พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” Ori of the Dragon Chain - ตอนที่ 45
บทที่4ตอนที่15
เมื่อคาบเรียนเลิกเสียงระฆังดังขึ้นทุกคนต่างลุกออกจากที่นั่ง แม้ว่าระฆังจะยังคงดังอยู่แต่หลายๆคนก็เริ่มกลับบ้านกันแล้ว
ผมและมาร์เองก็ไปที่ทางเดินพร้อมกับแบกกระเป๋าไปด้วย
「นี่โนโซมุวันนี้ทำไรดี?」
「…………ทำอะไรยังงั้นเหรอ?」
「หลังเลิกเรียนจะเอาไง ถ้าไม่รังเกียจไปฝึกที่เขตนอกเมืองไหม?พวกไอริสเองก็จะไปด้วยไปมะ?」
「……อืม……」
มาร์ชวนผม แต่ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปเมื่อคืนยังคงอยู่ในหัวผม ผมเลยค่อนข้างลังเลนิดหน่อย
ความจริงที่ว่าเคนมันทำอะไรลงไปบ้าง
หมอนั่นระเบิดความเกลียดชังที่มีต่อผมและความรักที่มีต่อลิซ่ามากเกินไปจากนั้นก็ปลอมตัวเป็น “ผม”
หลังจากนั้นผมก็ต้องทุกข์ทรมานเพราะสิ่งที่เคนทำไว้
เช่นเดียวกับความฝันสีเลือดที่เห็นเมื่อเช้านี้ พื้นดินต่างย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาด และเครื่องในรวมทั้งอวัยวะของเหล่าสัตว์อสูรจำนวนมากที่ผมพรากชีวิตพวกมันไปเมื่อวาน มันยังคงฝังอยู่ในใจ
「เอ๊ะ!!」
และ”หมอนั่น”ก็พยายามจะบอกว่าผมน่ะเหมือนกับ “เขา”มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกไม่สบายใจเข้าไปใหญ่ความขยะแขยงของคราบเลือดและกลิ่นเหม็นเน่าพยายามผลักดันให้ผม อ้วกออกมาแต่ผมก็กลั้นมันเอาไว้
「……โนโซมุไหวเปล่าเนี่ย? แปลกๆตั้งแต่เช้าแล้วนะ」
มาร์พูดด้วยท่าทางกังวล แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปและพยายามจะทำตัวตามปกติ และบอกปฏิเสธมาร์ว่าไม่เป็นไร ทันใดนั้นผมก็เห็นร่างของมันผู้นั้นตรงหน้าผม
「แล้วก็เคน สถานที่และเวลานัดพบล่ะ?」
「เจอกันที่สวนชูโอเวลาประมาณ 10 โมงเช้าเป็นไง?」
สิ่งที่ผมเห็นคือลิซ่าและเคนที่เดินคู่กัน
บางทีเธออาจจะสัญญากับเคนว่าจะไปเดทในวันหยุดพรุ่งนี้ เธอยิ้มอย่างมีความสุขและเคนเองก็ยิ้มอยู่ข้างๆเธอ
ตอนที่ผมเห็นมัน เปลวไฟที่สุมอยู่ในอกคู่ในมันก็เริ่มโหมกระหน่ำอีกครั้ง
ผมพยายามอดทนต่อตัวเองที่กำลังโกรธจัดด้วยการกำหมัดแน่นๆ แต่เปลวไฟที่เคยลุกโชนมันพยายามกลืนกินตัวตนของผมในชั่วพริบตาและพยายามระเบิดอารมณ์ออกไป
พวกเขาที่สังเกตเห็นผมก็พยายามแสดงสีหน้าที่ไร้อารมณ์ออกมา พยายามหลีกหน้าผม
「ชิ!!!」
สีหน้าของลิซ่าที่เห็นผมก็แข็งทื่อทันที เธอจ้องมองมาทางนี้ด้วยความเกลียดชัง แต่สำหรับผมตอนนี้มันไม่มีอะไรมากกว่า การที่จะทำให้ผมโกรธมากขึ้นไปอีก ผมพยายามระงับความโกรธนี่อย่างสุดชีวิต
ถึงกระนั้นผมก็ยังกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้ระเบิดความโกรธดั่งเช่นเมื่อวาน
เล็บที่จิกกัดเข้าไปในมืออย่างแน่นหนาและกัดเลือดเนื้อของผม ความเจ็บปวดทำให้เกิดเลือดเล็กๆน้อยๆบนฝ่ามือของผมที่กำลังทนกับความสิ้นหวัง
แต่ว่าเลือดนั่นเคนก็เห็นเข้า
(อึดอัดมาก!!)
