พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 114 เจอโดยบังเอิญที่ห้าง
นัทธีละเอียดจริงๆ ละเอียดจนว่า แม้แต่ยาคุมกำเนิดก็ไม่ลืมที่จะเตรียมไว้ด้วย
เขากังวลมากขนาดนี้เลยเหรอว่าเธอจะตั้งท้อง?
วารุณีกำกล่องในมือแน่น ถึงแม้รู้ดีว่าวิธีที่นัทธีให้เธอกินยา ไม่มีความผิดอะไร แต่ในใจอดไม่ได้ที่จะไม่สบายใจเล็กน้อย
แต่ว่าวารุณีก็ไม่อยากไปผูกติดกับมันมาก ถอนหายใจเสร็จ ก็เปิดกล่องยา หยิบวิธีใช้ยาออกมาดู ก็แยกออกมาสองเม็ดเอามาใส่ปาก จากนั้นถือแก้วน้ำบนโต๊ะน้ำชาขึ้นมา แล้วดื่มน้ำลงไป
กินยาเสร็จ เธอจึงหยิบโทรศัพท์มา เตรียมส่งข้อความหานัทธี บอกว่ากินยาแล้ว ให้เขาสบายใจ
แต่จากนั้นคิดดู ถ้านวิยาหรือว่าพิชญาดูโทรศัพท์ของเขา ไม่ทันระวังเห็นข้อความของเธอก็คงแย่
ดังนั้นวารุณีเลยลบประโยคที่พิมพ์เสร็จออกไปอย่างไม่ลังเล ออกจากข้อความ จากนั้นเข้าไปในบันทึกการโทรที่แสดงไม่ได้รับสาย
มองเห็นบันทึกการโทร มีสองสายที่เมื่อคืนเป็นปาจรีย์โทรมา วารุณีก็ขยี้คิ้ว แล้วโทรออกไป
ปาจรีย์น่าจะยังหลับอยู่ ตอนนี้เสียงเลยเต็มไปด้วยความง่วง แล้วยังหาวอย่างทนไม่ไหว“วารุณี เช้าขนาดนี้มีเรื่องอะไร?”
“เช้าเหรอ เธอดูสิตอนนี้กี่โมงแล้ว?”วารุณีมองนาฬิกาที่แขวนไว้ที่ผนัง ก็พูดไม่ออก“รีบลุกขึ้น ฉันมีอะไรจะถาม”
ปาจรีย์ขยี้ผมยุ่งๆ นั่งขึ้นมาจากเตียง“วารุณี มีอะไร?”
“ฉันจะถามเธอนะ เมื่อคืนพวกเราดื่มด้วยกัน ทำไมสุดท้ายฉันถึงอยู่กับประธานนัทธี?”วารุณีเม้มริมฝีปากแดงๆ “เธอรู้ไหมว่า ฉันถูกเธอทำร้ายแล้วเนี่ย”
ปาจรีย์กะพริบตา“ก็เพราะว่าประธานนัทธีส่งเธอกลับไปไง เมื่อคืนเธอดื่มจนเมา ฉันพาเธอออกไปเรียกรถอยู่นานก็ยังไม่ได้สักคัน จากนั้นก็เจอประธานนัทธี ฉันเลยเอาเธอฝากไว้ที่เขา ทำไมเหรอ พวกเธอมีอะไรเกิดขึ้นกันใช่ไหม?”
ดวงตาวารุณีว่อกแว่กอย่างร้อนตัว“แน่……แน่นอนว่าไม่ ก็แค่ฉันอ้วกที่รถเขา”
เอาเรื่องที่อ้วกรถนัทธีครั้งที่แล้วมาพูด น่าจะไม่เรียกว่าโกหกมั้ง?
ปาจรีย์หัวเราะหึหึ“ก็แค่อ้วกบนรถไหม เรื่องเล็กน้อย เธอเช็ดให้เขาสะอาดก็พอแล้วนี่ อีกอย่าง เธอไม่ใช่ว่าชอบประธานนัทธีเหรอ ล้างรถให้เขาเธอน่าจะดีใจสิ เพราะว่ามีเหตุผลที่จะเจอได้เจอประธานนัทธีมากขึ้น”
“เธอรู้ได้ไงว่าฉันชอบประธานนัทธี?”วารุณียืนขึ้นมาอย่างตกใจทันที
ปาจรีย์ยิ่งหัวเราะอย่างเชื่อไม่ได้มากขึ้น“ฉันรู้ได้ไงเหรอ?ใครให้เธอดื่มจนเมา แล้วก็ตะโกนตรงนั้นว่าจะไม่เจอประธานนัทธีแล้วล่ะ”
“ใช่……ใช่เหรอ?”วารุณีตาเบิกโตอย่างหวาดกลัว
พูดแบบนี้ งั้นเมื่อคืนก็เป็นไปได้ที่จะพูดกับนัทธีไปด้วย งั้นเขาคงไม่ใช่ว่ารู้ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาหรอกนะ?
