พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 156 ถ้วยชาจีนแตก
ก็เห็นเธอเอาแต่ก้มหน้าลง กำสองมือที่แนบด้านข้างไว้แน่น ดูจากระดับที่กำแล้วนั้น กลัวว่าเล็บจะจิกเข้าไปในฝ่ามือ ผมของเธอปรกลงไป ทำให้บังหน้าของเธอไว้ มองอาการไม่ออก ไม่รู้ว่าพอใจแล้วหรือว่าไม่พอใจ
วารุณีคิดว่า น่าจะเป็นอย่างหลัง แต่ก็ไม่สนใจแล้ว
ก็ไม่คิดอะไรมาก วารุณีเอาของขวัญในมือยื่นไปให้“คุณปู่วัชระ นี่คือของขวัญลาวงการที่ฉันให้คุณค่ะ หวังว่าคุณจะชอบมันนะคะ”
นัทธีมองถุงในมือของเธอ ดวงตาก็มีประกายแวบเข้ามา
นายท่านวัชระถามพลางหัวเราะเหอะเหอะ“ชอบแน่นอน ดูจากที่ห่อแล้ว เป็นถ้วยชาจีนของร้านนายท่านชลธีสินะ?”
“ใช่ค่ะ”วารุณีพยักหน้า
นายท่านวัชระมองนัทธีแวบหนึ่ง“คิดไม่ถึงว่าคุณกับนัทธีจะใจตรงกันมาก ให้ถ้วยชาจีนกันหมดเลย เป็นของร้านนายท่านชลธีด้วยสินะ”
“อ้อ?”วารุณีมองไปที่นัทธีอย่างตกใจ
นัทธีมองลงไปพูดเสียงเบา“แค่ความบังเอิญครับ”
“เหอะๆ ดังนั้นผมจึงพูดว่าพวกคุณใจตรงกัน”นายท่านวัชระยื่นมือเอาถุงมา
สองมือวารุณีประกบแล้วพูดให้กำลังใจ“คุณปู่วัชระ เปิดดูสิคะ”
“โอเค ผมดูสิว่าคุณให้ถ้วยชาจีนอะไร ที่นัทธีให้คือดอกไม้บานสะพรั่ง ส่วนของคุณ……”
“ของฉันคือหอมหมื่นลี้ผลิบานในฤดูใบไม้ร่วง”วารุณีพูดด้วยรอยยิ้ม
นายท่านวัชระได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกาย เร่งความเร็วในการแกะพัสดุมากขึ้น เห็นได้ชัดว่ารอคอยหอมหมื่นลี้ผลิบานในฤดูใบไม้ร่วงที่เธอพูดถึงเป็นอย่างมาก
ตอนที่นายท่านวัชระใกล้จะแกะพัสดุเสร็จ เมธาวีที่ก้มหน้าตลอด จู่ๆก็เงยหน้าขึ้น แย่งกล่องที่ใส่หอมหมื่นลี้ผลิบานในฤดูใบไม้ร่วงไป ตาแดงก่ำ จ้องวารุณีด้วยความโมโหสุดๆ“ฉันเกลียดแก ฉันเกลียดแกจะตายอยู่แล้ว แกขโมยสร้อยคอฉัน และยังทำให้ฉันต้องอับอายขายขี้หน้าและถูกคุณปู่ลงโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ยังคิดจะมาเอาใจคุณปู่อีก ฝันไปเถอะ!”
พูดจบ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของทุกคน เธอก็ชูกล่องขึ้นมาสูงๆ จะโยนใส่ไปที่พื้น
“เมธาวี หลานจะทำอะไร รีบหยุดเดี๋ยวนี้!”สีหน้านายท่านวัชระเปลี่ยนไป ห้ามเธอด้วยเสียงดุดัน
ดวงตานัทธีหรี่ขึ้นมาอย่างอันตราย รอบๆตัวเยือกเย็นไปหมด จะเห็นว่าโกรธด้วยเหมือนกัน
เมธาวีหัวเราะอย่างเย็นชา ไม่ฟังเลยสักนิด ปล่อยมือลงไป
“ไม่!”รูม่านตาวารุณีหดลง ยื่นมือออกไปตะโกนเสียงดัง อยากจะรับกล่องไว้ ก่อนที่กล่องจะตกลงไปที่พื้น
แต่เธอไวแค่ไหน ก็ไวไม่เท่าความเร็วที่กล่องดิ่งลงไป
ได้ยินแต่เสียงดังเพล้ง กล่องตกไปที่พื้น
จากนั้น ในกล่องก็มีเสียงเครื่องถ้วยชามแตกดังเพล้งจากด้านใน
วารุณีตะลึงงันไปหมด มือที่ยื่นไป ก็ค้างอยู่กลางอากาศแบบนี้ มองกล่องที่พื้นด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ผ่านไปสักพัก จึงได้สติคืนมา
จากนั้นก็ไม่สนใจการห้ามของนัทธี รีบย่อตัวลงเปิดกล่องออกมา มองเห็นถ้วยชาจีนด้านในที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ก็เยือกเย็นไปทั้งตัว
นายท่านวัชระก็ย่อตัวลง เก็บเศษสองชิ้นขึ้นมาดู เจ็บปวดอย่างสุดขีดลึกซึ้ง
แต่เจ็บปวดไปก็ไม่มีประโยชน์ ถ้วยชาจีนแตกแล้ว ไม่อาจคืนกลับเหมือนเดิมได้
นายท่านวัชระทิ้งเศษแก้วไป ยืนขึ้นมาตัวสั่น ด้วยการประคองของนัทธี มองเมธาวีที่ยิ้มอย่างมีความสุข โกรธจนตบไปหนึ่งฉาดโดยตรง“มารผจญ!”
