พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย - บทที่ 76
“ตายจริง! …ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีคนที่ดูสง่างามแบบนั้นอยู่ด้วยค่ะ”
นัยน์ตาของแอนนี่ยังคงแวววาวระยิบระยับราวกับตกอยู่ในภวังค์ภายในรถม้าที่กำลังเดินทางกลับ
เธอเอาแต่ยกย่องชื่นชมท่านบารอนเวอร์บูมราวกับนกน้อยที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างไม่ขาดสายในตอนเช้า อาเรียพูดเสริมขึ้นมาโดยกล่าวถึงเส้นผมและผิวพรรณของเขา
“ถูกใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ค่ะ! ดิฉันเพิ่งจะเคยเห็นคนที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นเป็นครั้งแรกเลยค่ะ! ”
ท่านบารอนเวอร์บูมกับแอนนี่อย่างนั้นหรือ ถือเป็นการจับคู่ที่ไม่เลวทีเดียว แอนนี่เป็นเด็กที่หวังจะเลื่อนฐานะทางสังคมให้สูงขึ้น ส่วนท่านบารอนเวอร์บูมก็เป็นคนมีความสามารถที่ฉันคิดจะเลี้ยงเอาไว้
หากแอนนี่ได้ลงเอยกับเขาแล้วละก็ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะต้องเป็นความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่ถึงแม้จะอยากตัดเท่าไรก็ตัดไม่ขาดแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นมันจะกลายเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นอีกด้วย
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนั่นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อท่านบารอนเวอร์บูมมีใจให้กับแอนนี่ แน่นอนว่าฉันจะพยายามทำให้ทั้งสองคนได้ลงเอยกันเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าท่านบารอนไม่มีทีท่าสนใจแอนนี่เป็นพิเศษ มันก็คงจะเป็นไปได้ยาก
หากว่าแอนนี่ไม่รังเกียจอะไรแล้ว ฉันก็คงช่วยเป็นแม่สื่อสานความสัมพันธ์ให้เธอได้ แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีใจให้เขาก็ตาม แต่หากโน้มน้าวด้วยคำพูดเยินยอนิดหน่อยเธอก็คงเออออเห็นด้วยเป็นแน่
หากเธอให้ความร่วมมืออย่างดีก็คงดี เมื่อมาถึงคฤหาสน์ท่านเคานต์ผู้คุ้มทั้งสองที่ถือน้ำมันหอมหลายสิบอันก็ถามอาเรียขึ้นมา
“เลดี้ครับ ให้เอาทั้งหมดนี้ไปที่ห้องเลยไหมครับ”
“ไม่ละ เอาไปไว้ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งให้ทีนะ และก็ช่วยเรียกสาวใช้ทุกคนในบ้านให้ด้วยได้ไหม”
แอนนี่ที่ยังยิ้มแฉ่งจนถึงเมื่อสักครู่ทำตัวแข็งทื่อขึ้นมา ดูเหมือนเธอจะเดาได้ว่าอาเรียคิดจะทำอะไร
“เลดี้…! เลดี้คงไม่คิดจะให้ทั้งหมดนี่กับทุกคนหรอกใช่ไหมคะ ใช่ไหมคะ”
“ฉันคิดจะทำแบบนั้นล่ะ”
คำตอบที่ไร้ซึ่งความลังเลของอาเรียสวนทางกับความคาดหวังของแอนนี่ มือของเธอสั่นระริกราวกับใบไม้ร่วงที่กำลังโรยรา เธอถามอาเรียกลับไปด้วยน้ำเสียงราวกับจะร้องไห้
“นี่ นี่มันราคาตั้งเท่าไรกัน… เลดี้จะให้ทั้งหมดนี้เลยเหรอคะ…”
