พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 73
กว่าข่าวที่ไวเคานต์วิเกต์ได้รับโอนคาสิโนเข้าหูดัชเชสก็หลังจากที่ได้รับไปพักใหญ่แล้ว เพราะจนกว่าไวเคานต์วิเกต์จะได้รับโอนอย่างสมบูรณ์สั่งไม่ให้ทุกคนพูดเรื่องนี้
เน้นย้ำเป็นความลับว่าไวเคานต์วิเกต์ถูกมกุฎราชกุมารแสนโง่เขลาหลอกว่าจะขายให้ในราคาถูก ทั้งเตือนอีกว่าหากใครรู้เข้าจะทำให้การโอนลำบากมากยิ่งขึ้น
ไวเคานต์วิเกต์เพียงแค่รับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วจากไวเคานต์คนก่อนก็เท่านั้นน่าสมเพชที่เขาเชื่อไม่แคลงใจแม้สักนิด เพราะอย่างนั้นจึงไม่บอกให้คนอื่นรู้นอกจากบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่กี่คนจนกว่าการโอนจะเสร็จสิ้น
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ดัชเชสและชนชั้นสูงไม่กี่คนที่ไม่รู้เรื่องนี้จะโมโหกับการกระทำแสนโง่เขลาแบบนั้น เพราะดูเหมือนว่ามกุฎราชกุมารต้องการกำไรอย่างเร่งด่วน
‘…ทำไมถึงได้โชคดีแบบนี้นะ’
ถึงกับอยากจะมีดวงนั้นเลยล่ะ ที่สามารถสร้างสถานการณ์เพื่อจะเค้นคอมกุฎราชกุมารเพื่อหลุดพ้นความทรมานไปได้ ดูเหมือนจะเป็นจุดจบที่ริบหรี่ของเส้นชักเย่อนี้ใส่แรงทั้งหมดที่มีดึงมันเพื่อชัยชนะ แต่เมื่อปล่อยมือก็ถูกเชือกดึงกลับไปเช่นเดิม
‘แน่นอนว่าเรื่องที่ขัดขวางเส้นทางการค้าสำหรับคนทั่วไปต้องเป็นฝีมือของมกุฎราชกุมารที่ทำไว้’
ไม่รู้ว่าเชือกตอนนี้จะขาดหรือยัง แต่ดูเหมือนว่าหากท่านเคานต์โรสเซนต์ยังอยู่จะไม่เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงไปกว่านี้
“ดัชเชสไอซิส! อุตส่าห์เดินทางมาไกล เหนื่อยแย่เลยค่ะ!”
“ยินดีที่ได้พบนะ มิเอล”
ดัชเชสไอซิสที่มาถึงคฤหาสน์โรสเซนต์ยิ้มอย่างสดใสเมื่อมองมิเอลเธอก็สามารถเบาใจได้เยอะ ช่วงนี้ยิ่งมีเรื่องที่ไม่ค่อยดีเกิดขึ้นบ่อยๆทั้งไม่ค่อยอยากอาหารอีกด้วย เหมือนกับเห็นว่าตัวเองดีใจจนแทบสั่นหางอยู่เสียอย่างนั้น
ไม่นานมานี้ เพราะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นในวันเกิดของตัวเองจึงสงสัยมกุฎราชกุมารกับเธอ แต่เมื่อการสอบสวนอย่างละเอียดเสร็จสิ้น ระหว่างเธอและมกุฎราชกุมารหาจุดลงตัวไม่ได้มิเอลจึงได้รับการเอ็นดูจากเธออีกครั้ง
“ขอโทษที่มาสายนะคะ”
“สายอะไรกันล่ะคะ ไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ”
แค่พูดไปแบบนั้นมิเอลไม่ได้สนใจตามที่พูดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าการที่ทำให้ดัชเชสต้องรอจะเกิดปัญหาใหญ่หรือไม่เพราะการทำให้เธอต้องรอถือเป็นความผิดอันใหญ่หลวงอย่างนึ่งเลย
“เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ นะจ๊ะ เป็นชาแดงของเมืองแกรนด์เวอร์ ช่วงฤดูร้อนนิยมดื่มคลายร้อนกัน”
“ถึงกับให้ของขวัญด้วย…! ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
ระหว่างที่ขนมที่จัดเตรียมไว้กำลังมายังสวนดัชเชสก็ถามมิเอล
“เลดี้คนอื่นๆ ยังสบายดีอยู่ใช่ไหมคะ ฉันยุ่งจนไม่มีเวลาไปพบปะเลยน่ะค่ะ”
“แน่นอนสิคะ ทุกคนต่างนับวันรอที่จะได้พบดัชเชสอยู่ค่ะ แต่ในระหว่างนั้นทุกคนต่างขอพรให้ดัชเชสไม่ว่าจะทำอะไรก็ขอให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยล่ะค่ะ”
เป้าหมายของมิเอลคือการได้ควบคุมอิทธิพลที่ดัชเชสสนับสนุนอยู่ เพราะเธอได้รับความเอ็นดูจากดัชเชสมากที่สุด ดูเหมือนว่าข่าวลือที่หล่อนจะได้เป็นภรรยาของท่านดยุกคนถัดไปจะทำหน้าที่สำเร็จแล้ว เพราะอย่างนั้นแม้ว่ามิเอลจะไม่ได้ทำอะไรแต่จึงสามารถรับอำนาจต่อจากดัชเชสได้นั่นเอง
แต่โชคดีที่ไม่จำเป็นต้องจัดการอะไรต่างจากเดิม เพราะบรรดาเลดี้ส่วนใหญ่ ต่างหวังจะได้สนิทสนมกับดัชเชสและมิเอลอยู่แล้ว เพื่ออนาคตที่สดใสของพวกหล่อน
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเรื่องดีมากเลยสิ เพราะทุกคนต่างก็ใจกว้างและมีเมตตาให้กันใช่ไหม”
“ดิฉันคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะความกรุณาของดัชเชสทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ เพราะทุกคนต่างเคารพและชื่นชมดัชเชสนี่คะ”
มิเอลคือหมารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของดัชเชสไอซิสอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะมีคำถามใดก็ตามหล่อนตอบทิ้งท้ายด้วยการสรรเสริญดัชเชสทุกครั้ง ไอซิสที่นั่งอยู่ยกยิ้มอย่างพอใจกับเรื่องนั้นเช่นกัน
จะกล่าวว่าเป็นอำนาจที่อันดับสองก็คือมิเอลเหมาะสมที่ได้ออสการ์ไปเป็นคู่ครอง เพื่อมิเอลที่พยายามปรับตัวเข้ากับไอซิสแล้ว เธอจึงเลือกหัวข้อสนทนาที่หล่อนจะพอใจได้บ้าง
“เข็มกลัดนั่นเข้ากับเลดี้มากเลยนะคะ”
“คุณออสการ์ส่งมาให้ฉันน่ะค่ะ มันสวยมากจนฉันเอามาใช้ทุกวันเลยค่ะ”
“ฉันนึกแล้ว เพราะว่ามันคล้ายกับเข็มกลัดที่ออสการ์มีอยู่เลย”
“จริงเหรอคะ”
“แน่นอนสิ ฉันจำได้ว่าออสการ์เคยบอกว่าเพราะว่ามันเป็นเพชรที่งดงามมาก เมื่อมองมันทำให้นึกถึงเลดี้เลยซื้อน่ะค่ะ”
“ตายจริง…! ท่านพูดแบบนั้น… ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าฉันมีเข็มกลัดคล้ายกับคุณออสการ์ใช่ไหมคะ!”
