พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 169 รับมือกับการนัดบอด
วารุณีรู้ว่าปาจรีย์อยากให้เธอขับรถกลับไป ในใจก็รู้สึกอบอุ่น รับกุญแจไว้“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไร แต่ว่าวารุณี เธอควรซื้อรถสักคันนะ”ปาจรีย์ส่ายมือด้วยรอยยิ้ม
วารุณีพยักหน้า“อือควรซื้อไว้ ออกจากบ้านก็สะดวก ไม่ต้องเอาแต่เรียกรถหรือให้คนไปส่ง”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุทางรถยนต์ของพงศกรวันนี้ ยิ่งทำให้เธอมีสติคืนมา
ถ้าวันไหนมีคนประสบอุบัติเหตุเพราะไปส่งเธออีกล่ะ เธอคงจะบ้าจริงๆ ดังนั้นตัวเองซื้อรถไว้สักคันก็คงดี เกิดอะไรขึ้นก็จะได้ไม่เหนื่อยคนอื่น
ในใจแอบเอาเรื่องซื้อรถนี้เก็บไปคิด มือข้างหนึ่งของวารุณีอุ้มไอริณที่หลับ มือข้างหนึ่งจูงอารัณ ออกไปจากโรงพยาบาล
วันถัดมา หลังจากวารุณีส่งไอริณไปโรงเรียนอนุบาล ก็พาอารัณไปดูรถที่ร้าน 4S
เธอไม่คิดจะซื้อรถแพงมากนัก สองสามแสนก็พอแล้ว ปกติแค่เอามาใช้แทนการเดินเท่านั้น ดังนั้นเลยไม่ต้องการอะไรมาก
วารุณีจูงมือของอารัณ เดินรอบรถธรรมดาทีละคันๆ สุดท้ายจึงเลือกสีขาวคันหนึ่ง
“อันนี้ละกันค่ะ”วารุณีตบหน้ารถ พูดกับเซลล์ข้างๆ
เซลล์กำลังตอบตกลง ก็มีเสียงผู้ชายที่ฟังดูขี้เล่นดังขึ้นมาจากด้านหลัง“เอาคันสีขาวด้านหลังให้คุณผู้หญิงคนนี้”
“หม่ามี๊ คุณลุง”อารัณดึงมือของวารุณี พูดเตือน
“หม่ามี๊รู้แล้ว”วารุณีตอบไปแล้วจ้องนิรุตติ์ที่กำลังเดินมาทางนี้ ตรงด้านหลังเซลล์
นิรุตติ์หยุดอยู่ตรงหน้าวารุณี ยิ้มให้สองแม่ลูกวารุณีก่อน จากนั้นก็เก็บรอยยิ้มไป หันไปพูดกับเซลล์“ไม่ได้ยินที่ผมพูดเมื่อครู่เหรอ ยังไม่รีบไปอีก?”
“ค่ะ”เซลล์จำเขาได้ จึงพยักหน้าไปมาแล้วไปเตรียมสัญญา
หลังจากเซลล์เดินไป นิรุตติ์ก็เอาสายตามองไปที่สองคนแม่ลูกอีกครั้ง“วารุณี ไม่เจอกันนานเลยนะ”
วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ไม่เจอกันนานเลยค่ะผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคะ?”
ไม่ได้เจอกันระยะหนึ่งแล้วจริงๆ
เหมือนว่าหลังจากที่เขาเจาะเลือดไป เขาก็หายตัวไปเลย
“ที่นี่คือหนึ่งในร้านที่ผมลงทุน วันนี้ผมมาตรวจดูผลประกอบการน่ะ เห็นคุณมา เลยเข้ามาทักทาย ใช่สิ เด็กน้อยเป็นอย่างไรบ้าง ฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิมแล้วใช่ไหม?”นิรุตติ์ก้มลงมองอารัณที่อยู่ข้างๆวารุณี ยื่นมือออกไป อยากจะลูบหัวของอารัณ
แต่อารัณกลับปล่อยมือของวารุณี หลบไปอยู่หลังเขา
มือของนิรุตติ์นิ่งอยู่กลางอากาศ สีหน้าก็หม่นลงไปแป๊บหนึ่ง
วารุณีเห็นแบบนี้ ก็โค้งให้เขาอ่างขอโทษ“ขอโทษค่ะผู้อำนวยการนิรุตติ์ เด็กขี้กลัว ก็เลย……”
“ไม่เป็นไร”นิรุตติ์ยิ้มกลับไปอีกครั้ง ชักมือกลับมา วางไว้ในกระเป๋ากางเกง“นี่เป็นครั้งที่สองที่ผมเจออารัณเอง เขาจะป้องกันตัวจากผมน่ะปกติ รอต่อไปพวกเราสนิทกันก็ดีขึ้น ยังไงผมก็เป็นลุงแท้ๆของเขา”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตานิรุตติ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย จู่ๆก็นั่งยอง มองอารัณ“อารัณ เรียกลุงให้ฟังหน่อยสิ?”