“แอนนี่ เธอนี่ไม่รู้อะไรเสียแล้ว”
อาเรียปรายตามองแอนนี่และพูดออกไป สายตาของอาเรียดูไม่ต่างไปจากปีศาจตัวน้อยเจ้าปัญหาที่กำลังเล่าเรื่องชั่วร้ายให้เด็กน้อยฟัง
“ข้อดีของการมีน้ำมันหอมเยอะๆ คืออะไรหรือ”
“เรื่องนั้น…อ่อ ก็คงจะดีที่ได้ใช้มันมาเสริมแต่งตัวเองกระมังคะ”
“ถ้าอย่างนั้น พอเสริมแต่งแล้วจะทำอะไรต่อละ”
“คะ! อ่อ…อืม…เรื่องนั้น…”
หากจะมีใครที่สนุกและพอใจกับการเสริมสวยรูปโฉมด้วยตัวของตัวเองแล้วละก็ คนคนนั้นก็คือแอนนี่นั่นเอง เธอรู้สึกสนุกไปกับการที่ได้ตกแต่งร่างกายของตัวเองให้ใครสักคนเห็น สังเกตได้จากทุกครั้งที่ได้รับอะไรสักอย่างเป็นของขวัญจากอาเรียเธอก็จะเดินอวดไปทั่วคฤหาสน์นั่นเอง
แต่วันนี้ต่างออกไป ดูได้จากการที่เธอเขินอายหน้าแดงอ้อมแอ้มไม่ตอบคำถามต่างจากก่อนหน้านี้ที่มักจะวิ่งเต้นด้วยความดีใจแล้ว นั่นคงจะเป็นเพราะในครั้งนี้เธอนึกถึงท่านบารอนเวอร์บูมอยู่แน่ๆ
อาเรียถามอีกครั้ง
“ถ้าหากว่าฉันแจกน้ำมันหอมให้ทุกคนจนหมด สิ่งที่ฉันจะต้องทำต่อไปคืออะไรเล่า”
“ถ้าหมดก็ต้อง…ต้องซื้อใหม่ใช่ไหมคะ”
“แล้วซื้อจากที่ไหนละ”
“นั่นมัน แน่นอนว่าก็ต้องซื้อที่ร้านค้าของท่านบารอนเวอร์บูม…อะ! “
ตอนนั้นเองแอนนี่ที่หาคำตอบที่ถูกต้องเจอก็ตาเป็นประกายอีกครั้ง
“ถ้ามีน้ำมันหอมเยอะเกินไปก็คงจะไม่มีเรื่องให้ไปที่ร้านอีก อย่างนั้นแล้วไม่มีไม่ดีกว่าหรือ”
แน่นอนว่าหากเป็นแบบนั้นผลดีก็จะตกไปที่แอนนี่ เพราะเธอจะมีโอกาสได้เจอกับท่านบารอนเวอร์บูมผู้ที่เธอสรรเสริญเยินยอไปเมื่อครู่อีกครั้ง
“ค่ะ ใช่ค่ะ! “
แอนนี่พยักหน้าพร้อมแววตาเปล่งประกาย
“และอีกอย่างฉันขี้เกียจที่จะต้องไปที่ร้านด้วยตัวเองแล้ว ถ้าจำเป็นต้องใช้ขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอก็ไปซื้อมาให้ทีละกัน จะอ้างว่ามาธุระในนามของฉันก็ได้”
“อ่อ จริงหรือคะ! “
“เธอเคยเห็นฉันกลับคำด้วยหรือไง”
“ไม่ค่ะ! ไม่เคยเลยค่ะ! “
ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดในชีวิตของเธอ นอกจากเขาจะหน้าตาดีแล้วหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีเธอก็จะสามารถเลื่อนชนชั้นทางสังคมได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการสนับสนุนจากอาเรียอีกต่างหาก
และเมื่อเธอย้อนกลับไปนึกถึงการกระทำที่ผ่านมาของอาเรียซึ่งคอยช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่แล้ว เธอก็จะเชื่อถือและไว้ใจโดยไม่รู้สึกกังขาแต่อย่างใด มันจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกเล่า
“เลดี้คะ! เรื่องสาวใช้ทุกคนนั้น ดิฉันจะไปเรียกมาให้เองค่ะ”
น้ำเสียงของแอนนี่แจ่มใสชัดเจนยิ่งกว่าตอนไหนๆ
“ได้สิ เอาตามนั้นแล้วกัน”
“มันคงจะวุ่นวายทำเลดี้รำคาญเปล่าๆ เดี๋ยวดิฉันจะเป็นคนแจกน้ำมันหอมให้เองค่ะ”