“เป็นเข็มกลัดที่ออสการ์ชอบมากเลยล่ะ”
ไอซิสมองมิเอลประทับใจจนแทบน้ำตาเอ่อด้วยสายตาที่อบอุ่น
ดูท่าเธอก็รู้อยู่เหมือนกัน เข็มกลัดที่ได้รับเป็นของขวัญอันนั้นไม่ใช่ของที่ออสการ์เป็นคนส่ง แม้จะรู้อยู่อย่างนั้นแต่ก็แสร้งทำเพื่อรักษาหน้าตัวเองล่ะสิ เป็นท่าทางเลดี้ตระกูลชั้นสูงที่น่าพอใจเหลือเกิน
เพราะไม่มีทางที่ออสการ์จะออกไปซื้อเข็มกลัดหรือเพชรพลอยแบบนั้นแน่ แต่ว่าที่ออสการ์ยังเก็บเข็มกลัดนั้นอยู่ ดูเหมือนจะสนใจเรื่องนั้น ลูกนางโสเภณีกล้าดีอย่างไรถึงยังไม่โผล่มาอีก
ในขณะที่กำลังจะโยนทิ้งไปในท่อน้ำกลับเปลี่ยนความคิด ส่งมันคืนให้ออสการ์ จากนั้นจึงทำเข็มกลัดที่คล้ายกันเป็นของขวัญให้มิเอล
‘เอาล่ะ ต่อจากนี้เข็มกลัดนั่นไม่ใช่ของที่ได้มาจากลูกนางโสเภณีสกปรกนั่น แต่เป็นของคู่กันของแกกับมิเอล เข้าใจไหม
มือของออสการ์ถูกไอซิสจับแน่นจนแทบจะทำลายไปเสียอย่างนั้นพลางเตือนว่ามาช่วยให้ลูกนางโสเภณีนั่นที่เพิ่งเข้ามาในชนชั้นสูงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกันเถอะ เขาฟังอย่างสงบเสงี่ยมแบบนี้จะไม่น่ารักได้อย่างไรกัน
“ว่าแต่ ฉันยังไม่ได้พบกับคนที่เพิ่งเข้ามาในตระกูลท่านเคานต์เลยนะ”
“อ๋อ… หมายถึงคนนั้นสินะคะ”
มิเอลสังเกตรอบข้างพลางเบาเสียงลง ดูท่าจะกังวลภาพลักษณ์ตัวเอง
“ใช่ ‘คนนั้น’ ละค่ะ ไม่ว่าต้นกำเนิดจะต่ำตมแค่ไหนก็ตาม ไม่ออกมาทักทายเป็นธรรมเนียมบ้านเมืองไหนกันล่ะคะ พวกคนที่เคยอาศัยอยู่ในที่ที่ไม่อยากเอ่ยปากพูดก็คงจะเป็นอย่างนี้สินะคะ”
“จะว่าไป… น่าจะเป็นอย่างนั้นล่ะค่ะ”
เพราะแม้แต่ชื่ออาเรียก็ทนเรียกไม่ได้จนชื่อเรียกของเธอกลายเป็น’คนนั้น’ไปโดนปริยาย
แต่จะว่าไปก็อยากพบหน้าสักหน่อย สงสัยว่านางโสเภณีร้ายกาจราวกับหมาป่าที่ล่อลวงน้องชายแสนซื่อของตนจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
ไอซิสสั่งข้ารับใช้คนหนึ่งให้ไปเรียกอาเรีย ทันใดนั้นมิเอลก็ยิ้มแหยพลางเสนอว่าลองคิดใหม่จะดีไหม
“ทำไมเหรอคะ แค่ไม่ได้ทักทายเลยให้ไปเรียกมาเท่านั้นเอง”
“ไม่ใช่คนที่ดัชเชสควรจะพบน่ะค่ะ จะมีแต่อารมณ์ท่านที่เสียแน่นอนค่ะ”
“จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ยิ่งอยากพบเลยนะเนี่ย ถ้าเป็นคนแบบนั้นจะยิ่งไม่ดีกับเลดี้มิเอลใช่ไหมล่ะ”
มิเอลแสดงสีหน้าลำบากใจพลางกัดริมฝีปากแน่น ดูเหมือนว่าจะไม่อยากให้อาเรียและไอซิสเจอกัน เพราะเพิ่งเคยเห็นท่าทางไม่สนับสนุนของเธอแบบนั้นครั้งแรกทำให้ไอซิสเต็มไปด้วยความสงสัย
หลังจากความสงสัยนั้นผ่านไปตามเวลาสักพักเมื่ออาเรียปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้ความสงสัยนั้นหายไปอย่างหมดจด
“ขออภัยที่มาทักทายช้าไปนะคะดัชเชสเฟรดเดอริก ดิฉันอาเรียค่ะ”