รอยยิ้มที่ใบหน้าเมธาวีชะงักทันที จากนั้นปิดหน้าไว้ร้องไห้แล้ววิ่งออกไป
วารุณีปิดกล่องถ้วยชาจีนลงอีกครั้ง ถือกล่องยืนขึ้นมา บนใบหน้าเล็กๆนั้น ฉีกรอยยิ้มซีดๆที่ไร้เรี่ยวแรงออกมา“ขอโทษนะคะคุณปู่วัชระ ของขวัญเอาให้คุณไม่ได้แล้ว”
“ไม่เป็นไร ความหวังดีนั้นผมรับไว้แล้ว”นายท่านวัชระโบกมือกลับไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
นัทธีมองทางที่เมธาวีออกไปด้วยสายตาร้ายกาจ สุดท้ายก็เอาสายตาที่เย็นชาไปไว้ที่นายท่านวัชระ
“นายท่านวัชระ หลานสาวคนนี้ของคุณนิสัยไม่ดีเลย ไม่ใช่ว่าลงโทษไปนิดหน่อยก็จะสามารถโน้มน้าวได้แล้ว ผมหวังว่าคุณจะสั่งสอนคุณธรรมให้เธอใหม่อีกครั้งได้ ถ้าสอนไม่ได้ก็ส่งออกไปซะ ไม่อย่างนั้นต่อไปจะนำปัญหาใหญ่มาให้คุณอีก”
คำพูดของเขานี้เรียกได้ว่าไม่เกรงใจอย่างมาก ไม่ไว้หน้านายท่านวัชระเท่าไหร่นัก
ถึงแม้นายท่านวัชระจะอับอาย แต่ก็รู้ว่าคำพูดของเขานั้นถูก พยักหน้ายิ้มอย่างขมขื่น
“พวกเราไปกันเถอะ งานเลี้ยงอำลาวงการในวันนี้ ไม่มีความหมายที่จะจัดต่อไปได้แล้ว”นัทธีเห็นนายท่านวัชระรับปากว่าจะสั่งสอนเมธาวีอีกครั้ง ก็ละสายตากลับไป มองวารุณี
วารุณีก็เข้าใจจุดนี้ดี ตอบรับอือ เดินตามหลังเขาไปอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม
อย่างเช่นที่นัทธี เรื่องราววุ่นวายแบบนี้แล้ว งานเลี้ยงอำลาวงการนี้ก็จัดต่อไปไม่ได้แล้ว
ที่จริงความตั้งใจเดิมที่นายท่านวัชระจัดงานเลี้ยงอำลาวงการ ก็เพราะอยากมองหาคนเก่งที่โดดเด่นบางส่วนให้บริษัทของตระกูลแววสูงเนิน แล้วก็จะได้ดูว่ามีดีไซเนอร์ที่มีพรสวรรค์ที่ดีหรือไม่ จะได้รับเป็นศิษย์
แต่จากความวุ่นวายเมื่อครู่ เขาก็ไม่มีความคิดนี้อีก หลังจากขอโทษทุกคน ก็ประกาศว่างานเลี้ยงอำลาวงการจบลงเท่านี้ จากนั้นให้แม่บ้านจัดการส่งพวกเขา
ตอนที่วารุณีตามนัทธีออกไปจากตระกูลแววสูงเนิน จู่ๆด้านนอกก็มีฝนตกหนัก
วารุณีไม่ได้พกร่มมา และก็ไม่มีรถ แล้วยังสวมกระโปรงบางๆกับรองเท้าบูตสั้น รองเท้าบูตสั้นก็โดนน้ำไม่ได้ คิดแบบนี้แล้วก็จะรู้ว่าเธอต้องหนักใจแค่ไหน
ตอนที่วารุณีไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร นัทธีที่อยู่ข้างๆปลดกระดุมเสื้อสูทไป พูดไปด้วยว่า“ฝนตกหนักขนาดนี้ ผมจะส่งคุณกลับไป”
วารุณีอ้าปากขึ้นมา คำพูดปฏิเสธก็พูดไม่ออก พยักหน้าเห็นด้วย“ขอบคุณค่ะประธานนัทธี”
