พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 167 ความจริงของอุบัติเหตุทางรถยนต์
ฝีเท้านัทธีชะงัก หันหน้าไปทันที“ฝีมือคนทำ?”
“ครับ”มารุตพยักหน้า
เพราะแบบนี้ สีหน้านัทธีก็มีความหม่นลงเล็กน้อย“ตอนที่พงศกรเกิดอุบัติเหตุ วารุณีก็อยู่ข้างๆ หรือว่าเป็นคนที่จะฆ่าวารุณีเมื่อสองครั้งที่แล้วอีกล่ะ?”
“ประธาน ครั้งนี้คุณเดาผิดครับ ไม่ใช่”มารุตดันแว่นหัวเราะ
นัทธีเพ่งมองที่เขา“ว่ามา!”
มารุตลูบจมูก ที่จริงอยากจะอุบไว้ก่อน ตอนนี้ถูกสายตาที่เย็นชาของเขาจ้อง ก็ไม่กล้า ไอเบาๆ แล้วตอบไปอย่างจริงจังว่า“อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นแผนการของคุณหมอพงศกรเองครับ”
“อะไรนะ?”นัทธีตะลึงเล็กน้อย แล้วก็ขมวดคิ้วแน่น“เขาเองเหรอ?”
“ถูกครับ จากกล้องวงจรปิดตรงถนนนั้น ผมจับคนขับที่ก่อเหตุได้ และตามที่คนขับรถคนนั้นเปิดเผย เขารับเงินของคุณหมอพงศกรแล้วทำแบบนี้”มารุตตอบ
นัทธีหรี่ตาลง“สาเหตุล่ะ?”
“เพื่อคุณวารุณี”มารุตพูดเสียงเบา“คุณก็รู้ว่าคุณหมอพงศกรมีความรู้สึกแบบนั้นกับคุณวารุณี แต่คุณวารุณีไม่ชอบเขา คนที่ชอบคือคุณ เขาก็เริ่มร้อนใจ ดังนั้นเลยวางแผนอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนี้ขึ้นมา เพราะอยากเกิดเรื่องต่อหน้าคุณวารุณี ให้คุณวารุณีรู้สึกผิดกับเขา จากนั้น……”
“ผมเข้าใจแล้ว”นัทธียกมือขึ้นตัดบท
พงศกรจงใจอยากให้วารุณีคิดว่าเป็นเพราะเธอ จึงทำให้เขาเกิดเรื่องเอง
แบบนี้ เธอก็จะรู้สึกผิดต่อพงศกร พงศกรก็สามารถใช้ความรู้สึกผิดนี้ ขอให้เธอคบกับเขา ถือเป็นวิธีที่ดีมาก!
“เขาทำแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะทำตัวเองแน่ ตายคาที่เหรอไง?”นัทธีหรี่ตาลง เยาะเย้ยอย่างเย็นชา
สีหน้ามารุตดูจริงจัง“พูดถึงแล้ว คุณหมอพงศกรบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ไม่ควรทำจริงๆ”
“หือ?”นัทธีมองเขา
มารุตขมวดคิ้วพูดว่า“คนขับรถคนนั้นพูดว่า คุณหมอพงศกรแค่ให้เขาชนคุณหมอพงศกรจนบาเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าทำไม ตอนที่เขาชนไป จู่ๆเบรกรถก็เสียการควบคุม ดังนั้นคุณหมอพงศกรจึงอนาถแบบนี้ครับ”
“เบรกเสียการควบคุม?”นัทธีแสดงออกอย่างแปลกใจเล็กน้อย“เป็นอุบัติเหตุเหรอ?”
มารุตคิดเล็กน้อยตอบไปว่า“น่าจะใช่ครับ ผมให้คนสืบเบรกรถของคันนั้นแล้ว ไม่เหมือนกับว่ามีคนลงมือทำ ดังนั้นเรื่องครั้งนี้ เป็นคุณหมอพงศกรที่โชคร้าย”
ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นมาอย่างเย็นชา“เหมือนว่าแบบนี้เขาไม่ตาย แต่ก็ถือว่าโชคร้ายไปด้วย”
“ถูกครับ”มารุตพยักหน้าคล้อยตามไปจากนั้นก็ถาม“ความจริงของเรื่องนี้ ต้องบอกคุณวารุณีกับคุณปาจรีย์คนนั้นไหมครับ?”