ย่อคำนับด้วยท่าทางที่สง่างามอย่างไร้ที่ติ ได้ยินข่าวลือว่าก่อความวุ่นวายไปทั่วจนกะจะจับผิดและด่าทอเสียแล้วแต่พอเจอเข้าจริงๆก็ไม่มีอะไรให้ต้องดุด่าด้วยซ้ำ
ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้านั่น ช่างงดงามมากไม่ใช่หรอกหรือ สมกับเป็นลูกสาวนางโสเภณีที่ล่อลวงท่านเคานต์ได้
สิ่งที่ทำให้ไอซิสหยุดมองอาเรียก็คือสาวใช้ที่รินน้ำชาใส่ถ้วยชาของอาเรีย เพราะเสียงเล็กน้อยนั่นทำให้ไอซิสกลับมาได้สติอีกครั้งพลางแสร้งทำเป็นนิ่งเฉย
“…ยินดีที่ได้พบค่ะ ดูเหมือนว่าสุขภาพจะไม่ค่อยดีนักสินะคะ”
ด้วยคำถามที่เลี่ยงไม่ได้อาเรียจึงตอบอย่างนอบน้อม
“ไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ ดิฉันเกรงว่าไม่ควรหากนำร่างเล็กๆ ของตัวเองออกมาพบกับท่านน่ะค่ะ”
ลูกนางโสเภณีกลับตอบรับได้อย่างชำนาญ ไอซิสยกยิ้มขึ้น
“อย่างนั้นสินะคะ เป็นความผิดของฉันสินะ น่าจะเรียกก่อนแท้ๆ นั่งสิคะ”
อาเรียตั้งกล่องที่ไม่รู้จะนำมาทำไมพลางนั่งลง แม้จะขยับเพิ่มก็ตามยังคงดูสง่างามและสะอาดสะอ้านไอซิสหรี่ตาลงพลางตั้งใจเพ่งมองทุกกระเบียดนิ้ว
‘ไปเรียนอะไรแบบนั้นมาเมื่อไหร่กัน’
เพียงแค่สองปีก็ใช้เวลาเรียนมารยาทชั้นสูงแบบนั้นได้เหรอ ลูกนางโสเภณีโสโครกนั่นน่ะเหรอ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ
ไอซิสที่จ้องอาเรียจนแทบจะทะลุทำให้สีหน้าของมิเอลเริ่มซีดลง ดูเหมือนว่าหล่อนคงจะประเมินอาเรียที่เลียนแบบตัวเองเป็นตระกูลชนชั้นสูง
แต่ทว่าไอซิสไม่คิดแบบนั้น แม้จะมองภายนอกว่าพอจะเข้าท่าก็ตามเธอเชื่อว่าข้างในต้องว่างเปล่าแน่นอน ต้นกำเนิดที่ต่ำตมโสโครกแม้จะเปลี่ยนการแต่งกาย ทานอะไรเปลี่ยนไปก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางเปลี่ยนต้นกำเนิดไปได้
“ปรับตัวกับตระกูลท่านเคานต์ได้แล้วเหรอคะ”
“กำลังพยายามอยู่ค่ะ”
“นี่ก็ผ่านไปสองปีแล้วแค่พยายามยังไม่พอหรอกค่ะ จะให้ตระกูลท่านเคานต์มีมลทินไปไม่ได้นี่คะ”
“ดิฉันจะจำไว้ค่ะ”
“ดูเหมือนว่าช่วงนี้จะมีข่าวลือทำให้ตระกูลท่านเคานต์ดูไม่ดีเสียแล้วต้องรีบหน่อยแล้วล่ะค่ะ”
แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้วข่าวลือพวกนั้นออกไปยังโลกภายนอกผ่านดัชเชสไอซิส หากได้ยินมาจากมิเอลครึ่งหนึ่งที่เหลือก็มาจากจินตนาการอีกครึ่งหนึ่งของเธอ แม้จะไม่เคยพบกันมาก่อนก็คิดว่าหล่อนคงไม่ต่างอะไรจากข่าวลือนั่น
แค่ได้ยินมาจากมิเอลว่าท่านเคานต์เหมือนจะแต่งงานใหม่เธอก็โกรธแค้นมาก วันข้างหน้าตระกูลท่านดยุกจะเกี่ยวดองกับนางโสเภณีเนี่ยนะ! แม้เป็นชาวบ้านธรรมดาก็จะไม่ยินดีเท่าไหร่นักแต่นี่มีต้นกำเนิดที่ต่ำยิ่งกว่าอย่างนั้นหรือ…!