ในนี้เป็นโซนคฤหาสน์ ถ้าปฏิเสธไป เธอจะต้องฝ่าฝนเดินออกไปจากโซนคฤหาสน์ ไปถึงถนนด้านนอกถึงจะเรียกรถได้
ถึงตอนนั้น เธอจะต้องถูกฝนสาดจนอนาถแน่ ไม่แน่ว่าเรียกรถได้แล้ว คนขับรถเห็นสภาพเธอขึ้นมา ก็ไม่แน่ว่าจะรับเธอขึ้นมา
เห็นวารุณีไม่ปฏิเสธตัวเอง คิ้วนัทธีก็อ่อนโยนลง ถอดเสื้อคลุมมาคลุมบนหัวเธอ“ถือไว้นะ”
วารุณีกะพริบตา เหมือนไม่ค่อยเข้าใจเขา
ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับ“มารุตขับรถมาที่หน้าประตูไม่ได้ ได้แต่ขับไปที่ด้านนอกประตู ตรงนี้ห่างจากด้านนอกประตูสิบกว่าเมตร อันนี้เป็นร่มบังฝนให้คุณได้”
ที่แท้ก็แบบนี้
ในใจวารุณีรู้สึกอบอุ่น จากนั้นเห็นที่ตัวเขาสวมแค่เสื้อเชิ้ตบางๆตัวเดียว ก็เอาเสื้อคลุมลงมาจากหัว สองมือยื่นไปให้เขา“ขอบคุณค่ะความหวังดีของประธานนัทธีนะคะ แต่ไม่ต้องหรอก ฝนตกหนักขนาดนี้ และยังหนาวด้วย ถ้าคุณเป็นหวัดจะทำไง คุณสวมเสื้อผ้าดีกว่าค่ะ”
“ผมไม่เป็นหวัดหรอก คุณคลุมเองเถอะ”นัทธีใช้มือข้างหนึ่งดันเสื้อคลุมกลับไป แอบมีความหงุดหงิดเล็กน้อยในสายตา
วารุณีรู้สึกได้ ในใจก็รู้ว่าถ้าตัวเองยังยืนหยัดจะคืนให้เขา เขาจะต้องไม่พอใจแน่ จึงยอมแพ้ แล้วเอาเสื้อคลุมไปไว้บนศีรษะอย่างเชื่อฟัง
นัทธีเห็นแบบนี้ ความหงุดหงิดในดวงตาก็หายไป
ตอนนี้เอง เบนท์ลีย์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาท่ามกลางสายฝนจากไกลๆ จอดอยู่ด้านนอกประตูลายฉลุของคฤหาสน์สิบกว่าเมตร
นัทธีจับข้อมือของวารุณีไว้ ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของวารุณี ก็พูดว่า“ผมจะพาคุณวิ่งไป ตามผมมา!”
พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าไปกลางสายฝน วารุณีที่ถูกเขาดึงไปก็เข้ามาท่ามกลางสายฝนด้วยกัน
ฝนตกหนักไปที่ชุดสูทบนหัววารุณี ส่งเสียงดังเปาะแปะ เสียงดังมาก จะเห็นว่าฝนตกหนักแค่ไหน
ไม่กี่วินาทีสั้นๆ นัทธีก็พาวารุณีมาที่หน้ารถ
เขาเปิดประตูรถด้านหลัง ปล่อยมือของวารุณี ผลักหลังของเธอ สื่อให้เธอขึ้นรถไปก่อน
ส่วนเขายืนอยู่นอกประตูรถ ปล่อยให้ฝนตกหนักไปที่ตัว จนกระทั่งวารุณีนั่งเข้าไปในรถ เขาจึงโค้งตัวเข้าไป
เวลานี้เอง นัทธีเปียกไปทั้งตัว เส้นผมแข็งจนเป็นช่อ และยังมีน้ำหยดลงมา เชิ้ตที่ราคาแพงก็แนบไปกับตัว เย็นจนไม่รู้สึกสบาย ทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น
“เปิดเครื่องทำความร้อน”นัทธีตบท้ายเบาะของที่นั่งคนขับ กำชับเสียงหม่น