พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 155 เมธาวีถูกลงโทษ
เห็นใบหน้าหน้านัทธีที่นิ่งไร้อารมณ์ เมธาวีตะลึงงันไปทั้งตัว ตกใจจนหน้าซีดขาว“ประ……ประธานนัทธี!”
วารุณีก็ตกใจเล็กน้อยกับการมาของนัทธี แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอะไรออกมา พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ถือว่าเป็นการทักทาย จากนั้นก็ละสายตาออกไป
นัทธีเห็นเธอยังมีท่าทีเย็นชาเหินห่างแบบนี้ ก็เม้มริมฝีปาก ในใจไม่พอใจ และก็ละสายตา มองไปที่เมธาวี“ที่คุณเพิ่งพูดให้เธอคุกเข่าลงพื้นทำความสะอาด พูดได้เชี่ยวชาญแบบนี้ น่าจะเข้าใจดีในด้านนี้ และมักจะทำแบบนี้บ่อย ไม่งั้นคุณลองสาธิตทำให้เธอดูก่อนดีไหมล่ะ?”
คำนี้พูดออกไป คนที่ดูความครึกครื้นรอบๆก็หัวเราะ
วารุณีก็ทนไม่ไหวยกมุมปากขึ้นมา
มีแค่เมธาวีที่ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของทุกคนจนรับไม่ได้ หน้าแดงระเรื่อ กำมือกระทืบเท้าเสียงดัง
เสียงร้องของเธอ ทำให้นายท่านวัชระที่อยู่ข้างล่างคิดว่าเกิดเรื่อง หลังจากขมวดคิ้ว จับไม้เท้า เร่งฝีเท้ามาที่ชั้นหนึ่ง เบียดฝูงคนออกเดินเข้าไป“พวกคุณกำลังทำอะไร?”
“คุณปู่วัชระ”วารุณีเห็นเขามา ก็โล่งอกเล็กน้อย โค้งคำนับให้เขาเล็กน้อยแล้วทักทาย
นัทธีก็พยักหน้าเล็กน้อย“นายท่านวัชระ”
นายท่านวัชระยิ้มตอบอย่างเป็นมิตรให้ทั้งสองคน กำลังจะพูดต้อนรับพวกเขา
เมธาวีก็ร้องไห้ เดินไปข้างเขาอย่างน่าสงสาร คล้องแขนเขาไว้“ปู่คะ พวกเขารังแกฉัน!”
เธอชี้ไปที่วารุณีกับนัทธี
วารุณีเลิกคิ้วขึ้น
นัทธีหรี่ตาลง เห็นได้ชัดเจนว่าคิดไม่ถึงเลยว่าเมธาวีจะทำตัวชั่วร้ายชิงฟ้องก่อน
“รังแกหลาน?”นายท่านวัชระลูบหัวของเมธาวีไป ก็มองวารุณีกับนัทธีอย่างสงสัยไปด้วย“พวกเขารังแกหลานอย่างไรล่ะ?”
เมธาวีกัดฟันแน่น“ผู้หญิงคนนี้ชนฉัน ชนฉันจนล้ม จากนั้นประธานนัทธียังให้ฉันคุกเข่าลงพื้นทำความสะอาดแก้วที่แตกกับไวน์แดงให้สะอาด”
“อะไรนะ?”นายท่านวัชระตะลึง“นี่เรื่องจริงเหรอ?”
“จริง……”
“คุณปู่วัชระ จริงค่ะ!”วารุณียิ้มตัดบทเมธาวี
จนทำให้เมธาวีตะลึงงัน มองวารุณีอย่างงุนงง เหมือนกำลังแปลกใจว่าวารุณีไม่ใช่แค่ไม่โต้แย้ง กลับกันยังยอมรับเองด้วย นี่มันต่างอะไรกับหาเหาใส่หัวให้ตัวเองล่ะ?
