พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 163 เรื่องผ้า
แป๊บเดียว การคาดเดานี้ก็ได้รับการยืนยัน
นัทธีพามารุตออกมาจากในอาคารใหญ่ เดินมาที่ด้านหน้าวารุณี
ถึงแม้วารุณีสงสัยที่เขาลงมาหยิบกุญแจ ทำไมยังต้องเรียกมารุตมาด้วยกัน แต่ไม่ได้ถามอะไรมาก ยื่นกุญแจไปให้เขาโดยตรง
เขารับไปแล้ว ก็เอาให้มารุตที่อยู่ด้านหลัง
มารุตได้กุญแจ ก็ยิ้มให้วารุณี แล้วเปิดประตูขึ้นไปที่นั่งคนขับ
นอกรถเหลือเพียงแค่วารุณีกับนัทธีสองคน
วารุณีโค้งให้เขาเล็กน้อย“ขอบคุณรถของประธานนัทธีนะคะ”
“ไม่เป็นไร”นัทธีเอามือล้วงเข้ากางเกงข้างหนึ่งแล้วตอบ
วารุณียืดตัวขึ้นมองเขา มองสีหน้าของเขาที่ไม่ซีดขาวเหมือนเมื่อเช้าแล้ว ก็โล่งใจเล็กน้อย“ประธานนัทธี งั้นฉันไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว”นัทธีจับแขนของเธอไว้
วารุณีหันไป“ทำไมเหรอคะ?”
“ขึ้นรถ จะส่งคุณกลับ”นัทธีเงยคางขึ้นไปที่ประตูรถที่นั่งด้านหลัง
วารุณีส่ายมือ“ไม่ต้องหรอกค่ะ พวกคุณลงมาเอากุญแจรถ ไม่ต้องไปส่งฉันโดยเฉพาะหรอกค่ะ”
“แค่ทางผ่าน”นัทธีปล่อยแขนของเธอ ก้มลงเล็กน้อยเปิดประตูรถ
วารุณีกะพริบตา“ทางผ่าน?”
นัทธีตอบอือ“ผมต้องไปโรงพยาบาล ระหว่างทางผ่านสตูดิโอของคุณพอดี”
“ที่แท้ก็แบบนี้”วารุณีพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจ
ไม่น่าล่ะเขาต้องพามารุตลงมาด้วย ที่แท้ก็ให้มารุตขับรถนี่เอง
ส่วนเขาไปโรงพยาบาล ก็น่าจะไปเยี่ยมนวิยามั้ง
สายตาวารุณีหม่นลงทันที ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก้มตัวขึ้นไปในรถ
จากนั้นนัทธีก็เข้าไป แล้วปิดประตูรถ
รถค่อยๆสตาร์ท แป๊บเดียวก็เข้าสู่การจราจร
บนถนน วารุณีได้รับสายของปาจรีย์ หลังจากได้ยินเรื่องที่ปาจรีย์พูด ใบหน้าเล็กๆก็หม่นลงทันที
นัทธีเหลือบมอง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย
“ทำไมเหรอ?”เขาเอาศอกบนประตูรถวางลงมา
วารุณีวางสาย ริมฝีปากแดงๆเม้มลง ตอบไปว่า“ผ้าที่สตูดิโอของพวกเราเกิดปัญหานิดหน่อยค่ะ เดี๋ยวต้องมีคอลช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แบบก็วาดเสร็จแล้ว ขาดแค่ตัดชุด แต่ว่าโรงงานผ้าที่ทำงานกับพวกเรา กลับบอกเราว่าไม่สามารถจัดหาผ้าได้”
“ทำไมล่ะ?”นัทธีมองเธอ
วารุณีขยี้คิ้ว“บอกว่าเครื่องจักรพัง ผลิตผ้าออกมาไม่ได้ค่ะ”
“นี่เป็นไปไม่ได้เลย เครื่องจักรไม่มีทางที่จะพังพร้อมกันได้”ริมฝีปากบางๆของนัทธีอ้าขึ้นเล็กน้อย พูดเบาๆ