ท่าทางของแอนนี่บ่งบอกว่าถ้าทำได้เธอคงจะทำให้น้ำมันหอมทั้งหมดแตกๆ ไปเสีย อาเรียยิ้มเล็กน้อยและตอบว่าให้ทำตามที่เธอพูดแล้วกัน จากนั้นแอนนี่ก็รีบเข้าไปในคฤหาสน์
แอนนี่เรียกสาวใช้ทุกคนมารวมตัวกัน เธอทำท่าทีโอ้อวดและแจกน้ำมันหอมให้กับพวกสาวใช้ แม้แอนนี่จะแจกน้ำหอมด้วยท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งก็ตาม แต่บรรดาสาวใช้ต่างยิ้มหวานต่อของขวัญอันมีค่าและชื่นชมต่อความมีน้ำใจของอาเรียอย่างท่วมท้น
หลังจากนั้นไม่กี่วัน แอนนี่ที่ยืมเครื่องประทินโฉมของอาเรียไปใช้ในระหว่างนั้นก็ถามอาเรียขึ้นมาว่า
“เลดี้คะ น้ำมันหอมหมดแล้วนะคะ ให้ดิฉันไปซื้อให้ดีไหมคะ”
อาเรียหัวเราะเบาๆ และตอบออกมา
“เอาสิ ไปซื้อให้หน่อยแล้วกัน”
“ซื้อกี่ขวดดีคะเลดี้”
“เธอจัดการได้เลย จะซื้อกี่ขวดฉันก็ไม่ว่าหรอก แค่คอยระวังอย่าให้น้ำมันหอมฉันหมดก็พอ”
เมื่อได้ยินอาเรียพูดออกมาราวกับจะฝากทุกอย่างไว้ให้เธอดูแลแล้ว แอนนี่ก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจและรีบมุ่งหน้าไปยังย่านหลักที่ค่อนข้างคึกคัก
เธอถือเค้กอันหอมหวานที่เที่ยวเสาะหามาอย่างยากลำบากจากในตัวเมืองมาด้วย พอคิดว่าจะได้ทานเค้กกับท่านบารอนเวอร์บูมก็รู้สึกดีราวว่าได้โบยบินอยู่บนฟากฟ้า
เมื่อมาถึงร้านค้าของบารอนเวอร์บูมแอนนี่ก็เดินไปที่เคาน์เตอร์ในทันที นั่นก็เพื่อที่จะตามหาท่านบารอนเวอร์บูมนั่นเอง เธอนึกถึงครั้งก่อนที่เขาลงมาจากชั้นสองจึงไปชะเง้อมองแถวบริเวณเคาน์เตอร์ โชคดีที่ไม่มีใครอยู่เธอจึงเดินผ่านเคาน์เตอร์แล้วขึ้นบันไดที่อยู่ด้านหลังไป
‘อยู่ที่ไหนกันนะ’
รู้แบบนี้น่าจะขอให้ใครช่วยพาไปก็ดีหรอก
ถ้าเธออ้างชื่ออาเรียออกไปก็คงจะง่ายกว่านี้แท้ๆ แอนนี่เดินเตร่ทั่วทั้งชั้นสอง เธอลองเปิดประตูหลายๆ ห้องดูจนในที่สุดก็เจอห้องทำงานของบารอนเวอร์บูม
แอนนี่ที่เข้ามาเจอบารอนเวอร์บูมซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารอยู่ ก็รีบกล่าวขอโทษราวกับว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเขา
“อะ ขอโทษค่ะ! พอดีว่าดิฉันหลงทางก็เลย…”
น้ำมันหอมทั้งหมดถูกจัดเตรียมไว้ที่ชั้นหนึ่งแท้ๆ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เธอมาหลงอยู่บนชั้นสองได้เลย ถึงอย่างนั้นบารอนเวอร์บูมก็จำได้ว่าแอนนี่เป็นผู้ติดตามของอาเรีย เขาอ้าแขนต้อนรับการมาเยือนของเธออย่างเต็มใจ
“อย่างนั้นหรือครับ ไม่ได้การล่ะทำเลดี้หลงทางเสียได้…ดูเหมือนผมจะต้องเปลี่ยนโครงสร้างของร้านใหม่เสียแล้ว”
คำพูดอันอ่อนโยนของเขาทำเอาแก้มทั้งสองข้างของแอนนี่ร้อนผ่าว บารอนเวอร์บูมเชื้อเชิญให้แอนนี่นั่งลงตรงโซฟาที่วางอยู่ทางขวาของห้องทำงาน และได้เตรียมชาให้เธอเพื่อคลายความตกใจหลังจากที่เดินหลงทาง