…………ราวกับกำลังร่ำไห้。
เคนมันทำท่าทางร่ำไห้ภายด้านหลังของลิซ่า
การแสดงออกทางสีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไป แต่สายตาของเขาเหมือนกับที่ล้อเลียนผมเมื่อวาน
「!!!」
ทันทีที่เห็นมัน ความรู้สึกที่กำลังถูกซ่อมแซมอยู่ภายในก็พังทลายลง
คิ้วตั้ง เลิกคิ้วพร้อมๆกัน แก้มฉีกจนเห็นเขี้ยว
สายตาเกลียดชังของลิซ่ายังคงส่งตรงมาไม่หยุด และสีหน้าของลิซ่าก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นใบหน้าอันโกรธแค้นของผม
ผมพยายามที่จะควบคุมมันเอาไว้จนถึงที่สุด……。
「อาาา……」
ภาพสุดท้ายของเมื่อวานที่เห็นก็คือคอของไซคลอปส์ที่หลุดออกจากบ่าในวินาทีสุดท้าย
ตัวตนที่น่ารังเกียจนั่นมันกำลังจะกลับมาอีกครั้ง ผมพยายามอดกลั้นอย่างเต็มที่ และผมก็ต้องรีบละสายตาเพื่อไม่ให้บุคลิกด้านนั้นมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จนต้องหันหลังกลับ
「อะ เฮ้ยโนโซมุ!!」
「ขอโทษนะมาร์ แต่ว่าผมมีธุระนิดหน่อย……」
ผมเมินเสียงของมาร์และเริ่มเดินออกไป
แววตาของ “หมอนั่น”มันผุดขึ้นในใจผมอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากผมอยู่ที่นี่ต่อไป ผมต้องออกห่างจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ขาที่ควรจะเดินอย่างปกติกลับเร็วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและก่อนที่จะรู้ตัวก็ออกวิ่งเต็มกำลังแล้ว
ผมเลิกที่จะระงับความโกรธเอาไว้ ไม่อยากได้ยินอะไรอีกแล้ว และวิ่งต่อไปราวกับจะสลัดความรู้สึกเหล่านั้นให้หลุดลง
◇◆◇
ขณะที่ผมออกวิ่งต่อไป ก็กลับเข้ามาในป่าอีกครั้ง
พระอาทิตย์ที่ส่องแสงบนท้องฟ้ากำลังจะตกดินในหนึ่งชั่วโมง ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีแดงสดยามพระอาทิตย์ตกดิน
เมื่อผมมาถึงที่นี่ ผมก็หอบหายใจอยู่พักหนึ่งและเมื่อควบคุมลมหายใจได้ ความเกลียดชังในตัวผมเองก็เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ผมพยายามทำตัวให้เหมือนปกติ แต่ก็ทำไม่ได้เลย
ต้องขอโทษมาร์และคนอื่นๆแต่พูดตามตรงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร และผมกลัวมากที่จะต้องอยู่กับทุกคนในสภาพเช่นนี้
ถึงกระนั้น ช่วงเวลาของวันก็สงบสติลงได้บ้าง
รู้อยู่แล้วละผมกำลังหนีความจริงอีกแล้ว นอกจากนี้ “หมอนั่น”ก็เป็นคนใจร้อนมากๆด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องมีสติให้มากที่สุด ดังนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังกระท่อมของชิโนะที่ๆผมใช้ชีวิตอยู่อย่างยาวนานในอาร์คาซัม……。
「?มันแปลกๆนะ……」
สภาพของป่ามันแปลกไป ไม่มีร่องรอยของสัตว์อสูรเลย
สัตว์ธรรมดาก็ไม่เห็น
กระต่าย หนู นก มากมายหลายชนิด แม้จะแตกต่างกันออกไปแต่ตอนนี้ในป่ามันแปลกมากๆ ตามปกติจะรู้สึกถึงพวกมันได้บ้างแต่ตอนนี้สัมผัสไม่ได้เลย
