พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 175 สารภาพรัก
วารุณีทำเป็นไม่ได้ยิน ก้มเอวเตรียมสวมรองเท้าลงจากรถ
นัทธีกลับเตะรองเท้าส้นสูงของเธอไปข้างๆ ให้เธอหยิบไม่ได้
“ผมจะพูดอีกครั้งนะ เอาเท้าวางขึ้นมา!”นัทธีมองวารุณีอย่างเย็นชา แล้วพูดอีก
วารุณีกัดริมฝีปาก“ประธานนัทธี เรื่องทายา ฉันทำเองได้ค่ะ ไม่ต้องลำบากคุณหรอก”
พูดไป เธอก็ยื่นมือไปหยิบถึงข้างเขา
ตอนที่มือของเธอสัมผัสถึงถุง จู่ๆนัทธีก็จับเท้าของเธอไว้ แล้ววางไว้บนขาอย่างแข็งกร้าว
วารุณีตาเบิกโต“ประธานนัทธีคุณ……”
“หุบปาก!”นัทธีเม้มริมฝีปากแล้วต่อว่า
วารุณีหุบปากอย่างไม่รู้ตัว
นัทธีหยิบของในถุงขึ้นมา ล้างแผลด้านนอกให้เธอ จากนั้นทิ้งสำลีแล้วคว้าข้อเท้าเธอไว้ มืออีกข้างจับอุ้งเท้าของเธอ จะขยับจุดที่เท้าแพลงให้เธอ
แต่ทันใดนั้นวารุณีก็หดตัว ก็หัวเราะขึ้นมา
นัทธีขมวดคิ้ว มองไปที่เธอ“คุณขำอะไร?”
“จักจี้!”วารุณีเก็บรอยยิ้มไป ตอบเบาๆ
นัทธีเลิกคิ้วขึ้น จึงรู้ว่า ที่แท้เธอบ้าจี้ จึงยกมุมปากขึ้นมา ไม่พูดอะไร เริ่มบิดข้อเท้า
เธอไม่ได้เท้าแพลงหนักมากนัก ไม่เหมือนสองครั้งก่อนที่เท้าบวมเป่ง นี่แค่ข้อเท้าบิดนิดเดียว
แต่ที่ตอนนั้นเธอไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ น่าจะเป็นเพราะเธอกลัวเกินไป
หลังจากบิดข้อเท้าแล้ว นัทธีก็ตัดผ้าก๊อซแล้วพันผ้าให้เธอ
วารุณีมองเขาแบบนี้ พูดด้วยสายตาซับซ้อนไปว่า“ประธานนัทธี ทำไมคุณถึงดีกับฉันขนาดนี้กันแน่เนี่ย ?”
การกระทำที่มือนัทธีหยุดลง แต่แป๊บเดียวก็คืนกลับเป็นธรรมชาติ พันผ้าต่อ
วารุณีกำฝ่ามือไว้ เหมือนตัดสินใจอะไรแล้ว สูดลมหายใจลึกๆ มองเขาด้วยสายตาจริงจัง“ประธานนัทธี ฉันชอบคุณค่ะ!”
รูม่านตานัทธีหดลง เงยขึ้นสบตากับเธอ ถึงแม้ใบหน้าจะไม่แสดงอาการใดๆ แต่ในใจกลับกระเพื่อมและมีความสุขขึ้นมา
เขารู้นานแล้วว่าเธอรู้สึกดีกับเขา แต่เธอไม่เคยพูดแสดงออกมาเลย
แต่คิดไม่ถึงว่า จู่ๆเธอจะพูดออกมาตอนนี้
วารุณีมองใบหน้าหล่อเหลาของนัทธีที่ยังไม่เปลี่ยนไป ในใจยิ้มอย่างขมขื่น
ที่แท้สารภาพรักของเธอ ไม่ส่งผลใดๆต่อความรู้สึกของเขาเลย?
แบบนี้ก็ดี รู้ว่าเขาไม่รู้สึกใดๆต่อเธอเลยสักนิด เธอก็จะได้ลืมเขาได้โดยสิ้นเชิง
วารุณีเอาเท้าที่พันผ้าเสร็จหดกลับไป ขดตัวบนที่นั่ง“ประธานนัทธี ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบคุณตั้งแต่ กว่าจะสังเกตได้ก็สายไปแล้ว คุณรู้ไหม ฉันเคยคิดอยู่หลายครั้งว่าจะควบคุมความรู้สึกที่มีต่อคุณ”
ริมฝีปากบางๆของนัทธีขยับ
นี่เขาไม่รู้จริงๆ
“แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะทุกครั้งที่ฉันตัดสินใจ คุณจะปรากฏตัวตรงหน้าฉันตลอด จากนั้นฉันก็ลืมคุณไม่ได้ จนหลายวันก่อน มีคนพูดกับฉัน ……”
“คนนั้นคือใคร?”นัทธีหรี่ตาลงตัดบทเธอ
วันนั้นหลังจากออกไปจากโรงแรม เขาก็ให้มารุตไปสืบดูคนที่เธอไปเจอ แต่สืบไม่ได้
ตอนนี้เธอพูดถึงเอง เขาจะปล่อยไปไม่ได้
วารุณีส่ายหน้า ไม่คิดจะบอกนัทธีว่าเป็นนวิยา
พูดออกมาแล้ว มีแต่ทำให้นวิยาคิดว่าเธอกำลังยุยงพวกเธอ ทำไมด้วยล่ะ!
