พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 147 ชันสูตรอีกครั้ง
“คุณ……”พิชิตยื่นมือไป กำลังจะเรียกวารุณีไว้ กลับเห็นวารุณีเข้าไปในลิฟต์แล้ว แล้วประตูลิฟต์ก็ปิดพอดี
หมดหนทาง พิชิตได้แต่ก้มลงไป แล้วตัวเองก็เก็บเอกสารขึ้นมา เปิดดู พบว่าเป็นใบตรวจสุขภาพของอารัณ
ในฐานะที่อินกับการทำงานเป็นหมอ เขาอดไม่ได้ที่จะอ่านใบตรวจสุขภาพนี้อย่างละเอียดรอบหนึ่ง ตอนที่มองเห็นคอลัมน์กรุ๊ปเลือดนั้น รูม่านตาก็หดทันที ตกใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ“กรุ๊ปเลือดRH Negative?”
จะเป็นไปได้อย่างไร!
อารัณเด็กคนนั้นเลือดกรุ๊ปAนี่ ตอนที่เขาตรวจดีเอ็นเอให้นัทธี จำได้ดีเลย
พิชิตคิดว่าตัวเองมองผิดไป ถอดแว่นลงแล้วขยี้ตา มองไปที่คอลัมน์กรุ๊ปเลือดอีกครั้ง กรุ๊ปเลือดRH Negative อักษรตัวใหญ่ๆไม่กี่ตัวนี้ยังคงพิมพ์ไว้ด้านบนอย่างดี พิสูจน์ว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้มองผิดไปจริงๆ
ตอนนี้ หัวใจพิชิตเต้นเร็วมาก มือที่ถือใบตรวจสุขภาพ อดไม่ได้ที่จะกำไว้แน่น
ในเมื่ออารัณกรุ๊ปเลือดRH Negative เหมือนกับนัทธี บวกกับมีใบหน้าที่เหมือนกัน งั้นคงไม่ใช่ว่า พวกเขามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นพ่อลูกกันจริงๆหรอกนะ?
คิดแบบนี้ สายตาพิชิตก็เพ่งไป ออกไปจากที่นี่อย่างเร่งฝีเท้า กลับไปที่โรงพยาบาลของตัวเอง
เขาจะเปิดบันทึกชันสูตรก่อนหน้านี้ออกมา ตรวจดูสักหน่อยว่าตอนที่ตัวเองทำการชันสูตร ได้หยิบตัวอย่างเลือดผิดหรือเปล่า ไม่งั้นทำไมอารัณถึงเป็นเลือดกรุ๊ปA
กลับไปที่โรงพยาบาลของตัวเอง พิชิตมาที่นอกประตูห้องคนไข้ของนวิยา ยกมือขึ้นเคาะประตู
ที่เปิดประตูคือมารุต“คุณหมอพิชิต คุณกลับมาแล้วเหรอครับ”
พิชิตไม่สนเขา ผลักเขาออกแล้วเข้าไปในห้องคนไข้“นัทธี แกมากับฉันหน่อย”
นัทธีกำลังคุยกับนวิยาที่ข้างเตียง ได้ยินคำพูดของพิชิต ก็หันไปมองเขา“ทำไมเหรอ?”
“แกมากับฉันก็รู้!”พิชิตโบกมือ มีความเร่งเล็กน้อย
นัทธีขมวดคิ้ว แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไป
มาถึงหน้าประตู พิชิตดึงแขนของเขาไว้ แล้วลากเขาออกไปจากห้องคนไข้
นวิยาที่อยู่บนเตียงเห็นพิชิตเข้ามา ทำเหมือนว่าไม่เห็นเธอ ก็เรียกนัทธีออกไป แล้วในใจก็ไม่พอใจขึ้นมาทันที ความรู้สึกที่มีต่อพิชิต ก็ลดลงไปเยอะ
เมื่อก่อนยังบอกว่าชอบเธออยู่เลย แต่เมื่อกี๊กลับไม่ทักทายเธอเลยสักนิด ไม่แลเธอเลย นี่คือชอบเธอเหรอ?
ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเธอก็จะให้เขารู้ผลลัพธ์ของการเมินเธอ
นวิยาละสายตาลง มุมปากยกขึ้นมาอย่างเย็นชา
พิชิตพานัทธีมาที่ห้องทำงานของตัวเอง ถลกแขนเสื้อของนัทธีขึ้นแล้ว หยิบไซริงค์ฉีดยาอันหนึ่งมาจะปักลงไปที่แขนของเขา
นัทธีเห็นแบบนี้ สายตาก็เย็นชา แล้วชักแขนกลับไป“แกทำอะไร?”