คิดไป เมธาวีก็หัวเราะ คางเงยขึ้นมาอย่างภูมิใจ
นัทธีก็มองวารุณี ถึงแม้ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่วารุณียอมรับ แต่ก็รู้ว่าเธอน่าจะมีความคิดของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ช่วยเธอพูด
มีแค่นายท่านวัชระที่ไม่รู้เรื่องอะไร พอได้ยินหลานสาวพูดแบบนี้ วารุณีก็ยอมรับว่าจริง จึงเชื่อ และสีหน้าก็หม่นลงมา
ตอนที่เขาไม่พอใจ ใกล้จะโมโหนั้นเอง วารุณีเสยผม พูดอีกครั้ง“ถึงแม้คุณเมธาวีจะพูดจริง แต่ในนี้ยังมีอย่างอื่นซ่อนอยู่ค่ะ”
จริงๆด้วย……
มุมปากนัทธียกขึ้น เขารู้ว่าเธอยังมีแผนสอง
ในใจเมธาวีเต้นตึกตัก ดูแน่นิ่งไป มือที่คล้องแขนนายท่านวัชระ ก็จับแขนเสื้อของนายท่านวัชระแน่นขึ้น
นายท่านวัชระตระหนักได้ถึงความผิดปกติของเธอ ก็ใจเย็นลง ดวงตาที่แหลมคมมองวารุณีอย่างใจจดใจจ่อ“คุณพูดมา ซ่อนอะไร”
“คุณปู่……”เมธาวีรีบเรียกปู่ จับแขนเสื้อปู่แน่นขึ้น ในดวงตามีความกังวล
นายท่านวัชระเห็นแล้ว ก็หรี่ตาลง ดุไปเสียงทุ้ม“แกหุบปาก!”
เมธาวีตัวสั่น ไม่กล้าพูดทันที
วารุณีเห็นแบบนี้ ก็มองเธออย่างราบเรียบ ตอบไปว่า“ที่ชนฉันคือคุณเมธาวี พอเธอล้มลงก็เทแก้วไวน์ แล้วยังให้ฉันคุกเข่าใช้มือ ทำความสะอาดแก้วไวน์กับไวน์แดงให้สะอาด ประธานนัทธีทนดูไม่ไหวก็เข้ามาช่วยฉัน จึงให้สาธิตว่าคุกเข่าทำความสะอาดอย่างไรค่ะ”
ได้ยิน นายท่านวัชระก็ก้มลงมองหลานสาวที่อยู่ข้างๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ“เมธาวี แบบนี้เหรอ?”
ตอนนี้ใบหน้าเมธาวีก็ซีดขาว แต่กลับไม่ยอมรับเลย“ไม่ใช่แบบนี้ เธอโกหก ปู่คะอย่าเชื่อเธอ ฉันเป็นหลานสาวปู่นะ ปู่ต้องเชื่อฉันเท่านั้น”
“ในเมื่อคุณเมธาวีไม่ยอมยอมรับ งั้นก็ดูกล้องวงจรปิด นายท่านวัชระ ได้ไหมครับ?”นัทธีมองนายท่านวัชระด้วยสายตาเย็นชา
วารุณีก็พยักหน้าตาม
ริมฝีปากนายท่านวัชระขยับเล็กน้อย ไม่ตอบ เมธาวีก็ดูตกใจ ปฏิเสธเสียงแหลม“ไม่ได้ ดูกล้องวงจรปิดไม่ได้!”
เธออยากให้วารุณีอับอาย ที่จริงพอเห็นวารุณีก็นึกขึ้นได้ เลยไม่มีเวลาไปทำลายกล้องวงจรปิด
ดังนั้นถ้าดูกล้องวงจรปิด ทุกอย่างที่เธอทำก็จะปิดไม่อยู่
อย่างไรก็ตามท่าทางที่เมธาวีพยายามห้ามนัทธีดูกล้องวงจรปิด กลับเป็นการสารภาพออกมาเอง
ถ้าคำพูดวารุณีนั้นไม่เป็นจริง ทำไมเมธาวีต้องห้ามด้วยล่ะ?
นายท่านวัชระหลับตาลงอย่างผิดหวัง ปัดมือของเมธาวีออก เดินมาตรงหน้าวารุณีกับนัทธี โค้งทั้งสองคน
“คุณปู่!”เมธาวีตกใจ
ที่ตกใจเหมือนกันยังมีวารุณี เธอรีบยื่นมือไปประคองนายท่านวัชระ อยากจะประคองนายท่านวัชระขึ้นมา“คุณปู่วัชระ นี่คุณทำอะไรคะ?”