แววตานัทธีสั่นคลอน“ไม่ต้อง บอกวารุณีไปเธอก็ไม่เชื่อ ในใจของเธอพงศกรเป็นหมอที่แสนจะอบอุ่น ไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้ ถึงแม้จะมีคนขับที่ก่อเหตุคนนั้นมาเป็นพยานก็ช่วยอะไรไม่ได้ เธอก็คิดว่าพวกเราให้คนขับคนนั้นมาพูดแบบนี้ ส่วนปาจรีย์ก็ยิ่งไม่ต้องเลย”
ถ้าให้ปาจรีย์รู้ ตัวตนที่แท้จริงของพงศกร ก็ไม่แน่ว่าเธอจะรักพงศกรต่อไป
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็น เขาต้องช่วยปาจรีย์สักหน่อย ให้ปาจรีย์ไปจีบพงศกรเอง มีแค่แบบนี้ พงศกรถึงจะไม่มีเวลาไปยุ่งกับวารุณี
มารุตไม่รู้ความคิดในใจนัทธี ลูบคาง ดูไม่พอใจเล็กน้อย“หรือต้องปิดบังคุณวารุณีแบบนี้เหรอครับ?”
นัทธีเอามือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง“ที่ผมให้คุณไปสืบ ข้อมูลเกี่ยวกับพงศกร สืบได้ยัง?”
มารุตส่ายหน้า“เขาลึกลับมากครับ ที่ผมสืบได้ ก็คือประวัติย่อความร่ำรวยของเขา กับข้อมูลพวกนั้นที่ตั้งใจให้ผุ้คนเห็น ส่วนที่ลึกลงไปนั้นไม่มีอะไรคืบหน้าเลย เหมือนกับว่าถูกปกปิดไว้”
“เหรอ”นัทธีหันกน้ากลับไป ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
ที่จริงเขาคิดว่า พงศกรคนที่ปลอมตัวเก่ง มีปัญหากับสภาพจิตใจแบบนี้ ต้องเคยทำเรื่องอะไรที่ไร้ยางอายอย่างลับๆแน่ เขาอยากเอาที่สืบมาพวกนี้ให้วารุณีดู ให้เธอรู้ตัวตนที่แท้จริงของพงศกร
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เวิร์ค ได้แต่รอให้พงศกรลงมืออีกครั้งเท่านั้น ให้วารุณีเห็นกับตาถึงจะถูก
ตอนดึก วารุณีพาลูกชายและลูกสาวทั้งสองคนมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
อารัณกับไอริณเข้ามาในห้องคนไข้ ก็วิ่งมาข้างเตียง ร้องไห้เสียงดังให้พงศกรฟื้นขึ้นมา
วารุณีก็ไม่ได้ห้าม ปล่อยพวกเขาไป เอาปิ่นโตเก็บความร้อนในมือยื่นให้ปาจรีย์“ฉันต้มซุปไก่ให้เธอ ดื่มสักหน่อยเถอะ”
ปาจรีย์ส่ายหน้าแล้วเอาซุปไก่วางลงไว้“พงศกรยังไม่ฟื้น ตอนนี้ฉันยังกินไม่ลง”
“หมอบอกหรือเปล่าว่าฟื้นเมื่อไหร่?”วารุณีมองเธอ
ปาจรีย์ขยี้คิ้วที่เหนื่อยล้า“บอกแล้ว ไม่กลางดึกนี้ก็พรุ่งนี้เช้า”
“นั่นก็ไม่ถือว่าช้ามาก”วารุณีดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งลง
ปาจรีย์ก็นั่งอยู่ข้างเธอ“ใช่สิ ตอนบ่าย ผู้ช่วยที่ติดตามประธานนัทธีมาหาฉัน บอกฉันว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของพงศกรเป็นอุบัติเหตุ คนขับที่ก่อเหตุเมาแล้วขับ ก็เลยชนกับพงศกร”
“ที่แท้ก็แบบนี้”หัวใจวารุณีที่พองโตก็คืนกลับไป โล่งอกเล็กน้อย
เป็นอุบัติเหตุก็ดี เธอกลัวว่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุ เป็นฝีมือคนทำ เป็นฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังที่ช่วงก่อนหน้านี้อยากจะฆ่าเธอจะลงมืออีกครั้งเสียอีก
ถ้าเป็นแบบนั้น พงศกรก็จะเหนื่อยเพราะเธอ เธอได้รับอันตรายเกือบตายจนยากที่จะปล่อยไปได้ แต่ว่าครั้งนี้ถึงจะเป็นอุบัติเหตุ แต่พงศกรก็เป็นเพราะว่ามาส่งเธอ เธอยังคงต้องรับผิดชอบ
