พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 160 ความหวาดกลัวของขงเบ้ง
“ไม่ต้องปรึกษาหรอก”นัทธีขมวดคิ้ว เอาแขนของตัวเองดึงออกมา
ก็แค่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ตอนที่เขาดึง ขงเบ้งก็ปล่อยมือพอดี หลังจากที่เท้าของเขาโซเซเล็กน้อย จากนั้นก็ล้มลง
วารุณีเห็นแบบนี้ หลังจากตะโกนเสียงดังไปที่ประธานนัทธี ก็ปล่อยมือของอารัณแล้วรีบวิ่งไปที่นัทธี วิ่งไปด้านข้างเขาแล้วประคองเขาไว้“ประธานนัทธีคุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
นัทธีส่ายหัว หอบเล็กน้อยตอบไปว่า“ผมไม่เป็นไร แค่มึนๆหัวเล็กน้อย”
“งั้นก็ดี ฉันจะประคองคุณไปนั่งตรงนั้นนะคะ”วารุณีโล่งอก ประคองเขาเดินไปที่โซฟา
ขงเบ้งเห็นวารุณีที่ปรากฏตัวกะทันหัน ก็ประหลาดใจกับภาพลักษณ์ของเธอก่อน จากนั้นจึงถามนัทธี“นัทธี ผู้หญิงคนนี้คือ……”
นัทธีไม่ตอบเขา วารุณียิ้มให้เขาอย่างมีมารยาท กำลังจะแนะนำตนเอง อารัณวิ่งเข้ามา
ขงเบ้งมองใบหน้าอารัณที่หน้าเหมือนกับนัทธีอย่างมาก ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนอย่างมาก ชี้ไปที่อารัณอย่างตกใจจนพูดไม่ออก“หนู……หนู……”
“ผม?”อารัณเอียงคอ ทำปากมุ่ยทันที แล้วพูดเสียงเบา“มาอีกคนแล้วที่พูดว่าผมคือลูกของคุณอานัทธี!”
วารุณีกำลังเทน้ำให้นัทธี ได้ยินคำนี้ มือที่จับแก้วน้ำก็กำแน่นทันที
จู่ๆเธอก็รู้สึกว่า ตัวเองพาอารัณมาเป็นการกระทำที่ผิดพลาดไป ตอนนี้แค่คนที่รู้จักนัทธี พอเห็นอารัณต่างก็ตะลึงและสงสัยทั้งนั้น แค่คนสองคนเธอสามารถอธิบายได้ว่าอารัณไม่ใช่ลูกของนัทธี
แต่คนที่เห็นอารัณเยอะแล้ว เธอก็อธิบายไม่ได้ ยังไงก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อ ถ้ามีคนไม่เชื่อ ไปตรวจดีเอ็นเอให้อารัณกับนัทธี ก็คงแย่
ความเหม่อลอยของวารุณีถูกนัทธีเห็นเข้า แต่นัทธีไม่ได้คิดมากนัก แค่คิดว่าเธออาจจะมีเรื่องไม่สบายใจ จึงถามอย่างเป็นห่วงไปว่า“คุณเป็นอะไร?”
วารุณีได้สติคืนมา ก็ส่ายหน้า“ฉันไม่เป็นไร อารัณ มานี่”
เธอโบกมือไปที่อารัณ หลังจากรออารัณมาตรงหน้าเธอแล้ว เธอก็กั้นอารัณไว้ด้านหลังตัวเอง เพื่อหลบสายตาที่ขงเบ้งสำรวจอารัณ
ขงเบ้งมองไม่เห็นอารัณแล้ว ก็ได้แต่เอาสายตามองไปที่นัทธีกับวารุณี มองอยู่นานจึงกลืนน้ำลาย ถามเสียงสั่นว่า“นัทธี เด็กคนนั้นเป็นลูกของพวกหลานสองคนเหรอ?”
“เกี่ยวกับลุงเหรอครับ?”นัทธีเงยตาขึ้น มองเขาอย่างเย็นชา
คำพูดเขานี้ขงเบ้งฟังแล้ว เป็นการยอมรับอย่างไม่ต้องสงสัย ตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวทันที“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร หลานจะมีลูกได้ไง ทั้งๆที่หลาน……”
พูดถึงตรงนี้ จู่ๆขงเบ้งก็ตระหนักว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ควรพูด หลังจากสายตามีความตื่นตระหนก ก็รีบหุบปาก
แต่สายไปแล้ว นัทธีกับวารุณีได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายนั้นของเขา
หลังจากสบตากัน นัทธีก็หรี่ตาลง มองขงเบ้งอย่างละเอียด“ลุงหมายความว่าไงครับ ทั้งๆที่ผมอะไรเหรอ?”