วารุณีพยักหน้า“ใช่ค่ะ โรงงานผ้าต้องโกหกแน่นอน ถ้าไม่จงใจไม่ให้ผ้าเรา ก็คงเป็นบริษัทหรือสตูดิโออื่นต้องการผ้าจำนวนมาก เลยเอาผ้าของพวกเราไปให้เขา”
สถานการณ์แบบนี้ เคยเกิดขึ้นที่ต่างประเทศ
“งั้นก็เปลี่ยนโรงงานผ้าซะ”นิ้วมือนัทธีวางไว้บนเข่าแล้วเคาะไปมา พูดแนะนำออกไป
วารุณีถอนหายใจ ส่ายหน้า“ไม่ได้ค่ะ พวกเราให้เงินค่าผ้าไตรมาสละหนึ่งครั้ง ถ้าเปลี่ยนร้าน พวกเราไม่อาจหาเงินจำนวนมากไปซื้อได้ และตอนที่เซ็นสัญญาก็บอกแล้วว่า ตราบใดที่ไม่เกินวันส่งผ้าที่ช้าที่สุด ถึงสตูดิโอพวกเราต้องการผ้าอย่างเร่งด่วน ก็จะคืนเงินจากโรงงานผ้าไม่ได้ค่ะ”
นี่ทำให้เธอปวดหัวเล็กน้อย เพราะเนื่องจากงานแฟชั่นโชว์‘Bath fire rebirth’ ร้านเสื้อผ้าแบบมีหน้าร้านจำนวนมาก ต่างมาจองสินค้าที่สตูดิโอพวกเขาจำนวนมาก ส่งผลให้เสื้อผ้าในไตรมาสนี้ยังไม่ได้ตัด จำนวนออเดอร์มีมากเกินกว่าที่จองไว้ถึงสามเท่า
ดังนั้นผ้าที่สตูดิโอพวกเขาต้องการ ก็เยอะเกินกว่าที่จองไว้จำนวนมาก ทางโรงงานผ้าก็คุยแล้วว่าเปลี่ยนวันส่งผ้าที่ช้าที่สุดเป็นสิ้นเดือน แต่ตอนนี้เหลืออีกครึ่งเดือนเองก็จะสิ้นเดือนแล้ว ถ้าโรงงานผ้าเอาผ้ามาให้ในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า งั้นที่พวกเขารับปากร้านเสื้อผ้าว่าจะเอาเสื้อผ้ามาให้ก่อนสิ้นเดือนนี้ก็จะทำไม่สำเร็จ ซึ่งก็ต้องจ่ายค่าผิดสัญญาให้ร้านเสื้อผ้าอีก
นึกถึงตรงนี้ วารุณีได้แต่รู้สึกว่าหงุดหงิด ออกแรงขยี้คิ้วมากขึ้น
นัทธีเห็นสภาพเธอปวดหัวแบบนี้ ก็เงียบสักพัก แล้วหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋ามาเปิดออก หยิบบัตรสีดำใบหนึ่งยื่นให้เธอ
วารุณีเงยหน้าขึ้น มองเขาอย่างไม่เข้าใจ“ประธานนัทธีนี่คือ……”
“ไม่ต้องคิดมาก ให้คุณยืม”เห็นวารุณีไม่รับ นัทธีก็เอาบัตรเอทีเอ็มใส่มือเธอ
ที่จริงเขาจะเอาบัตรนี้ให้เธอรูดก็ไม่เป็นไรเลย แต่แบบนี้เธอไม่รับแน่นอน และอาจจะคิดได้ว่า ที่จู่ๆเขาเอาเงินให้เพราะมีจุดประสงค์อื่น
และถ้าพูดว่าให้ยืมก็คงไม่เป็นเช่นนั้น
จริงๆด้วย อย่างที่นัทธีคิดไว้
วารุณีมองบัตรในมือ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย ครั้งแรกก็คิดว่าจะปฏิเสธ
แต่จากนั้นก็คิดอีกว่าถ้าภายในเวลาสั้นๆโรงงานผ้าให้ผ้ามาไม่ได้ และสตูดิโอส่งสินค้าไปไม่ไหว ก็ต้องจ่ายค่าผิดสัญญาให้ร้านเสื้อผ้า สุดท้ายก็แพ้ความจริง กำบัตรไว้ในมือแน่น
“ขอบคุณค่ะประธานนัทธี ฉันจะรีบคืนคุณ”วารุณียกมุมปากขึ้นพูดรับประกัน