แน่นอนว่าอารัณไม่ทำตาม กอดขาของวารุณีไว้ จ้องเขาอย่างระวังตัว
นิรุตติ์ก็ไม่หงุดหงิด ยืนขึ้นมาอย่างผิดหวัง“เฮ้อ ดูเหมือนคำว่าลุงนี้ ผมจะไม่ได้ยินแล้ว”
“ขอโทษค่ะผู้อำนวยการนิรุตติ์……”วารุณียิ้มขึ้นมาจากมุมปาก แล้วพูดขอโทษอีกครั้ง
พูดตามเหตุผลแล้ว เธอควรช่วยนิรุตติ์ ให้อารัณเรียกเขาว่าลุง ยังไงครั้งที่แล้วเขาก็ช่วยอารัณไว้
แต่เธอก็กลัวอารัณจะเรียกจนชิน ถ้าต่อไปเจอนัทธี แล้วนัทธีได้ยินอารัณเรียกนิรุตติ์แบบนี้ จะต้องสงสัยตัวตันของอารัณใหม่แน่
“ไม่เป็นไร ไม่เรียกก็ไม่เรียก”นิรุตติ์ส่ายมือ เหมือนว่าไม่ติดใจ กลับให้พนักงานคนอื่นในร้าน หยิบของกินมาให้เด็กน้อย
ถึงแม้เด็กน้อยจะแก่แดดและฉลาด แต่ยังไงก็เป็นเด็กมองเห็นของกินเยอะแบบนี้ ก็ไม่อาจละสายตาออกได้
วารุณีใจอ่อน ก้มเอวตบไหล่ของเขาเบาๆ“ไปเถอะ”
“อือ”อารัณพยักหน้าอย่างชอบใจ ไปกินขนมตรงโซนรับรองที่อยู่ไม่ไกล
ตอนนี้เอง เซลล์ที่เพิ่งออกไปก็กลับมาพร้อมสัญญา เอาสัญญายื่นให้วารุณี
วารุณีมองไปแวบหนึ่ง ขมวดคิ้ว“นี่ไม่ใช่รถที่ฉันจะเอา”
“นี่คือคันที่ประธานนิรุตติ์เพิ่งเลือกให้คุณ”เซลล์ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอย่างมีมารยาท
“ใช่ ผมไม่ได้บอกหรือไง ให้เขาเอารถคันข้างหลังให้คุณ คันนั้นไม่ว่าจะเป็นทรงหรือว่าประสิทธิภาพ ล้วนแต่ดีกว่าที่คุณชอบทั้งนั้น”นิรุตติ์ชี้รถที่ตัวเองเลือก
วารุณีมองตามไป เม้มริมฝีปากสีแดง“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ รถคันนั้นฉันเคยดูแล้ว ราคาเกินขอบเขตที่ฉันคำนวณไว้ ฉันเลยยอมแพ้”
“งั้นผมขายราคาของคันนี้ให้คุณเอาไหม?”นิรุตติ์ตบรถที่วารุณีเลือก
วารุณีหรี่ตา จากนั้นก็ส่ายหน้า“อย่างผู้อำนวยการนิรุตติ์ ไม่ให้อะไรโดยที่ไม่หวังผลแน่นอน”
พูดจบ เธอก็เอาสัญญาในมือยื่นให้เซลล์“รบกวนช่วยฉันเปลี่ยนเป็นสัญญาคันนี้ด้วยค่ะ”
เซลล์มองไปที่นิรุตติ์อย่างลำบากใจ
นิรุตติ์พยักหน้าเล็กน้อย“ทำตามที่คุณผู้หญิงคนนี้ว่าเถอะ”
“ค่ะ”เซลล์ลงไปอีกครั้ง
นัทธีลูบคางมองวารุณี“คุณไม่รับความดีที่ผมทำให้คุณขนาดนี้เลยเหรอ?”