“ฉันจะทำการตรวจดีเอ็นเอให้แกกับอารัณใหม่อีกครั้ง!”พิชิตพูดอย่างจริงจัง
นัทธีอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น สายตาดูซีเรียสขึ้นมา
เขาเข้าใจเพื่อนรักดี ปกติเพื่อนรักจะเป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย แต่สำหรับเรื่องทางการนั้นจะไม่เป็น
ตอนนี้พิชิตมีท่าทีจริงจังแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามีอะไร
“สาเหตุล่ะ?”นัทธีหรี่ตาลงถาม
พิชิตวางไซริงค์ฉีดยาลง หยิบใบตรวจสุขภาพหนึ่งใบที่พับไว้ออกมาจากในกระเป๋าแล้ววางบนโต๊ะ
นัทธีหยิบมา แล้วเปิดใบตรวจสุขภาพ“ของอารัณ?”
“ถูกต้อง แต่แกดูใบนี้”พิชิตพูดไป ก็เปิดคอมพิวเตอร์ ปริ้นใบชันสูตรที่เขาทำไว้ก่อนหน้านี้จากฐานข้อมูลมาหนึ่งฉบับ“นี่คือการตรวจดีเอ็นเอของแกกับอารัณครั้งนั้น แกลองดูคอลัมน์กรุ๊ปเลือดตรงนี้สิ”
ได้ยินคำนี้ นัทธีเงยตามองไป ก็มองเห็นกรุ๊ปเลือดสองอันที่ต่างกัน แล้วรูม่านตาก็สั่น“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“ฉันก็ไม่รู้ วันนี้ฉันไปจองกระจกตาล่วงหน้าให้นวิยาที่โรงพยาบาลรุ้งจรัส ก็เจอวารุณีโดยบังเอิญ แล้วเห็นตารางตรวจสุขภาพแผ่นนี้ ดังนั้นฉันเลยรีบกลับมา อยากทำการชันสูตรให้แกกับอารัณอีกครั้ง”พิชิตชี้ไปที่ตารางตรวจสุขภาพในมือของเขาแล้วพูด
นัทธีกำฝ่ามือไว้ ในใจมีคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง แต่ที่ใบหน้ากลับยังคงเย็นชา แน่นิ่ง
พิชิตมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดอีกว่า“ดังนั้นตอนนี้ฉันก็เลยอยากแน่ใจว่า อารัณกรุ๊ปเลือดA หรือว่ากรุ๊ปเลือดRH Negativeกันแน่”
“เป็นกรุ๊ปเลือดRH Negative ครั้งนี้อารัณประสบอุบัติเหตุ นิรุตติ์บริจาคเลือดให้เขา กรุ๊ปเลือดของนิรุตติ์ เหมือนกับฉัน”นัทธีเม้มปากพูด
แว่นตาพิชิตสะท้อน“แต่ตอนนั้นที่มาถึงมือฉันกลับเป็นเลือดกรุ๊ปA สถานการณ์แบบนี้มีอยู่สองอย่าง ถ้าไม่ใช่ว่าคนด้านล่างส่งมาปนกัน ก็คง……”
“มีคนเปลี่ยนตัวอย่างเลือดของอารัณ!”นัยน์ตานัทธีมีความเยือกเย็นอย่างรุนแรงแพร่ออกมา
พิชิตพยักหน้า“ถูกต้อง แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน จากที่อารัณกรุ๊ปเลือดเดียวกับแก และหน้าตาเหมือนกับแกแล้ว ฉันสงสัยว่าเขาเป็นลูกชายของแก”
ลูกกระเดือกของนัทธีขยับเล็กน้อย เหมือนว่ากำลังอดกลั้นอะไร ผ่านไปสักพัก เขาก็ยกแขนเสื้อขึ้นเอง เอาแขนวางไว้บนโต๊ะทำงาน“เจาะเลยเถอะ!”
“ได้ใจมาก!”พิชิตหยิบไซริงค์ฉีดยาขึ้นมาแล้วหัวเราะจนตาหยี เจาะเลือดจนเต็มหลอด
นัทธีมองเลือดหลอดนั้น หรี่สายตาอันตรายนั่นลง“ทำการชันสูตร เหมือนว่าไม่ต้องใช้เยอะขนาดนี้นะ”
พิชิตกลอกตาไปมา ตอบกลับอย่างจริงจัง“คือแบบนี้ แกเป็นเลือดแพนด้า โรงพยาบาลพวกเราขาดแบบนี้มากที่สุด ฉันเลยเจาะไปเยอะหน่อย ถ้ามีใครต้องการ ฉันก็ยังช่วยเขาได้ และยังสะสมบุญให้แกด้วยจริงไหม?”