“ไม่……ไม่มีอะไร นัทธี เรื่องที่ดินพวกเราไว้คุยกันครั้งหน้า ลุงไปก่อนนะ”ขงเบ้งพูดคำนี้จบ ก็หันกลับรีบเดินไปที่ปากทางเข้า สภาพตื่นตระหนกนั้น เหมือนว่ามีอะไรติดตามเขา
วารุณีนัทธีที่มองลงไปแล้วครุ่นคิดอยู่ที่โซฟา“ประธานนัทธี……”
“ผมมเป็นไร ผมแค่กำลังคิด ความหมายของประโยคสุดท้ายนั้นของเขา”มือนัทธีที่วางไว้บนขาก็กำขึ้นมา
วารุณีลูบหัวเล็กๆของอารัณ พูดพึมพำ“เขาจะพูดหรือเปล่าว่าประธานนัทธีร่างกายคุณมีปัญหาอะไร ดังนั้น…..ไม่สิ ก็ไม่ถูก!”
ถ้าร่างกายเขามีปัญหาก็มีลูกไม่ได้ งั้นอารัณกับไอริณจะเกิดได้ไง?
“อะไรไม่ถูก?”นัทธีไม่รู้ว่าวารุณีกำลังคิดอะไรอยู่ เลิกคิ้วมองเธอ
วารุณีโบกมือ“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันเดาเฉยๆ อย่าจริงจังเลย แต่ว่าถ้าประธานนัทธีคุณอยากรู้ว่าคนๆนั้นหมายความว่าอย่างไรกันแน่ งั้นก็ไปสืบเองสิคะ”
นัทธีเงยคางเล็กน้อย“ผมรู้แล้ว”
เขาสืบแน่นอน
แค่คำพูดนั้นของขงเบ้ง รวมทั้งสภาพตื่นตระหนกนั้นของขงเบ้ง เห็นได้ชัดว่าขงเบ้งทำอะไรกับเขาทั้งที่เขาไม่รู้
“ใช่สิประธานนัทธี คุณจะกลับไปพักผ่อนไหมคะ?ฉันเห็นสีหน้าคุณยังดูแย่มาก”วารุณีมองนัทธีที่ใบหน้ายังคงซีดขาว ก็เป็นห่วงเล็กน้อย
นัทธีส่ายมือ“ไม่ต้อง”
ตอนนี้เอง ป้าส้มก็ถือชามยาออกมาจากครัว“คุณผู้ชาย ควรทานยาแล้วค่ะ”
“ยาจีน?”นัทธีคิ้วขมวดแน่นเป็นเส้น
“ค่ะ ป้าให้หมอจ่ายยาให้เฉพาะ กินยาจีนจะได้ดีขึ้นไวค่ะ”ป้าส้มพยักหน้าพูด
ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มเป็นเส้นตรง เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบยาจีน
อารัณไม่เคยกินยาจีน เลยยื่นคอไปดมอย่างอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย จากนั้นก็อุดจมูกเล็กๆแล้วหลบไปไกลๆ“เหม็นจัง”
“ไม่มีมารยาท!”วารุณีจ้องไปที่เด็กชายอย่างแกล้งทำเป็นโกรธ
เด็กชายแลบลิ้นออกมา
ป้าส้มหัวเราะเหอะๆ“จะเหม็นเล็กน้อยค่ะ แต่ผลลัพธ์ดี โอเคค่ะคุณผู้ชาย รีบดื่มเถอะ เดี๋ยวก็เย็นแล้ว”
นัทธีถือชามยาไว้ไม่ขยับ
ป้าส้มหมดหนทาง ได้แต่ส่งสายตาให้วารุณี
วารุณียิ้มให้นัทธี พูดโน้มน้าวไปว่า“ประธานนัทธี คุณก็ดื่มเถอะค่ะ ป้าส้มต้มอย่างยากลำบากนะคะ”
นัทธีมองเธอ แล้วก็มองไปที่ป้าส้มอีก ไม่ได้พูด จ้องของเหลวสีดำในชามสักพัก เงยหน้าขึ้น แล้วก็ดื่มยาด้วยใบหน้านิ่งเฉย
กินเสร็จ วารุณีก็รับชามไป จากนั้นก็เอาสิ่งของยัดใส่มือของนัทธี
นัทธีตะลึงเล็กน้อย ก้มหน้าแล้วแบฝ่ามือมาดู ดันเป็นลูกอมห่อสีฟ้าเม็ดหนึ่ง!