จากความสามารถในการออกแบบของเธอ ขายภาพออกแบบไม่กี่สิบใบ เรื่องคืนเงินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแล้ว
คิดแบบนี้ ความกดดันในใจวารุณี ก็น้อยลงไปเยอะ การแสดงออกที่ใบหน้าก็ดูโล่งอกขึ้น
นัทธีเห็น ริมฝีปากบางๆก็ยกขึ้นเล็กน้อย“รอคุณมีเงินเหลือเมื่อไหร่ค่อยคืนก็ได้”
“อือ”วารุณีรู้ว่าเขากำลังเตือนเธอว่า ให้เธอไม่ต้องกังวลเรื่องคืนเงิน ในใจก็รู้สึกอบอุ่น ตอบรับไป
จากนั้น วารุณีก็ส่งบอกปาจรีย์ ว่าจะเปลี่ยนโรงงานผ้า
สุดท้ายพอส่งเสร็จ รถก็หยุดกะทันหัน
วารุณีตกใจ ตัวนั่งไม่มั่นคงเท่าไหร่ จึงถลาเข้าใส่ด้านหน้าตรงหลังเบาะที่นั่งข้างคนขับทันที
ถึงหลังเบาะจะไม่แข็งมาก แต่หัวของเธอชนไปแรงๆแบบนี้ ก็ต้องชนจนเลือดไหลแน่
ตอนที่วารุณีแสดงออกมาอย่างตกใจกลัว คิดว่าตัวเองต้องจบเห่แน่ๆ จู่ๆมือใหญ่ข้างหนึ่งก็กดไหล่ของเธอไว้ ออกแรงดึงเธอไปด้านหลัง แล้วตามด้วยเสียงทุ้มของชายหนุ่ม“ระวัง!”
วารุณีถูกดึงกลับมา ล้มลงไปที่ต้นขานัทธี ถูกเขากดไว้จนไม่อาจลุกขึ้นได้
นัทธีก็ไม่ได้ก้มลงไปมองเธอ แต่เคาะหลังเบาะคนขับด้วยสีหน้าหม่นลง
มารุตได้ยินเสียงเรียก รีบจอดรถไว้ที่ข้างถนน หันหน้าไป
เห็นฉากที่วารุณีนอนอยู่บนขาของนัทธี ก็จ้องจนตาเกือบจะถลนออกมา
พระเจ้า ประธานกับคุณวารุณีนี่สุดยอดจริงๆ
หนุนตักแล้ว!
ไม่รู้ว่ามารุตเข้าใจอะไรผิด นัทธีมองเขาอย่างเย็นชา ถามเสียงหม่นว่า“เมื่อกี๊รถเป็นอะไร?”
วารุณีก็เงี่ยหูฟัง
มารุตยืดเอว ตอบกลับด้วยใบหน้ารู้สึกเสียใจ“เมื่อกี๊มีคนข้ามถนน ดังนั้นผมเลยต้องเหยียบเบรกกะทันหันครับ ประธาน คุณกับคุณวารุณีไม่ได้ตกใจใช่ไหมครับ?”
ถึงปากจะถามแบบนี้ แต่ในใจมารุตคิดว่า พวกเขาจะต้องไม่ตกใจแน่
ถ้าตกใจ พวกเขาจะยังหนุนตักกันสบายแบบนี้เหรอ?
ควรแยกออกนานแล้ว!
นัทธีขยี้คิ้ว ตอบกลับสองคำเบาๆ“ไม่นี่”
“ไม่ก็ดีครับ งั้นผมขับรถต่อนะครับ”พูดจบ มารุตก็หันกลับไป ขณะเดียวกันก็เอาที่กั้นขึ้นมาบังไว้ด้วย
ตอนนี้เอง จู่ๆนัทธีก็รู้สึกว่าบนขาของตัวเองถูกทิ่มลงไป ก้มหน้าไปมอง ก็สบตาเข้ากับดวงตาที่สวยงามคู่นั้น
“ทำไมเหรอ?”นัทธีขับริมฝีปากถามออกไป
วารุณีกัดปากอย่างอายๆ“เปล่าค่ะ คือประธานนัทธี คุณเอามือออกไปได้ไหมคะ?”
ตำแหน่งที่เธอนอนลงไป เป็นโคนต้นขาของเขา แค่ขยับเล็กน้อย ก็เป็นไปได้ว่าจะชนเข้ากับจุดที่ไม่ควรโดน
นัทธีได้ยินก็ตะลึง จึงได้สตืคืนมาว่าตัวเองยังกดเธอไว้ที่ขา สายตาสั่นคลอนเล็กน้อย จากนั้นก็เอามือออกจากไหล่ของเธอ“ขอโทษ”