แต่นายท่านวัชระยังคงโค้งคำนับให้ไม่เงยขึ้นมา
วารุณีหมดหนทาง ได้แต่หันหน้าไปมองนัทธีให้ช่วย
นัทธีไม่อาจปฏิเสธสายตาแบบนี้ของเธอได้ ลูบคิ้ว แล้วประคองนายท่านวัชระขึ้นมากับเธอ
นายท่านวัชระพูดด้วยความรู้สึกผิด“ขอโทษจริงๆนะสาวน้อยวารุณี แล้วก็นัทธี หลานสาวของผมเลี้ยงจนเสียคน พวกคุณวางใจเถอะ ผมจะสั่งสอนเธออย่างดี”
พูดไป เขาก็หันหน้า ดุว่าอย่างใบหน้าบูดบึ้ง“มานี่ ขอโทษนัทธีกับสาวน้อยวารุณี”
“ไม่ค่ะ!”เมธาวีกัดริมฝีปาก ไม่ยอม
สีหน้านายท่านวัชระเยือกเย็น ยกไม้เท้าขึ้นมาจะตีเธอ
หลังจองเมธาวีถูกตีเสียงดังตุบ ถูกตีก็รู้สึกอึ้ง
วารุณีกับนัทธีก็คิดไม่ถึงว่าคุณท่านที่เอาใจหลานสาวมาตลอด จู่ๆจะตีเธอ จึงประหลาดใจขึ้นมา
เมธาวีมองปู่อย่างเสียใจ น้ำตาไม่หยุดไหล“คุณปู่ ปู่ตีฉัน……”
ในใจนายท่านวัชระก็รู้สึกแย่ แต่หลานสาวทำผิด และยังไม่ยอมขอโทษ เขาก็ได้แต่ทำแบบนี้อย่างใจดำ“ที่ปู่ตีแกน่ะเบา ปู่ตามใจแกมาตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าจะตามใจจนแกเสียคน ไม่ใช่แค่โกหกแล้วยังปากแข็ง แต่ยังมีคิดแผนการร้ายๆอีก ตั้งแต่นี้ไป จะหักเงินค่าขนมทุกอย่าง คัดกฎของตระกูลหนึ่งร้อยรอบ ตัดไม่เสร็จก็ห้ามออกจากบ้าน!”
พูดจบ เขาก็สูดหายใจลึกๆ มองไปที่นัทธีกับวารุณี“นัทธี สาวน้อยวารุณี พวกคุณคิดว่าบทลงโทษนี้เป็นไงบ้าง?”
“ผมแล้วแต่คุณ คุณคิดว่าเหมาะสมก็ได้”ดวงตาที่ลึกซึ้งของนัทธีมองวารุณี
วารุณีฟังคำพูดเขา ก็มีความรู้สึกเหมือนสามีกำลังพูดกับภรรยา หน้าเล็กๆนั้นแดงขึ้นมาทันที สายตาเป็นประกายไม่กล้ามองเขา ได้แต่รีบพยักหน้าให้นายท่านวัชระ“ตามนี้แหละค่ะ”
“โอเค ขอบคุณความใจกว้างของสาวน้อยวารุณีนะ”นายท่านวัชระหัวเราะไปตอบไป รอยยิ้มมีความหมดหนทางและเหนื่อยล้า
วารุณีเห็น ก็รู้สึกว่าเมธาวีอกตัญญูจริงๆ
เธอพอจะรู้ว่าทำไมเมธาวีต้องเล่นงานเธอ ก็น่าจะเพราะเรื่องที่ร้านเสื้อผ้าครั้งที่แล้ว แต่ถึงจะแบบนี้ ก็ไม่ควรหาเรื่องในคืนนี้ วันนี้เป็นงานเลี้ยงอำลาวงการของนายท่านวัชระ เมธาวีทำแบบนี้ มีแต่ทำให้คนอื่นมองนายท่านวัชระไม่ดี ทำให้คืนสุดท้ายในแวดวงแฟชั่นของนายท่านวัชระไม่สงบ
คิดแบบนี้ วารุณีก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เมธาวีที่อยู่ข้างนายท่านวัชระ