พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 118 อารัณบาดเจ็บ
ข้างนอกห้องส่วนตัว วารุณีได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลัง เปลี่ยนมือข้างที่จูงกับไอริณ จากนั้นหันกลับ มองนิรุตติ์อย่างโมโห
นิรุตติ์ก็มีใบหน้าแปลกใจ“ทำไมเหรอ โกรธขนาดนี้เชียว?”
ตอนนี้เขายังทำเหมือนไม่ได้ทำอะไรเธออีกเหรอ?
เขาเพิ่งแยกกับพวกเขาสามคนแม่ลูก ได้ประมาณครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา คงไม่ใช่ว่า เธอยังโกรธเขาเพราะเรื่องนี้อยู่หรอกนะ?
“เอาอารัณคืนมาให้ฉัน!”วารุณีเม้มปากแดงๆ
นิรุตติ์ขมวดคิ้ว“อะไรนะ เอาอะไรคืนคุณ?”
“คุณยังจะเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก ไม่ใช่ว่าคุณพาอารัณไปเหรอ รีบเอาอารัณมาคืนฉัน!”วารุณีกำฝ่ามือไว้ด้วยอารมณ์ที่ร้อนใจ
นิรุตติ์จึงเข้าใจ เธอบอกว่า เขาเอาลูกชายเธอไป
ไม่น่าล่ะที่นี่มีแค่ยัยสาวน้อย ไม่มีเจ้าเด็กคนนั้นที่น่ารำคาญเหมือนนัทธี
“ขอโทษนะวารุณี คุณน่าจะหาคนผิดแล้ว ผมไม่ได้พาลูกคุณไป”นิรุตติ์แบบมือทั้งคู่ออกไปด้านข้าง
วารุณีตะลึงเล็กน้อย“คุณบอกว่าไม่ใช่คุณ?”
“ใช่ ทำไมผมต้องเอาลูกชายคุณไปด้วย ผมจะพาเขาไปทำไม?”นิรุตติ์รู้สึกตลก
ใบหน้าวารุณีซีดขาว ร่างกายสั่นหน่อยๆ
นิรุตติ์เอามือออกมาจากกระเป๋ากางเกง อยากจะดึงเธอเข้ามา แต่ช้าไปก่อน มีคนแย่งไปก่อนแล้ว
นัทธีเดินมาจากอีกทาง จับประคองไหล่ของวารุณีไว้“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
วารุณีได้กลิ่นหอมของมิ้นต์ที่คุ้นเคย ก็ส่ายหน้า“ฉันไม่เป็นไร”
“คุณมาได้ทันเวลาจริงๆ เลยนะ”นิรุตติ์มองนัทธีแล้วพูดเสียดสี
นัทธีไม่สนเขาสักนิด เม้มริมฝีปาก“คุณบอกว่าอารัณถูกคนพาไปเหรอ?”
“ค่ะ ฉันพาไอริณไปห้องน้ำ ตอนที่กลับมาอารัณก็ไม่อยู่แล้ว ที่เคาน์เตอร์บอกฉันว่า เป็นผู้ชายพาอารัณไป ฉันคิดว่าเป็นผู้อำนวยการนิรุตติ์ ก็เลยมาหาเขา แต่ผู้อำนวยการนิรุตติ์กลับบอกว่าเขาไม่ได้พาไป ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วว่าควรเชื่อใคร”วารุณีเอามืออุดปากตัวเองอย่างใจสลาย
ไอริณดึงปลายเสื้อของเธอ“หม่ามี๊ไม่ร้องไห้นะ หม่ามี๊ไม่ร้อง……”
วารุณีย่อตัวลง กอดลูกเอาไว้ ร่างสั่นหน่อยๆ
นัทธีหันหน้าไปมองนิรุตติ์
นิรุตติ์ดันแว่น“แกมองฉันทำไม ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่สิ”
นัทธีละสายตาคืนมา หยิบโทรศัพท์โทรออกไป
แป๊บเดียว มารุตก็มาถึง