พระเจ้า เหล้ามีแต่ทำร้ายคนจริงๆ !
“วารุณี วารุณี?”เห็นวารุณีไม่ส่งเสียงอยู่นาน ปาจรีย์ก็ทนไม่ไหวตะโกนออกไป
วารุณีได้สติคืนมา ก็ค่อยๆ นั่งลง“ทำไมเหรอ?”
“ฉันจะถามเธอว่าเป็นอะไร”ปาจรีย์เบ้ปาก
วารุณีลูบขมับ“ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรก็ดี งั้นฉันวางสายนะ ฉันยังอยากนอนต่อ”ปาจรีย์อ้าปากกว้าง แล้วหาวอีกครั้ง
วารุณีพยักหน้าเบาๆ “โอเค งั้นเธอนอนเถอะ”
วางสายเสร็จ วารุณีก็เอาโทรศัพท์วางไว้ข้างๆ
วรยาออกมาจากห้องน้ำ“ลูกรัก เดี๋ยวไปเดินเล่นกับแม่เอาไหม?แม่อยากซื้อของบางอย่างกลับต่างประเทศหน่อย”
“โอเค”วารุณีตบแก้มแล้วตอบตกลง จากนั้นเอากล่องยาที่โต๊ะน้ำชาเก็บไป แล้วกลับไปที่ห้องนอน
ครึ่งชั่วโมงถัดมา เธอก็ทายาเสร็จ เปลี่ยนชุดออกมา แล้วก็ออกไปกับวรยา ไปที่ห้างในใจกลางเมือง
วรยาเป็นคนชอบช็อปปิ้ง แป๊บเดียวก็ซื้อของเป็นจำนวนมาก เดี๋ยวก็เอาแต่ลากวารุณีเข้าช็อปกระเป๋าแบนด์เนม
“ลูกรัก ลูกว่าอันนี้เป็นไง?”วรยาหยิบกระเป๋าถือมือที่ทำมาจากหนังเทียมมาไว้ตรงหน้าวารุณี
วารุณีมองแวบหนึ่ง“กระเป๋าสวยดีค่ะ แต่ว่าไม่เหมาะกับใช้ในชีวิตประจำวัน เอาไว้แค่เข้าร่วมงานเลี้ยง แม่คงไม่ใช่ว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงจริงๆ หรอกนะ?”
วรยาหรี่ตาลงจับจมูกของเธอ“ลูกพูดถูก คืนนี้เป็นงานเลี้ยงการกุศลที่คุณสมศักดิ์จัดขึ้น คุณหญิงเขาได้ยินว่าแม่กลับมา ก็เชิญแม่เข้าร่วมเป็นพิเศษ”
“ที่แท้ก็แบบนี้ งั้นก็เอาอันนี้แหละค่ะ”วารุณีพยักหน้า
“โอเค งั้นแม่ไปจ่ายเงิน”วรยาก็ชอบอันนี้ เลยตัดสินใจซื้อเลย
ตอนนี้เอง เสียงผู้หญิงที่ฟังดูมั่นใจดังเข้ามาจากด้านนอกประตูร้าน“พนักงานเชียร์สินค้าคะ เอากระเป๋ารุ่นใหม่ที่สุดของพวกคุณมา”
“ใครน่ะหยาบคายขนาดนี้เชียว?”วรยาขมวดคิ้ว ใบหน้ามีความรำคาญเล็กน้อย
วารุณีกลับหรี่ตาลง มองไปทางต้นเสียง“มีขยานีแล้วก็……พ่อ!”
ได้ยินดังนั้น ร่างวรยาก็แข็งทื่อ นิ้วที่ถือกระเป๋า ก็อดไม่ได้ที่จะเกร็งขึ้นมา
วารุณีเอามือไปไว้ที่หลังมือเธอ ตบเบาๆ “ไม่เป็นไรนะแม่ ฉันอยู่นี่ พวกเราก็ทำเป็นไม่เห็นพวกเขา ไปเถอะ จ่ายเงินแล้วกลับไป”
มีกำลังใจของลูกสาว หลังของวรยาที่แข็งทื่อ ก็ผ่อนคลายลงมา ยิ้มตอบไป เดินไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
แต่เดินไปไม่กี่ก้าว ก็ถูกขยานีเรียกไว้“โหย นี่ไม่ใช่วารุณีเหรอ สามีคะ ลูกสาวคุณก็อยู่นี่ บังเอิญจริงๆ ”
วารุณีกับวรยาหยุดฝีเท้าพร้อมกัน
วารุณียิ้มให้วรยา“ไม่เป็นไรแม่ ฉันเอาคืนพวกเขาเอง”
พูดไป เธอก็หันกลับ เก็บรอยยิ้มอันเย็นชามองไปที่สุภัทรกับขยานี“บังเอิญจัง ฉันคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเจอพ่อกับน้าที่นี่ พ่อมาซื้อกระเป๋าเป็นเพื่อนคุณน้าขยานีเหรอคะ?”