แม้การต้อนรับในครั้งนี้จะดูเรียบง่ายกว่าตอนที่อาเรียมาในครั้งก่อน แต่แอนนี่ก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ตอนแรกที่เขาเรียกคนธรรมดาแบบเธอว่าเลดี้ ก็ทำให้เธอคิดว่าเขาช่างสุภาพกับเธอมากๆ แน่นอนว่าบารอนเวอร์บูมไม่ได้สนใจว่าเธอจะเป็นบุคคลชนชั้นสูงหรือไม่ เขาเพียงแค่ใช้คำว่าเลดี้เป็นคำเรียกเท่านั้น
“ดิฉันเพิ่งจะซื้อเค้กมาเมื่อกี้เองค่ะ พอดีเลยนะคะ”
หลังจากที่แอนนี่ยื่นเค้กออกมา บารอนเวอร์บูมก็โบกมือปฏิเสธพร้อมใบหน้าเกรงใจ
“ผมคงรับของดีๆ แบบนี้ไว้ไม่ได้หรอกครับ เลดี้เก็บไว้ทานกับเลดี้อาเรียทีหลังดีไหมครับ”
“แน่ แน่นอนว่าดิฉันเตรียมส่วนของเลดี้อาเรียเอาไว้อยู่แล้วละค่ะ อันนี้เป็นส่วนที่ดิฉันซื้อมาจากเงินที่เหลือน่ะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะคะ”
ในตอนที่บอกว่าเตรียมส่วนของอาเรียเอาไว้แล้วนั้น แอนนี่ก็เอาเค้กออกมาวางไว้บนโต๊ะ ความจริงที่ว่าเธอไม่ได้เตรียมส่วนของอาเรียเอาไว้ ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่นิดหน่อย แต่เพราะความรู้สึกปลื้มใจมีมากกว่าจึงทำให้เธอปัดความไม่สบายใจออกไปได้อย่างรวดเร็ว
เธอตั้งใจจะใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับน้ำชาพร้อมบารอนเวอร์บูมสักครู่ แต่บารอนเวอร์บูมที่ดื่มชาไปได้อึกหนึ่งก็ไม่รอช้า เขาถามออกมาในทันที
“ว่าแต่ วันนี้แวะมาด้วยธุระอะไรหรือครับ”
“อ่อ…ตั้งใจจะมาซื้อน้ำมันหอมน่ะค่ะ”
“น้ำมันหอมงั้นหรือครับ”
เวอร์บูมเอียงคอสงสัย เขาเพิ่งจะให้น้ำมันแต่ละชนิดเป็นของขวัญไปเมื่อไม่นานมานี้เอง หน้าตาของเขากำลังถามว่าเหตุใดถึงได้มาซื้ออีกครั้ง ทั้งที่ของขวัญที่ให้ไปมันสามารถใช้ได้ตั้งหลายปีแท้ๆ
“ค่ะ เลดี้อาเรียแจกน้ำมันหอมให้กับสาวใช้ในคฤหาสน์ไปแล้วค่ะ เลดี้มักจะมีเมตตาแบ่งปันสิ่งของให้อยู่เสมอค่ะ”
หลังจากแอนนี่พูดออกมาอย่างภูมิใจ เวอร์บูมก็ทำสีหน้าแปลกๆ ที่ยากจะเข้าใจได้ ดูเหมือนเขาจะรู้สึกคาใจอยู่นิดหน่อยที่อาเรียเอาของขวัญที่เขาให้ไปให้คนอื่นอีกที แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกประทับใจกับนิสัยของอาเรียที่ต่างไปจากข่าวลือ
“และก็…”
“…ครับ”
“และก็ถ้าน้ำมันหอมหมดขึ้นมาก็จะได้เจอกับท่านบารอนเวอร์บูมแบบนี้อีกค่ะ”
แก้มของแอนนี่เปลี่ยนเป็นสีแดง แม้เธอจะแต่งหน้าเข้มจนแก้มเป็นสีชมพูอยู่แล้ว แต่มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนสีของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิเข้ากับใบหน้าของหญิงสาวขี้อาย ซึ่งมากพอที่จะทำให้หัวใจของชายหนุ่มหวั่นไหว
แอนนี่กระดิกนิ้วไปพลางรอคำตอบของเวอร์บูม เธอไม่กล้าจ้องหน้าเวอร์บูมจึงได้แต่จดจ้องไปยังเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะ เพราะเธอเค้นเอาความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อพูดมันออกไป