「…………」
ประสบการณ์ที่สั่งสมมากำลังบอกว่าป่าเปลี่ยนแปลงไป จิตสำนึกตามธรรมชาติจะเตือนสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายต่อตันเอง หัวใจของผมเต้นรัวเล็กน้อยเพื่อให้เตรียมตัวสำหรับการต่อสู้ตลอดเวลา และเลือดเองก็ไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง
เสียงถูไถของกิ่งไม้ปลิวไสวไปตามสายลมและเสียงอื่นๆนอกจากเสียงหัวใจของผม
ได้ยินอะไรบางอย่าง
「ชิ………。…………」
「…………งั้น…………、ข้างหลัง…………………」
จากนั้นก็ได้ยินเสียงของคนหลายคนผสมปนเปกันไป และก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน อย่างไรก็ตามผมไม่รู้ว่าพวกนั้นกำลังพูดว่าอะไร อยู่ไกลแค่ไหน
ผมไม่รู้ว่านี่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ป่าผิดแปลกไปหรือเปล่า แต่ผมเองก็ชักดาบออกมาและเริ่มตามเสียงไป
「มิมุ……! ทางซ้าย…………หวาาา! มันล่อมา……!」
「บางที………! รุ……สนับสนุน…………………」
「อย่าพูดบ้าๆ……。มียารักษา………………」
หลังจากเดินมาได้สักพัก เสียงก็เริ่มดังขึ้นและแสงที่ส่องผ่านช่องว่างระหว่างต้นไม้ก็ค่อยๆมีมากขึ้น
ในเวลาเดียวกันก็เริ่มได้ยินเนื้อหาของการสนทนา แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่เห็นได้ชัดว่ากำลังสู้กับสัตว์อสูรอยู่
เมื่อเดินต่อไปก็พบว่าต้นไม้รกรานถูกตัดออกและยิ่งไปกว่านั้นมันกลายเป็นพื้นที่เปิด
ผมซ่อนร่างกายตัวเองท่ามกลางพุ่มไม้ในเขตนั้น
「ผู้หญิงคนนั้นมัน…………」
ที่ตรงนั้นมีนักเรียนของสถาบันโซลมินาติสามคนกำลังต่อสู้กับก็อบลินสายพันธุ์ย่อย สิบตัว และในมือพวกมันต่างถืออาวุธ เช่น มีด ดาบ และกระบองเก่าๆ
ก็อบลินเป็นเผ่าพันธุ์กึ่งมนุษย์ที่พบเห็นได้ทั่วทวีป แต่พวกมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกจัดอยู่ในเผ่าเดียวกับเหล่าสัตว์อสูร เนื่องจากมีสติปัญญาต่ำและโจมตีมนุษย์ตามใจชอบ
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผมก็คือนักเรียนสามคนที่กำลังสู้อยู่ ชายหนุ่มตัวเล็กกำลังร่ายเวทย์ สาวน้อยเผ่าแมวป่าที่กำลังสู้กับก็อบลิน และสาวเอลฟ์ที่กำลังยิงธนูอยู่
「ซีน่า・จูเรียล……」
คนที่รักษาแผลให้ผมเมื่อวานนี้ แต่เขาก็โกรธมากเพราะสิ่งที่เธอพูดใส่กับผมจนเผลอปล่อยจิตสังหารออกไป
ทั้งสามคนกำลังเอาชนะก็อบลินทีละตัวด้วยการเคลื่อนไหวเป็นทีม
ในที่สุดทั้งสามก็จัดการก็อบลินจนหมด เนื่องจากผมเกือบจะเข้าไปช่วยทำให้พุ่มไม้มันสั่นเล็กน้อย
วินาทีนั้นเองก็มีลำแสงผ่านหน้าผมไป
◇◆◇
「จบกันเพียงเท่านี้ละ!」
มิมุรุใช้มีดฟันใส่เหล่าก็อบลินตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่และแทงมันลงไป