สุภัทรตอบกลับอย่างเย็นชา“คืนนี้มีงานเลี้ยงกุศล เลยออกมาซื้อเครื่องประดับให้คุณน้าขยานีน่ะ”
“อ้อ!”วารุณีเงยคางขึ้นลากเสียงยาว“พ่อดีกับคุณน้าขยานีจริงๆ เลยนะคะ แล้วยังออกมาช้อปปิ้งกับตัวด้วย เมื่อก่อนฉันยังเห็นคุณน้าขยานีมีผู้ชายคนอื่นเดินอยู่ด้วยเลย”
“เธอพูดเหลวไหลอะไรน่ะ?”สีหน้าขยานีเปลี่ยนไป กรีดร้องออกมาเสียงแหลม
สุภัทรก็ขมวดคิ้ว มองขยานีอย่างสงสัย
สายตาที่มองนี้ทำเอาขยานีตกใจจริงๆ เกือบจะเผยความร้อนตัวออกมา
วารุณีเห็น ก็ยกมุมปากขึ้น“คุณน้าขยานีใจร้อนขนาดนี้ทำไมกัน ผู้ชายคนอื่นที่ฉันพูดคือน้องฝ่ายพ่อที่อยู่ไกลกันของน้าค่ะ น้าคิดว่าอะไรคะ?”
ขยานีสำลักก่อน จากนั้นก็ใจเย็นลง จ้องเธออย่างเยือกเย็น“งั้นเธอก็พูดไปตรงๆ สิว่าน้องชายฝ่ายพ่อที่อยู่ไกลกัน ทำไมต้องอ้อมค้อม บอกว่าผู้ชายอื่นอะไรด้วย!”
“คุณน้าขยานีหมายถึงว่า ครั้งหน้าให้ฉันระวังตัวเหรอ”วารุณีหัวเราะเล็กน้อย ไม่มีท่ามีสำนึกผิดสักนิด ทำให้ขยานีโกรธสุดๆ
“หึ!”วรยาทนไม่ไหวหัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะของเธอดึงดูดสายตาของขยานีกับสุภัทร
ขยานีจำเธอไม่ได้ แต่สุภัทรที่เป็นสามีเธอมาเกือบยี่สิบปี กลับจำได้ทันที กำหัวมังกรที่ไม้เท้าแน่นอย่างตกใจ“คุณเองเหรอ?”
“ใครเหรอคะสามี?”ขยานีมองสำรวจแผ่นหลังของวรยาอย่างงงงวย ก็รู้สึกคุ้นๆ แต่คิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
วรยาจัดผมให้สวยงาม“ฉันเอง!”
“แม่?”วารุณีตะลึงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอจะยืนออกมาก่อน ยอมรับตัวตนของตัวเอง
“ไม่เป็นไร ในเมื่อเจอโดยบังเอิญแล้ว งั้นก็เจอกันหน่อย อีกอย่างเป็นพวกเขาที่ผิดต่อแม่ ทำไมแม่ต้องหลับพวกเขาล่ะ”วรยาคิดได้ จากนั้นตบหลังมือของวารุณี ค่อยๆ หันกลับไป
ขยานีเห็นหน้าของวรยา ก็เหมือนเห็นผี ถอยหลังไปสองก้าวอย่างตกใจ จากนั้นชี้เธออย่างสั่นๆ “เธอ……เธอ……”
วรยามองขยานีที่พูดไม่รู้เรื่องอย่างเย็นชา สายตามีความเยาะเย้ยอย่างไม่ปกปิดสักนิด“ขยานี เธอบีบฉันออกแล้วเป็นคุณหญิงของตระกูลศรีสุขคํามาเจ็ดปีแล้ว ทำไมถึงไม่เปลี่ยนไปสักนิด ยังคงทำตัวไม่สุภาพ ไม่โดดเด่นสง่างาม”
“หึ!”ตอนนี้วารุณีเลยเอามืออุดปากแล้วหัวเราะ
ขยานีโกรธจนกระทืบเท้า“สามี คุณดูเธอสิ!”
“พอแล้ว!”สุภัทรต่อว่าอย่างทนไม่ไหว จากนั้นมองไปที่วรยาด้วยสายตาซับซ้อน“คุณกลับมาเมื่อไหร่?”