นี่เอาใจเขาเห็นเขาเป็นเด็กเหรอ?
นัทธีเลิกคิ้วขึ้นมองวารุณี
วารุณีอ่านความคิดของเขาออก กะพริบตาให้เขา“กินเถอะ กินเสร็จก็ไม่ขมแล้วค่ะ”
นัทธีหัวเราะเล็กน้อย
เธอเอาใจเขาเห็นเขาเป็นเด็กจริงๆด้วย
แต่พอคิดดูแล้วก็น่าสนใจ
นัทธีละสายตาลง ปกปิดรอยยิ้มในดวงตา ฉีกห่อลูกอม แล้วเอาลูกอมใส่ปาก
แป๊บเดียว รสหวานก็กระจายอยู่ในปากจางๆ กำจัดรสขมในปากทิ้ง นัทธีหลับตาลงเล็กน้อย คิ้วก็ผ่อนคลายลง จากนั้นลืมตามอง ก็สบตาเข้ากับตาโตๆสีดำคู่นั้นของอารัณ
“ทำไมเหรอ?”นัทธีจ้องใบหน้าของอารัณที่เหมือนกับตัวเอง
วารุณีก็มองเด็กชายอย่างแปลกใจ
เด็กชายเอามือวางไว้ที่ขานัทธี เงยหน้าขึ้น สายตาที่มองนัทธีเต็มไปด้วยความนับถือ“คุณอานัทธีสุดยอดมาก ยาที่เหม็นขนาดนี้ก็ดื่มหมดในอึกเดียวได้”
ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้น ก้มเอวลงยกรักแร้ของเด็กชายขึ้นมา อุ้มเด็กชายขึ้นมา วางไว้ที่ขา“ขอบคุณนะ”
เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า เด็กชายที่เพิ่งเมินใส่เขาเมื่อครู่ จู่ๆจะมานับถือเขาแค่เพราะว่ายาหนึ่งชามได้
และดันเป็นเด็กชายตัวเล็กๆ
ป้าส้มที่อยู่ข้างๆมองผู้ใหญ่สองคนกับเด็กคนหนึ่งบนโซฟา แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาจากความรู้สึกว่า“คุณผู้ชาย คุณวารุณี พวกคุณเหมือนสามคนพ่อแม่ลูกจริงๆเลยนะคะ”
ได้ยินคำนี้ วารุณีก็มีอาการตะลึงงันเล็กน้อย จากนั้นรีบอุ้มอารัณลงมาจากขานัทธี“ป้าส้ม อย่าล้อเล่นสิคะ ฉันกับประธานนัทธีก็เป็นแค่เพื่อนกันทั่วไปเท่านั้น”
“เป็นเพื่อนทั่วไป?”สายตานัทธีหม่นลง ริมฝีปากก็เม้มลง
ที่จริงเขาคิดว่า ถึงตอนนี้พวกเขาไม่ใช่คนรักกัน แต่อย่างน้อยก็เป็นมากกว่าเพื่อน
คิดไม่ถึงว่าในใจของเธอ พวกเขาจะเป็นแค่เพื่อนทั่วไป
วารุณีตระหนักได้ว่านัทธีไม่ค่อยพอใจ แต่ไม่ได้คิดมากนักว่าเอไม่พอใจตรงไหน จูงมือของอารัณ“ประธานนัทธี ดึกมากแล้ว พวกเราควรจะบอกลาได้แล้ว บอกลาคุณอานัทธีกับคุณยายส้มเร็วลูก”
เธอก้มหน้าลงพูดกับเด็กชายข้างๆ
เด็กชายพยักหน้า“คุณอานัทธี คุณยายส้ม ลาก่อนครับ!”
ป้าส้มมองไปที่นัทธีอย่างทำอะไรไม่ถูก
เธอรู้ดีว่า ที่คุณวารุณีต้องไป ก็เป็นเพราะว่าประโยคนั้นของเธอ
แค่เธอไม่รู้ว่า ประโยคของเธอนั้นพูดผิดตรงไหน ทำไมถึงทำให้คุณวารุณีมีปฏิกิริยาหนักมากขนาดนี้
นัทธีไม่สนใจป้าส้ม ลูบขมับแล้วยืนขึ้นมา“ผมไปส่งคุณเอง”