วารุณีเสยผม ยิ้มให้“ฉันเข้าใจผู้อำนวยการนิรุตติ์ดีค่ะ ผู้อำนวยการนิรุตติ์เป็นคนที่ไม่ยอมให้ตัวเองขาดทุน ถ้าครั้งนี้ฉันยอมรับความหวังดีของคุณไป คุณต้องเสนอเงื่อนไขแน่นอน ให้ฉันช่วยคุณทำอะไร มากไปกว่านั้น เพราะว่าเรื่องของอารัณ ฉันติดหนี้บุญคุณของคุณไปแล้วยังไม่ได้คืน ฉันไม่อยากเป็นหนี้คุณอีก!”
ได้ยิน นิรุตติ์ก็ตะลึงก่อน จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังอย่างสบายใจ
“วารุณี ปิดบังอะไรคุณไม่ได้จริงๆ”เขาดันแว่น“งั้นวารุณียอมช่วยผมไหมล่ะ?”
วารุณีส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล“ขอโทษจริงๆนะคะ ผู้อำนวยการนิรุตติ์ นอกจากคุณจะใช้บุญคุณที่ช่วยอารัณมาขอร้องฉัน ฉันก็จะตกลง ส่วนอย่างอื่น ฉันว่าไม่มีภาระผูกพันที่ต้องไปช่วยคุณ”
“คุณนี่ไร้ความรู้สึกจริงๆ”นิรุตติ์หัวเราะอย่างขมขื่น จากนั้นแว่นก็สะท้อนกลับ น้ำเสียงเปลี่ยนไป“แต่ว่าครั้งนี้วารุณีถึงคุณไม่อยากก็ต้องตอบตกลงผม อาหารว่างที่อารัณกินไม่ใช่ถูกๆ ล้วนเป็นแต่นำเข้ามาจากต่างประเทศ คุณก็ต้องใช้คืนผมนะ ผมเป็นนักธุรกิจ ไม่เคยให้ของใครฟรีๆ ดังนั้นวารุณี……”
เขามองวารุณีเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
หน้าเล็กๆของวารุณีหม่นลง“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณนี่ร้ายกาจจริงๆเลยนะ”
นิรุตติ์ได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของเธอ ก็ไม่แคร์ หัวเราะเหอะๆ“ไม่ถึงกับร้ายกาจหรอก ผมแค่เดาออกว่าคุณจะปฏิเสธ ดังนั้นเลยเตรียมรับมือมากขึ้นเอง”
วารุณีกำฝ่ามือขึ้นมา“อาหารว่างพวกนั้นเท่าไหร่คะ ฉันจะชดใช้ให้คุณ”
“ผมไม่ต้องการเงิน”นิรุตติ์ส่ายนิ้วมือไปมา“แค่ต้องการให้คุณช่วย วางใจเถอะ ก็แค่ช่วยเรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่งก็เท่านั้น”
วารุณีเห็นขาไม่อ่อนข้อให้เลย ก็หมดหนทาง สูดหายใจลึกๆ ระงับความโกรธภายในใจ พูดอย่างเย็นชา“ว่ามาเถอะ ช่วยอะไร?”
“ง่ายมาก แค่คุณ……”นิรุตติ์ใกล้เข้าไปข้างหูเธอ แล้วกระซิบกับเธอ
วารุณีฟังจบ ก็เบิกตาโต“อะไรนะ คุณจะให้ฉันแกล้งเป็นภรรยาคุณ ให้อารัณแกล้งเป็นลูกชายคุณ ช่วยคุณรับมือกับการนัดบอด?”
“หือ?”อารัณที่อยู่ห้องรับรอง ได้ยินหม่ามี๊พูดถึงชื่อของตัวเอง กะพริบตา แล้วมองมาอย่างแปลกใจ
นิรุตติ์พยักหน้า“ถูกต้อง ง่ายมากใช่ไหมล่ะ?”