ซีน่ามองไปรอบๆเพื่อเช็คดูว่ามีก็อบลินเหลืออยู่ไหม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเหลือแล้ว
「หมดแล้วล่ะ ทอม แล้วรวบรวมของมาพอรึยัง?」
「อืม เดี๋ยวจะรีบไปเก็บนะ」
ทอมหยิบกระเป๋าสะพายไหล่
พวกเขาเก็บรวบรวมวัตถุดิบเสร็จแล้วและพบกับพวกก็อบลินระหว่างทางกลับเมือง
นั่นคือสิ่งที่”ฉันเจอ”
ไม่นานก่อนจะเกิดเรื่อง เมื่อสามคนกำลังรวบรวมวัตถุดิบและกำลังเดินมาถึงที่โล่งตรงนี้ ก็อบลินสิบตัวก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้
ในตอนแรกทั้งสามคิดว่าถูกซุ่มโจมตีแต่เป็นพวกก็อบลินเองที่ตกตะลึงกับการปรากฏตัวของทั้งสามอย่างกระทันหัน และหลังจากที่จ้องกันอยู่นานมันก็เริ่มโจมตี
แน่นอนสามคนที่โดนโจมตีก็ต้องสู้กลับ เป็นผลให้ก็อบลินทั้งหมดถูกจัดการ
「แต่ว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่โจมตีเรา และดูเหมือนไม่ได้กำลังล่าเหยื่อเลย……」
ในขณะนั้นก็ได้ยินเสียงดังนิดหน่อย ซีน่าหยิบลูกธนูและยิงออกไปด้วยความรวดเร็วทางพุ่มไม้
ลูกธนูหายไปในพุ่มไม้ แต่เธอก็หันธนูไปยังจุดเดิมอีกครั้ง
「……ออกมาซะ ฉันรู้นะว่ามีคนอยู่ตรงนั้น」
หลังจากที่เธอส่งเสียงเช่นนั้น ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ แต่ไม่นานนัก โนโซมุ ก็ปรากฏตัวขึ้น
「……นาย!!」
ซีน่าที่ยืนยันภาพตรงหน้าก็ทำหน้าเกร็งทันที เสียงที่ฉันพูดออกไปก็ดูรุนแรงมากๆ
เป็นเรื่องจริงที่ว่าเธอค่อนข้างมีความสันพันธ์อันแสนละเอียดอ่อนกับเขา และฉันก็คิดถึงเรื่องเมื่อวาน แต่อารมณ์ของเธอก็ดิ่งลงเพราะเขาเข้าป่าด้วยตัวคนเดียว
「……เอ่ออ……หวัดดี……」
ในทางกลับกันโนโซมุมองมาทางนี้ด้วยท่าทีเขินอายเพราะเรื่องเมื่อคืนกับเมื่อเช้านี้
◇◆◇
「อืมมมมมม。งั้นนายก็คือ โนโซมุ・เบลาตี้~~。ก็เห็นอยู่หรอกนะเมื่อเช้า แต่เมื่อเช้าใบหน้าดูแย่มากเลยนะ~~」
「มิมุรุเองก็สบายดีสินะครับ……」
「…………………」
มิมุรุจ้องมองโนโซมุและทอมเองก็ได้แต่นิ่งเงียบ ซีน่ายืนกอดอกและจ้องมองโนโซมุ
เธอไม่พูดเพราะถ้าพูดเมื่อไรได้เทศยาวแน่ๆ เมื่อเธอพยายามจะพูดก็นึกถึงเรื่องเมื่อวาน
「…………ใบหน้าดูแย่มากเลยนะครับ」
โนโซมุกังวลเกี่ยวกับซีน่าแต่เธอก็พยายามหลบตา
「โนโซมุคุง……จะว่ายังไงดีล่ะ เข้าป่ามาคนเดียวเหรอ?」
「อืม ก็บางทีละนะ………」
「………………………………………………………」
ทอมถามโนโซมุแต่โนโซมุกังวลเกี่ยวกับซีน่ามากกว่าและตอบแบบคลุมเครือ
เมื่อโนโซมุเหลือบมองใบหน้าของเธอ ก็ดูท่าทางโกรธมาก
「อีกอย่างนะมีเรื่องจะถามหน่อย~~。ทำอะไรลงไปกับเจ้าหญิงเทพธิดาทมิฬงั้นเหรอ!」
「ก็บอกแล้วไงว่าอย่าน่ะ มิมุรุ」
มิมุรุพยายามถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอริสโดยไม่สนใจอารมณ์ของซีน่าเลย แต่ทอมเองก็ได้แต่ยอมแพ้กับท่าทางของเธอ
「อืมมมมมม~~! ก็อยากรู้น่ะสิทำไมเจ้าหญิงที่แสนสูงส่งดันมาสนใจผู้ชายต่ำต้อยเช่นนี้น่ะ~~。เน่!เดทกันอยู่รึเปล่าน่ะ!?」