“เหอะ!”นัทธีหัวเราะอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่อะไร
ยังไงเจาะไปแล้วก็เจาะไป สูบคืนกลับไปได้หรือไงล่ะ?
เห็นเขาไม่เอาความ พิชิตก็สบายใจทันที หลังจากเอาเลือดในไซริงค์ฉีดยาเทไปในหลอดทดลองอย่างระมัดระวังแล้ว ลุกขึ้นวางไว้ในตู้แล้วเก็บไว้ดีๆ จากนั้นกลับไปนั่งตรงที่นั่ง
“ด้านอารัณก็ส่งต่อให้ฉันเถอะ ฉันได้ยินมารุตบอกว่า แกหาพยาบาลรับจ้างมาคนหนึ่ง พอดีเลยให้พยาบาลรับจ้างเอาตัวอย่างNDAของอารัณมาได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเลือด ผมก็ได้ แต่ต้องรีบหน่อยนะ อารัณจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว”พิชิตพูดเตือน
นัทธีเอามือวางไว้ในกระเป๋ากางเกงแล้วยืนขึ้นมา น้ำเสียงเยือกเย็น“รู้แล้ว ภายในสองชั่วโมง ฉันจะให้คนส่งมาให้”
พูดไป เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรศัพท์ไป หันกลับเดินไปที่หน้าประตูไปด้วย
วินาทีที่เขาหันกลับ ร่างหนึ่งที่สวมชุดคนไข้ด้านนอกประตู เหมือนกระต่ายที่ตกใจ บีบฝ่ามือไว้ วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
โรงพยาบาลรุ้งจรัส พยาบาลรับจ้างได้รับโทรศัพท์ของนัทธี แล้วพยักหน้าตอบรับ“ฉันเข้าใจแล้วค่ะประธานนัทธี วางใจเถอะ ฉันจะไม่ให้คุณวารุณีจับได้”
โทรศัพท์เสร็จ พยาบาลรับจ้างก็มองซ้ายมองขวา เห็นรอบๆไม่มีใคร จึงเปิดประตูระเบียงแล้วเข้าไปในห้องคนไข้
“คุณวารุณี ของเก็บหมดหรือยังคะ?”พยาบาลรับจ้างมองวารุณีที่กำลังจัดเตียง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
วารุณีพยักหน้า“เสร็จแล้วค่ะ”
“งั้นฉันจะไปส่งพวกคุณเรียกรถข้างนอกนะคะ”พยาบาลรับจ้างเสนอตัวขึ้นมาเอง
วารุณีก็ไม่คิดมาก ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“งั้นก็ดีจังค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ ฉันช่วยคุณอุ้มอารัณเอง มือของเขาข้างนี้ยังโดนไม่ได้ คุณวารุณีคุณสวมรองเท้าส้นสูงอุ้มลูกจะไม่ค่อยถนัด”พยาบาลรับจ้างเดินไปที่อารัณที่กำลังนั่งกินอมยิ้มบนโซฟา
อารัณอ้าแขนข้างนั้นให้เธออุ้มขึ้นอย่างเชื่อฟัง
พยาบาลรับจ้างลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู อุ้มเขาขึ้นมา จากนั้นรอวารุณีออกไป แล้วจึงตามไป
มาถึงหน้าโรงพยาบาล วารุณีเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง วางกระเป๋าลากไว้ที่ท้ายรถ แล้วเอากระเป๋าใส่เข้าไป แต่จู่ๆก็ได้ยินเสียงอารัณร้อง
ในใจเธอรู้สึกร้อนรน แม้แต่ท้ายรถก็ยังไม่ทันปิด รีบไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เป็นอะไรไป?”วารุณีถามไปอย่างกังวล
อารัณนั่งอยู่ด้านหลังรถ มือเล็กๆจับบนหัวไว้ บนใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยความน้อยใจ เบ้าตาเปียกชื้น“หม่ามี๊……”
“หม่ามี๊อยู่นี่ บอกหม่ามี๊สิเป็นอะไรกันแน่?”วารุณีขึ้นไป ก้มเอวมากอดเด็กชายตัวเล็ก