นัทธีดึงวารุณีขึ้นมาจากที่พื้น“เอาลูกให้มารุตก่อน คุณตามผมมา ผมจะพาคุณไปหาอารัณ”
พอได้ยิน วารุณีก็รีบพยักหน้าทำตาม เอาไอริณให้มารุตดูแล
“ลูกรัก ลูกอยู่กับคุณอาอย่าดื้อนะ หม่ามี๊จะไปหาพี่กับคุณอานัทธี”วารุณีลูบหัวของไอริณแล้วพูด
ไอริณกำฝ่ามือเล็กๆ “อือ หนูจะเป็นเด็กดีค่ะ หม่ามี๊ หม่ามี๊ต้องหาพี่ชายเจอนะคะ”
“อือ”วารุณีตอบอือไปด้วยเบ้าตาแดงก่ำ วางมือลง มองไปที่นัทธี“ประธานนัทธี พวกเราไปกันเถอะ”
“รอเดี๋ยว”นิรุตติ์จัดเนกไทเล็กน้อย“ผมไปกับพวกคุณด้วย”
“อะไรนะ?”นัทธีขมวดคิ้ว
นิรุตติ์หัวเราะเล็กน้อย“พวกคุณสงสัยว่าเป็นผมที่พาเด็กคนนั้นไป งั้นผมก็ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองสิ”
“ประธานนัทธี……”จิตใต้สำนึกวารุณีมองไปที่นัทธี ถามความเห็นของเขา
นัทธีละสายตาลงคิดเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าลงหน่อยๆ “ให้เขาไป มีเขาไปด้วย ก็จะได้หาอารัณเจอไวขึ้น”
“โอเค”ได้ยินเขาพูดแบบนี้ วารุณีก็ไม่มีข้อโต้แย้ง
เธอไม่สนว่าจุดประสงค์ที่นิรุตติ์มาด้วยนั้นคืออะไร แค่ช่วยในการตามหาอารัณได้ก็พอแล้ว
ดังนั้นกลุ่มคนสามคนก็ออกไปจากชั้นสอง เตรียมไปดูที่กล้องวงจรปิดร้านอาหารก่อน ดูว่าใครพาอารัณไป
แต่ตอนที่ยังไปไม่ถึงห้องกล้องวงจรปิด โทรศัพท์ของวารุณีก็ดังขึ้นมา
เธอรำคาญหน่อยๆ ที่ตอนนี้มีคนโทรมา แต่ก็ยังอดทนกดรับไป“ใครคะ?”
“ขอโทษนะใช่คุณวารุณีหรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะฉันเอง”วารุณีพยักหน้า“ขอโทษนะคะคุณคือ?”
“พวกเราคือโรงพยาบาลรุ้งจรัส”
“โรงพยาบาล?”คิ้ววารุณีขมวดแน่น ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่โรงพยาบาลถึงโทรหาเธอ
นัทธีกับนิรุตติ์ก็มองตามเธอ
ริมฝีปากบางๆ ของนัทธีขยับ“ถามสิว่ามีอะไร”
วารุณีตอบอือ ถามออกไป
คนที่ปลายสายตอบว่า“คือแบบนี้นะคะ เด็กน้อยอารัณเกิดอุบัติเหตุที่ถนนเพชร ขอถามคุณหน่อยว่า……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ วารุณีก็จับโทรศัพท์ไม่อยู่ โทรศัพท์ตกพื้น แล้วหน้าจอก็ดับ
ส่วนตัววารุณี ก็รู้สึกตรงหน้ามืดไปหมด ร่างกายร่วงลงไปที่พื้น
นัทธีเห็นสถานการณ์ ก็รู้สึกเกร็งในใจ ยื่นมือไปรับร่างของเธอไว้ ให้เธออยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างมั่นคง แล้วก็ยื่นมือไปหยิกเธอ
เพราะว่าหยิกได้ทันเวลา วารุณีไม่ได้หมดสติไป คว้าแขนเสื้อของเขาไว้ อ้อนวอนอย่างน้ำตาไหล“ประธานนัทธี เร็วค่ะ พาฉันไปโรงพยาบาลรุ้งจรัส อารัณประสบอุบัติเหตุ เร็วค่ะ!”