「……เปล่าหรอก ไม่ได้เดทกันหรอกครับ…………」
「อืมมมม~~จริงเหรอ~~?แล้ว!!「มิมุรุ ถ้าเธอยังมัวแต่ทำตัวโง่ๆอยู่แบบนี้ฉันกลับแล้วนะ」อืออ~โอกาสดีก็จริง แต่น่าเบื่อจังเลยน้า~~」
อันที่จริงโนโซมุไม่ได้คบกับไอริส แต่ซีน่าเองก็ดุมิมุรุที่พยายามตื้อ อาจเป็นเพราะเธอไม่พอใจกับคำตอบของโนโซมุ
มิมุรุทำท่าทางไม่พอใจ แต่บรรยากาศก็บอกว่ายอมแพ้แล้วจ้า ซีน่าเองก็หยิบลูกธนูและถือคันธนูด้วยความตึงเครียด
「นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งแต่ว่าจิตวิญญาณในป่ามันแปลกไป。……ดูท่าทางน่ากลัวมาก……ต้องรีบออกจากที่นี่โดยทันที」
ใบหน้าของทอมตึงเครียดขึ้นมาทันทีและบรรยากาศขี้เล่นนั่นก็เปลี่ยนมาเป็นโหมดจริงจัง
เธอบอกว่าไม่มีร่องรอยของสัตว์อยู่เลย เนื่องจากเธอเป็นเอลฟ์จึงตอบสนองกับจิตวิญญาณในป่าได้ โนโซมุเองก็สังเกตได้ว่าป่ามันแปลกไป
เมื่อโนโซมุพยายามตัดสินใจจะกลับ โนโซมุรู้สึกประทับใจเล็กน้อยกับความรู้สึกที่ถูกปิดกั้นนี่
「อั่ก!!!!!」
ร่างกายเปลี่ยนเป็นท่าทีต่อสู้ในทันทีด้วยความรู้สึกแห่งความตายที่ใกล้เข้ามา กล้ามเนื้อตึงแน่นและหัวใจเต้นรัว เลือดกำลังไหลเวียนไปทั่วร่าง
โนโซมุมองดูพุ่มไม้ตรงป่า ผมรู้สึกได้ว่าแรงกดดันมหาศาลมาจากทางนั้น
ซีน่าและเพื่อนๆเองก็รู้สึกได้เช่นกัน พวกเขาก็ต่างมองมาทางที่โนโซมุจับจ้อง
ในที่สุดสัตว์อสูรตัวร้ายก็โผล่มาจากพุ่มไม้
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สัตว์อสูรธรรมดา แน่นอนมันมีสี่ขาเหมือนสัตว์เดรัจฉาน และรูปร่างหน้าตาของมันคล้ายกับหมาป่า แต่ขนาดมันใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ความยาวของลำตัวใหญ่กว่าผู้ใหญ่ทั้งตัวและความสูงก็สูงเท่าๆกับหน้าอกของโนโซมุเลยด้วย
นอกจากนี้ยังมีสติปัญญา
เหนือสิ่งอื่นใดร่างกายมันถูกปกคลุมไปด้วยตะกอนสีดำและควันดำก็พวกพุ่งขึ้นพร้อมกับเสียง
ไม่มีม่านตามีเพียงดวงตาสีแดงที่จ้องมาทางนี้เท่านั้น
มันเป็นสัตว์อสูรที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน อย่างน้อยโนโซมุก็ไม่เคยเห็นมันในป่าแถวนี้เลย และไม่เคยเห็นมันในหนังสือด้วย
「อะไรกัน……หมอนี่มัน?……」
「อาาาาาาา…………」
「ชิ…………」
「อุหวาาาาา…………」
มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากโนโซมุและซีน่าที่กำลังส่งเสียงคราง เหงื่อเย็นๆไหลออกจากใบหน้าของมิมุรุและทอมก็ก้นจั้มเบ้า
สัตว์อสูรร้ายสีดำ
เห็นได้ชัดว่าโนโซมุค่อนข้างไม่พอใจเพราะไม่มีข้อมูลของศัตรูเลย
「บรู้วววววววววววววววววววววววววววว!!!!」
มันแผดเสียงคำราม ต้นไม้โดยรอบพริ้วไหวราวกับหวาดกลัว
วินาทีถัดมาตัวมันตั้งสติชั่วครู่ และก็พุ่งเข้าหาพวกโนโซมุราวกับว่าสถานการณ์พลิกกลับ