่วยนะคะ”
อาเรียแสดงความขอบคุณอย่างนอบน้อม จากนั้นเขาก็เตือนเธออย่างเงียบๆ
“คุณประมาทเกินไปแล้วนะครับ ที่นี่อันตรายเกินกว่าคุณผู้หญิงจะมาเดินไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ต่อให้ไม่ใช่ผู้หญิงก็เถอะ ที่นี่เป็นที่ที่ไม่มีการละเว้นสำหรับคนที่ชนะเกมต่อกันสามวันติดหรอกนะครับ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยคนบ้าที่เสียเงินไปกับการพนันยังไงล่ะครับ”
เธอไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้ เพราะเขาพูดถูกแล้ว เธอจึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างเงียบๆ เท่านั้น
“ขอบคุณนะคะ ถ้าอย่างนั้น ฉันคงต้องขอตัวก่อน”
“ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยดีครับ พวกเขายังรออยู่ข้างนอก”
และราวกับจะสนับสนุนสิ่งที่เขาพูด ปัง ปัง ปัง เสียงใครบางคนเคาะประตูก็ดังขึ้น อาเรียตกใจจนก้มตัวลงสั่น ชายผู้นั้นจึงช่วยอาเรียให้ไปนั่งบนโซฟา
“แม้จะรู้สึกอึดอัดเสียหน่อย แต่คงจะดีกว่าถ้ารออีกนิดนะครับ”
“…นั่นสินะคะ”
เขานั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของอาเรีย เธอคิดว่าเขาสวมหน้ากากสัตว์อยู่รางๆ ด้วยความที่ตอนนั้นเธอไม่มีสติ แต่พอดูดีๆ แล้ว มันเป็นหน้ากากสิงโต แผงคอสีทองส่องประกายสะท้อนแสงราวกับสิงโตจริงๆ
สายตาของสิงโตมองไปที่อาเรียสักพักหนึ่ง แม้จะสวมหน้ากากอยู่ แต่ก็แตกต่างจากของอาเรียที่เผยให้เห็นตาและริมฝีปาก เขาไม่เผยส่วนไหนให้เห็นเลย ทำให้ไม่รู้ว่าความจริงเขามองเธออยู่จริงหรือเปล่า แต่เธอมั่นใจว่าสายตาของเขาจ้องมองมาทางด้านหน้าแน่นอน
“เมื่อกี้คุณบอกว่าขอเปิดห้องไว้ใช่ไหมคะ แล้วคนอื่นไม่มาหรือคะ?”
สุดท้ายอาเรียก็ทนความอึดอัดไม่ไหว จึงเป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน
ชายผู้นั้นตอบ
“ครับ โชคดีที่ผมเพียงแค่เช่าห้องเอาไว้ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไรครับ ผมตั้งใจว่าจะเปิดประตูออกไปบอกเรื่องนั้น แต่ก็เห็นคุณหญิงเข้าพอดี”
“อ๋อ อย่างนั้นเองสินะคะ”
ถ้าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง โชคก็คงเข้าข้างอาเรีย เธอกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง
“ผมไม่รู้ว่าผมสามารถถามคำถามแบบนี้กับคนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาได้หรือเปล่า… แต่ผมขอถามถึงเคล็ดลับที่ทำให้ชนะติดต่อกันเช่นนั้นได้ไหมครับ?”
“…คุณอุตส่าห์ช่วยชีวิตฉันไว้แล้ว เรื่องแค่นี้คงบอกไม่ยากหรอกใช่ไหมคะ”
และมันก็ง่ายมาก เพราะเธอไม่ได้คิดจะบอกความจริงแก่เขาอยู่แล้ว เขาคงคิดว่ามันจะเป็นคำตอบที่เขาคิดไม่ถึง จึงวางแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ อาเรียที่หายกลับมาเป็นปกติแล้ว ยิ้มตอบเขาอย่างนุ่มนวล
“ฉันก็แค่ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของดวงเท่านั้นเองค่ะ”
“…ฮ่าๆ ให้ตาย ผมหวังให้คุณบอกง่ายเกินไปสินะครับ”
เขาเอาแขนลงจากโต๊ะและยืดตัวให้ตรงอีกครั้ง ราวกับเข้าใจว่าความหมายที่แท้จริงของอาเรีย
คราวนี้อาเรียเป็นฝ่ายถาม
“ใส่หน้ากากทั้งใบหน้าแบบนั้น ไม่อึดอัดเหรอคะ?”