“…อย่างนั้นเองสินะครับ”
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมไปครู่หนึ่ง เขาก็ตอบออกมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย เพียงแค่นั้นก็รู้ได้แล้วว่าเขารู้สึกดีใจขนาดไหน
เพราะอย่างนั้นแอนนี่จึงยกสายตาขึ้นมามองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง น่าแปลก จุดที่สายตาของเขามองอยู่กลับไม่ใช่แอนนี่ ราวกับว่าแววตาคู่นั้นกำลังมองไปยังที่ที่ไกลออกไปสักแห่ง
เหมือนกับว่าเขากำลังมองหาคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
“ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยครับว่าเลดี้อาเรียจะคิดเช่นนั้น ช่างเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนจริงๆ แล้วยังบอกว่าอยากมาพบผมอีกครั้งด้วย…”
เวอร์บูมกำลังเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง คนที่อยากพบเขาไม่ใช่อาเรียแต่เป็นแอนนี่ต่างหาก ดูเหมือนเขาไม่ได้สนใจในตัวแอนนี่เลยแม้แต่น้อย จึงไม่คิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้เลยสักนิด”
“แล้วอย่างไรครับ เลดี้ได้บอกไหมครับว่าจะมาอีกทีเมื่อไหร่”
ในขณะที่ใบหน้าของเวอร์บูมดูสดใสขึ้น ใบหน้าของแอนนี่ก็ดูหมองลงในเวลาเดียวกัน ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิเหี่ยวแห้งลงกลายเป็นดอกไม้แห่งเหมันต์อันหนาวเย็น ดวงดาวที่เคยส่องแสงระยิบระยับในดวงตาหายไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เหลือไว้เพียงความมืดมิดเท่านั้น
แอนนี่ไม่คิดว่าเขาจะหันมาสนใจเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะสนใจอาเรียขึ้นมา เขาคิดว่าอาเรียอยู่ในฐานะไหนกัน
เวอร์บูมไม่คู่ควรกับอาเรียเลย แม้ว่าชาติกำเนิดของอาเรียจะต่ำต้อยแต่เธอก็เป็นถึงลูกสาวของท่านเคานต์เลยมิใช่หรือ บารอนอย่างเวอร์บูมคงไม่ใช่คนที่จะกล้าหมายปองสิ่งที่อยู่สูงกว่าตนหรอก เพราะอย่างนั้นแอนนี่จึงคิดว่าเขาเหมาะสมกับคนธรรมดาอย่างตัวเอง เธอฝืนยิ้มออกมา
“คงจะต้องรออีกสักหน่อยน่ะค่ะ ระหว่างนั้นดิฉันจะมาเยี่ยมแทนสักระยะหนึ่งค่ะ”
“อย่างนั้นหรือครับ แต่ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นละครับ เพราะเลดี้เป็นคนที่งานยุ่งนี่ครับ”
เวอร์บูมที่ยังคงคิดเองเออเองไม่เลิกกำลังปลื้มอกปลื้มใจอยู่จริงๆ
อยากจะรู้นักถ้าบอกความจริงเขาไปว่าเลดี้อาเรียไม่ได้สนใจในตัวเขาแบบนั้นเลย เขาจะยังคงสีหน้าแบบนั้นไว้ได้หรือไม่กันนะ คงทำไม่ได้แน่ๆ
แอนนี่โอบกอดหัวใจที่หนาวเย็นของตนเองกลับมาที่คฤหาสน์ ในมือมีน้ำมันหอมที่เขาให้เป็นของขวัญอยู่ ทั้งที่มีแค่ไม่กี่ขวดแท้ๆ แต่ทำไมมันถึงหนักได้ขนาดนี้กันนะ แต่ละย่างก้าวก็หนักเกินที่จะก้าวต่อไปจนเผลอคิดว่าตนเองจะล้มลงบนพื้นไปทั้งแบบนี้ไหมนะ