ได้ยินคำนี้ สีหน้านัทธีก็เปลี่ยนไป อุ้มเธอขึ้นมาเลย แล้วไปที่ลานจอดรถ
นิรุตติ์เก็บโทรศัพท์ที่พื้นขึ้นมา ตามไปด้วย อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมจู่ๆ เด็กคนนั้นก็ถูกคนพาไป แล้วยังเกิดอุบัติเหตุอีก
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล วารุณีร้องไห้ไม่หยุด พยายามโทษตัวเองว่าทำไมถึงทิ้งอารัณอยู่ที่ร้านอาหารคนเดียว
ถ้าตอนนั้นเธอพาอารัณไปด้วยกัน อารัณก็ไม่ถูกคนพาไปแน่ และก็ไม่ประสบอุบัติเหตุด้วย
น่าเสียดาย ทั้งหมดนี้สายไปแล้ว
ถึงโรงพยาบาล วารุณีก็ลงจากรถ ยังไม่ทันยืนได้มั่นคง ก็วิ่งเขาไปในโรงพยาบาล
เธอสวมรองเท้าส้นสูง บอกกับที่ถูกกระตุ้นเรื่องอารัณประสบอุบัติเหตุ สภาพจิตใจยังไม่ทันฟื้นคืนมา ขาก็ยังอ่อนด้วย วิ่งแล้วก็สั่นไปมา หลายครั้งเกือบจะหกล้มลงไป
สุดท้าย เธอก็ถอดรองเท้าส้นสูงออกมาเลย แล้ววิ่งไปหน้าเคาน์เตอร์ด้วยเท้าเปล่า
นัทธีตามอยู่หลังเธอ มองเห็นเธอถอดรองเท้า ก็ก้มลงเก็บขึ้นมา ถือไว้ในมือแล้วตามเธอไป
มีแค่นิรุตติ์ที่ตามอยู่ด้านหลังไม่กระวนกระวายใดๆ แต่มองคนสองคนตรงหน้าอย่างสนใจ
พอถามเคาน์เตอร์โรงพยาบาลแล้ว ก็รู้ว่าตอนนี้อารัณยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน วารุณีเลยรีบไปที่ห้องฉุกเฉิน
ถึงหน้าห้องประตูฉุกเฉิน เธอก็มองไฟสีแดงที่สว่าง ในใจเหมือนถูกคนเอามีดมาเฉือน เจ็บจนเธอแทบจะไม่อาจหายใจได้
นัทธีวางรองเท้าส้นสูงลง มองเท้าเปล่าของเธอ ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย พูดปลอบด้วยเสียงทุ้ม“อย่ากังวลเลย อารัณจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ฉันจะไม่เป็นห่วงได้ไง อารัณร่างกายดีมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยแม้แต่ป่วย จู่ๆ ก็มาประสบอุบัติเหตุ ถ้าเป็นอะไร ฉัน ……ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ !”วารุณีนั่งบนเก้าอี้ เอาหน้าซุกลง แล้วค่อยๆ รู้สึกโทษตัวเอง
นัทธีย่อตัวลง ยกเท้าข้างหนึ่งของเธอขึ้นมา ในตอนที่เธอแปลกใจ ก็ช่วยเธอสวมรองเท้าอย่างอ่อนโยน“อย่าเป็นหวัดล่ะ เดี๋ยวอารัณออกมา ก็ยังต้องการให้คุณดูแล ถ้าคุณเป็นหวัด ก็ดูแลอารัณไม่ได้”
พอได้ยิน วารุณีกัดปากพยักหน้า“ขอบคุณค่ะ……”
นัทธีตอบอือ แล้วยืนขึ้นมา
นิรุตติ์ที่พิงกำแพงอยู่งตรงข้ามจู่ๆ ก็พูดมาประโยคหนึ่งอย่างฉับพลัน“โหๆ ๆ นัทธี เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแกลดศักดิ์ศรีสวมรองเท้าให้คนอื่น นวิยาก็ยังไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างนี้สินะ”
สีหน้านัทธีหม่นลง“หุบปาก!”
นิรุตติ์ทำเป็นไม่ได้ยิน เห็นวารุณีไม่มีการตอบสนองอะไรกับชื่อนวิยา อดไม่ได้ที่จะสงสัย“วารุณี คุณไม่สงสัยเหรอว่านวิยาคือใคร?”
เขามองเธอ
วารุณีรับมือด้วยการส่ายหน้า“ฉันรู้จักค่ะ ฉันเคยเจอคุณนวิยา”
“อ้อ?”นิรุตติ์ตกใจจริงๆ ลูบคางแล้วพึมพำ“ดูเหมือนผมจะคาดเดาผิดไป”
กำลังจะพูด ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก พยาบาลคนหนึ่งออกมาจากด้านใน
วารุณียืนขึ้นทันที“พยาบาลคะ ลูกชายฉันเป็นอย่างไรบ้าง?”
พยาบาลหยุดฝีเท้าลง“คุณคือแม่ของเด็กใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ”วารุณีรีบพยักหน้า
พยาบาลลังเลเล็กน้อย ตอบไปว่า“อาการของลูกคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่”