“อึดอัดครับ แต่ผมไม่อยากเผยใบหน้าให้ใครเห็น ก็เลยช่วยไม่ได้น่ะครับ”
มันเป็นคำถามที่ไร้ความหมายเพราะคำตอบถูกกำหนดตายตัวไว้อยู่แล้ว หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ไม่มีอะไรจะพูด จึงได้แต่นั่งเงียบ
ซึ่งเป็นความเงียบที่ยาวนานมากทีเดียว และรู้สึกเหมือนมันยิ่งยาวนานขึ้นอีก เพราะไม่รู้ว่าเธอจะได้ออกไปข้างนอกเมื่อไหร่ อีกทั้งตาของสิงโตที่แทนสายตาของเขาก็ทำให้รู้สึกอึดอัดเหลือเกิน มันเป็นช่วงเวลาที่เธอจะต้องเอาชนะความเงียบงันอันยาวนานที่ไม่รู้จุดจบเช่นนี้
ก๊อก ก๊อก ใครบางคนเคาะประตูจากด้านนอก อาเรียที่สงบสติอารมณ์ได้บ้างแล้ว สูดหายใจเข้าอีกครั้ง เขาวางนิ้วชี้ไว้ที่ปากสิงโตเป็นนัยว่าให้เธอเงียบ และเดินเข้าไปใกล้ประตูอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“ใครครับ”
“คุณลูกค้ายังไม่ได้บอกอะไรหลังจากเปิดห้อง กระผมเลยมาเช็กดูครับ”
เมื่อเห็นว่าน่าจะเป็นเสียงและวิธีพูดของพนักงาน เขาจึงเปิดประตูดูด้านนอก
“ทำอะไรดีครับ?”
“ขอคิดอีกสักหน่อย แล้วจะตัดสินใจนะ”
“รับทราบครับ”
พนักงานตอบรับอย่างสุภาพ แล้วเดินจากไป เขาปิดประตูอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเธอ
“ดูเหมือนทุกคนจะกลับไปกันหมดแล้วครับ”
“เฮ้อ…”
อาเรียถอนหายใจยาว ราวกับโล่งใจ พวกเขาคงจะเหนื่อยแล้วเลยกลับไป ดังนั้นเธอจึงไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ที่นี้อีกต่อไป
“ขอบคุณนะคะ ฉันต้องขอตัวไปก่อนค่ะ”
อาเรียลุกออกจากที่นั่งอย่างไม่มีอะไรค้างคาใจ แล้วเดินมุ่งไปที่ประตู หลังจากนั้น ชายที่ยืนหันหลังให้กับประตู ก็เปิดประตูให้อาเรีย
‘เขาใจดีขนาดนี้… เขาคงจะโดนเอาเปรียบได้ง่ายๆ แน่ๆ’
เขาช่วยเธอให้พ้นจากอันตราย แถมยังยิ้มให้เธอ แม้เธอจะไม่ได้บอกวิธีชนะติดต่อกัน อีกทั้งทันทีที่พวกที่มาคุกคามเธอจากไป เขาก็ยังเปิดประตูส่งเธออีก เขาช่างเป็นคนดีที่ไม่ได้พบเจอกันได้ง่ายๆ จริงๆ
“ขอถามได้ไหมครับว่าคุณชื่ออะไร?”
ดวงตาสีมรกตที่มองเห็นทะลุผ่านหน้าหน้ากากนั้น มองจ้องไปที่ตาของสิ่งโต รูปตาที่ชี้ขึ้นไปอย่างเย็นชาเล็กๆ นั้น ช่างดูน่ารักน่าเอ็นดู
“ไม่ค่ะ”
เขามองอาเรียที่ค่อยๆ ลอดผ่านประตูไปอย่างใจเย็น พลางคิดว่าช่างสมกับเป็นเธอ แล้วเผยยิ้ม
“ให้ผมตามไปไหมครับ?”
นั่นเป็นเสียงของคนรับใช้ที่ปลอมเป็นพนักงานจนถึงเมื่อกี้ และเขาก็ยังเป็นอัศวินที่ปราบอัศวินของอาเรียที่ร้านขายของชำอีกด้วย
อาซถอดหน้ากากออก ก่อนจะตอบกลับ
“อืม ตามไปช่วยให้เธอออกจากที่นี่อย่างปลอดภัยที”
……………………………………………