ก้าวเดินของแอนนี่หยุดอยู่ตรงหน้าห้องอาเรีย เพราะออกไปข้างนอกมาจึงต้องกลับมารายงานเรื่องต่างๆ ให้ทราบ แอนนี่ยืนกลุ้มใจอยู่หน้าห้องอาเรียสักพัก สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถฝ่าฝืนหน้าที่ได้จึงเคาะประตูและพูดออกไป
เมื่ออาเรียเห็นแอนนี่กลับมาด้วยสีหน้าหม่นหมองต่างจากตอนออกไปก็ทักขึ้นมาเธอราวกับว่าเป็นแม่ที่รับรู้ความรู้สึกของลูกทุกอย่าง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมหน้าตาดูเศร้าแบบนั้นเล่า”
“เลดี้…”
แอนนี่อยากบอกอาเรียว่า‘ดูเหมือนผู้ชายที่ดิฉันรู้สึกสนใจเป็นครั้งแรกจะชอบเลดี้ค่ะ’ แต่เธอก็กลั้นมันเอาไว้ เพราะอาเรียเป็นคนเดียวที่จะสามารถทำให้เธอมีความสุขได้ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต
“ไปเอาชาอุ่นๆ มาให้หน่อยสิ”
ด้วยความเอาใจใส่ของอาเรียแอนนี่จึงถือแก้วชาที่ช่วยบรรเทาหัวใจอันเหน็บหนาวเอาไว้ในมือได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยบรรเทาจิตใจของเธอได้จริงๆ แต่การที่เธอสามารถจับอะไรสักอย่างไว้ในมือได้ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก
อาเรียยิ้มชอบกล เธอจ้องมองแอนนี่ในสภาพนั้นอยู่สักพัก แววตาของเธอบ่งบอกว่ารู้เรื่องราวทุกอย่าง แอนนี่งุ้มตัวลงเมื่อเห็นสายตาคู่นั้น อาเรียจึงจับมือแอนนี่ขึ้นมาและพูดออกมาว่า
“แอนนี่ เธอจะคิดไปเองไม่ได้นะ เธอไม่ใช่คนโง่แบบนั้นนี่นา”
“…อะไรนะคะ”
“ที่เธอชอบน่ะไม่ใช่ตัวของท่านบารอนเวอร์บูม แต่เป็นพื้นเพที่เขามีต่างหาก ถ้าเธอหวังจะได้หัวใจของเขาแล้วละก็ไม่มีทางมีความสุขขึ้นได้หรอก”
เพราะไม่เข้าใจว่าอาเรียหมายความว่าอย่างไรกันแน่แอนนี่จึงทำได้แต่กะพริบตา ดังนั้นอาเรียจึงเปลี่ยนคำถามขึ้นมา
“ถ้าหากว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษเลย เธอจะสนใจเขาไหมเล่า”
“ไม่ ไม่หรอกค่ะ…”
“เพราะอย่างนั้นเธอจะต้องแยกแยะระหว่างท่านบารอนเวอร์บูมกับพื้นเพของเขาออกจากกัน เขาเป็นแค่คนที่มีคุณสมบัติที่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้เท่านั้น โลกนี้น่ะมีผู้ชายอ่อนโยนและใจดีอยู่ถมเถไป แต่ผู้ชายที่จะทำให้เธอมีความสุขและเติมเต็มเธอได้ไม่ได้มีมากมายนัก”
ดูเหมือนอาเรียจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเวอร์บูมกับแอนนี่อยู่แล้ว ราวกับว่าเธอคาดการณ์เอาไว้แล้วถึงได้ส่งแอนนี่ไป
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็หวังว่าแอนนี่จะเอาชนะมันได้ เหมือนกับตัวอาเรียในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
เพื่อเป้าหมายแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามเธอก็จะทำ และก่อนที่ใจจะเป็นแผลเธอก็จะชิงปิดกั้นมันไว้ก่อน
……………………………………………….