เพราะอย่างนั้นไอซิสจึงเป็นคนที่บอกมิเอลว่าทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้ท่านเคานต์แต่งงานใหม่
เป็นความอับอายของตระกูลทั้งบอกว่าจะทำให้ชื่อของเธอเสียชื่อเสียง ไม่แน่ว่าเธอก็อาจจะโดนด่าทอไปด้วยก็ไม่รู้ เพราะอย่างนั้นหล่อนจึงหวังว่ามิเอลจะคอยกำจัดสองแม่ลูกโสเภณีนั่นด้วยตัวเอง
แม้ท่านเคานต์จะมองสายตาภายนอกออกแต่ไม่สามารถยกเลิกการแต่งงานกับนางโสเภณีนั่นท้ายที่สุดก็ได้แค่เตือนตระกูลท่านเคานต์ให้เตรียมรากฐานให้พร้อมที่จะลงมาปะปนกับหินโสโครก ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าทั้งยังตอบรับคำด่าเสียอีก
“ดิฉันจะพยายามทำอย่างดีที่สุดค่ะ”
ครั้งนี้หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำทั้งสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิด ทำให้ไอซิสรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก
อาเรียยกถ้วยชาขึ้นดื่มไปหนึ่งอึก เป็นชาแดงจากเมืองแกรนด์เวอร์ที่ไอซิสนำมา
หล่อนจะรู้ไหมนะว่าตอนนี้ชาที่หล่อนดื่มอยู่มันหายากมากแค่ไหน แน่นอนว่าหล่อนไม่สามารถแยกข้อแตกต่างของชาแดงได้อยู่แล้ว
“ชาเป็นอย่างไรบ้างคะ”
สายตาของไอซิสที่ถามเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ดูเหมือนว่าจะคาดหวังว่าจะหาอะไรสักอย่างทำให้อาเรียต้องอับอาย
อาเรียดื่มชาแดงอีกหนึ่งอึกอย่างช้าๆพลางรับรสก่อนจะตอบ
“รสชาติขมแบบพิเศษคลุ้งอยู่ทั่วปากเลยนะคะ อมเปรี้ยวเล็กน้อยด้วย… หรือว่าจะเป็นชาแดงจากแกรนด์เวอร์เหรอคะ”
คำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้ไอซิสจ้องตาเขม็ง รวมถึงสายตาของมิเอลด้วย ชาแดงที่หายากแบบนั้น ทำไมลูกนางโสเภณีกลับดื่มไปแค่ไม่กี่ครั้งกลับรู้รสชาติทั้งยังทายชื่อถูกอีกด้วย
“…ใช่ค่ะ รู้ดีจังเลยนะคะ”
อาเรียพูดต่อจากคำตอบกลับที่สั่นเครือของไอซิส
“ดิฉันได้ยินว่านิยมดื่มกันเพื่อคลายร้อนค่ะ หากเพิ่มน้ำตาลไปสักครึ่งช้อนก็คงจะดี… แต่แบบไม่ใส่น้ำตาลเลยก็สามารถดื่มได้อีกแบบเหมือนกันค่ะ อากาศก็เริ่มร้อนขึ้นแล้วเป็นเกียรติที่ได้ดื่มชาหายากแบบนี้นะคะ”
คำตอบที่ไร้ที่ติยังคงพูดต่อ เกือบจะด่าทอว่าแค่ชาแดงก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยเสียแล้ว กลับไม่มีอะไรให้คอยจับผิดได้เลย ราวกับเตรียมการมาอย่างดีไม่ให้พลาด
หลังจากนั้นเธอลองถามคำถามสองสามอย่างเพื่อให้อาเรียอับอายแต่หล่อนกลับตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายอย่างสบาย
ท้ายที่สุดจึงไม่สามารถหาข้อที่จะดุด่าได้ จนต้องบอกว่าขอกลับก่อน
“ขอบพระคุณที่เรียกให้ดิฉันเข้าพบนะคะดัชเชส”
อาเรียเก็บนาฬิกาทรายที่วางอยู่บนโต๊ะ พลางคำนับอย่างอ่อนน้อมแล้วหายกลับไป
ทุกอย่างเป็นธรรมชาติไม่รู้แม้กระทั่งเอานาฬิกาออกมาตอนไหนท่าทางสง่างามของอาเรียทำให้ไอซิสขมวดคิ้วแน่น
……………………….