“วารุณี เธอกลับไปดึกหน่อยนะ ฉันอยากไปบ้านพงศกร ช่วยเขาเก็บของบางอย่างที่ต้องใช้ในโรงพยาบาลมา”จู่ๆปาจรีย์ก็ยืนขึ้นมา พูดกับวารุณี
“เธอจะอยู่ดูแลเหรอ?”วารุณีเงยมองเธอ
ปาจรีย์ตอบอือ“ฉันอยากดูแลเขา จนเขาดีขึ้นมา เธอก็รู้ ปกติพงศกรไม่สนใจฉันอยู่แล้ว มีแค่สถานการณ์ตอนนี้ ที่ฉันจะอยู่ใกล้เขาได้”
“ฉันเข้าใจแล้ว เธอไปเถอะ ฉันจะรอเธอกลับมาที่นี่”วารุณียืนขึ้นมา
เธอคิด นี่อาจจะเป็นโอกาสหนึ่ง
โอกาสที่ให้ความสัมพันธ์ของปาจรีย์กับพงศกรดีขึ้น
“โอเค งั้นฉันไปแล้วนะ”ปาจรีย์พูดจบ หยิบกระเป๋าขึ้นมาออกไปจากห้องคนไข้
วารุณีตามหลังเธอมาที่นอกห้องคนไข้ มองส่งเธอตลอดจนหายไปที่มุมทางเดิน แล้วจึงปิดประตูแล้วกลับไปที่ห้องคนไข้อีกครั้ง
ลูกทั้งสองคนยังร้องไห้
วารุณีเดินเข้าไป มือสองข้างวางไปที่ไหล่ของลูกสองคนคนละข้าง“โอเค ไม่ต้องร้องแล้ว เดี๋ยวร้องไห้จนเสียงแหบพอดี”
อารัณหยุดร้องไห้ เงยหน้าขึ้นมองเธออย่างน้ำตาซึม“หม่ามี๊ พ่อบุญธรรมจะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
ไอริณก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นมองเธอ
วารุณีลูบหัวลูกทั้งสองคน“ไม่เป็นไร วางใจเถอะจ้ะ”
ลูกสองคนเชื่อเธอ พยักหน้าเล็กๆนั้นไปมา
ตอนนี้เอง ประตูห้องคนไข้ก็ถูกเคาะเสียงดัง
วารุณีเอามือออกจากหัวของลูกทั้งสองคน หันกลับถามไปทางประตูว่า“ใครคะ?”
“ฉันเองค่ะ”ด้านนอกประตูมีเสียงอ่อนโยนของหญิงสาวเข้ามา
รูม่านตาวารุณีหดเล็กน้อย
เป็นนวิยา!
เธอมาได้ไง?
ไม่คิดอะไรมาก มือข้างหนึ่งของวารุณีดึงเด็กทั้งสองคนเไปที่ห้องน้ำ ตอบไปที่ประตูว่า“รอก่อนนะคะ กำลังมาค่ะ”
พูดจบ เธอก็ผลักลูกสองคนเข้าไปในห้องน้ำ ตอนที่ลูกทั้งสองคนจ้องมองด้วยความมึนงง ก็โค้งตัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า“ลูกรัก พวกลูกอยู่ข้างในดีๆนะ อย่าส่งเสียงใดๆเด็ดขาดโอเคไหม?”
เมื่อวานที่คฤหาสน์ของนัทธี เธอก็ตระหนักได้ว่า ให้คนที่รู้จักนัทธีเห็นลูกสองคนนี้ไม่ได้อีกแล้ว ยิ่งคนเห็นมาก ตัวตนของลูกทั้งสองคนก็จะยิ่งถูกเปิดเผยไว้มากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวิยาคนที่ต่อไปจะต้องแต่งงานกับนัทธี เธอยิ่งให้นวิยาเห็นไม่ได้
“ทำไมเหรอ?”อารัณมองวารุณี
ไอริณก็เอียงหัว
วารุณีไม่รู้ว่าจะอธิบายกับเขาอย่างไร กลอกตาไปมา หัวเราะพูดว่า“เพราะว่าพี่สาวข้างนอกไม่ชอบเด็ก ดังนั้นลูกๆต้องเชื่อฟัง รอเดี๋ยวกลับไป หม่ามี๊ซื้อไอศกรีมให้พวกลูกเอาไหม?”
“เย้เอาค่ะ หนูจะเอาไอศกรีม”ไอริณได้ยินว่ามีของกิน ก็กระโดดขึ้นอย่างดีใจ
“ตัวเองเอาแต่กิน”อารัณกลอกตาใส่น้องสาว ถึงแม้ในใจเดาออกว่าหม่ามี๊ไม่ได้พูดจริงแน่นอน แต่น้องสาวดีใจแบบนี้ และก็พยักหน้ายอมรับด้วย
“เด็กดี!”วารุณีจูบลูกทั้งสองคน ปิดประตูห้องน้ำ แล้วเดินไปที่ประตูห้องคนไข้ เปิดประตูออก