ดังนั้นวารุณีละสายตาลง ปกปิดความหม่นหมองในดวงตาตอบไปว่า“เป็นคนที่ประธานนัทธีไม่รู้จัก เธอบอกฉันว่า ไม่ให้ฉันอยู่ใกล้ประธานนัทธีอีก ฉันคิดว่าเธอพูดถูกมาก ดังนั้นฉันหวังว่าต่อไปประธานนัทธี จะไม่ทำอะไรที่ใกล้ชิดกับฉันอีก อ่อยหัวใจฉัน”
ไม่รักเธอ ไม่รู้สึกอะไรกับเธอ ก็อย่าทำเหมือนอัศวินมาปรากฏตัวข้างกายเธอ มาปกป้องเธอดูแลเธอ
นัทธีกำผ้าก๊อซที่ใช้ไม่หมดในมือแน่น“ผมไม่ได้อ่อยคุณ……”
“คุณทำ!”วารุณีหัวเราะเยาะ“คุณอ่อยแต่ไม่รู้ตัวค่ะ”
นัทธีเม้มริมฝีปาก ไม่พูด
วารุณีเงยหน้าขึ้น ถอนหายใจเบาๆ“ประธานนัทธี วันนี้ฉันสารภาพรักกับคุณ ไม่มีความหมายอะไรหรอก แค่รู้สึกดีและแย่ที่ใจเต้น ไม่ให้คุณรับรู้ มักจะเป็นความรู้สึกที่ไม่พอใจนัก แต่คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันจะอยู่ห่างคุณเอง ไม่นำปัญหามาให้คุณ”
เดิมทีเธอไม่คิดว่าจะให้เขารู้ความรู้สึกของตัวเอง
แต่ครั้งที่แล้วที่อยู่บนเรือสำราญ เขาน่าจะได้ยินที่พงศกรคุยกับเธอ รู้ความคิดความรู้สึกของเธอ ดังนั้นเธอก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว
ได้ยินวารุณีตัดสินใจว่าจะอยู่ห่างตัวเอง ในใจนัทธีก็รู้สึกเกร็ง มีความรู้สึกตื่นตระหนกเกินกว่าที่ตัวเองจะควบคุมได้ และสีหน้าก็หม่นลงไป
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่า ที่ตัวเองตัดสินว่าจะจับฆาตกรที่อยู่เบื้องหลังพยายามฆ่าเธอให้ได้ก่อน แล้วค่อยตามจีบเธอนั้น เป็นความคิดที่ผิด
ตอนที่นัทธีจะพูดอะไร เพื่อหยุดความคิดวารุณีที่จะอยู่ห่างเขา ด้านนอกรถก็มีเสียงไซเรนดังหวอขึ้นมา
“ดับเพลิงมาแล้ว!”ดวงตาแดงก่ำของวารุณีเป็นประกาย รีบก้มเอวหยิบรองเท้าที่พื้นมาใส่ เปิดประตูรถจะลงมา
นัทธีจับข้อมือของเขาไว้“สภาพคุณเดินไม่ได้นะ”
สายตาวารุณีหม่นลง จากนั้นคืนกลับไปเย็นชากับเขาเหมือนหลายวันก่อน สะบัดมือของเขาออกเบาๆ“ประธานนัทธีไม่ต้องมาเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันทำได้”
พูดจบ เธอก็จับประตูรถลงมาอย่างดื้อรั้น เดินกะเผลกไปหาปาจรีย์
นัทธีมองแผ่นหลังของเธอ ขมับปูดขึ้นมา
ผู้หญิงคนนี้ หน้าเปลี่ยนไวมาก ก่อนหน้านี้ยังสารภาพรักกับเขาอยู่ ตอนนี้ก็เลี่ยงตัวออกจากเขาแล้ว
แต่ก็ใช่ หลายวันก่อน เธอก็แบบนี้นี่
นัทธีเม้มปาก และก็ลงจากรถ แต่ไม่ได้ไปด้วย เขาพิงประตูรถมองวารุณีกับดับเพลิงคุยถึงสาเหตุที่ไฟไหม้
ปาจรีย์ยืนอยู่ข้างวารุณี หลังจากตระหนักได้ถึงสายตาของนัทธี ก็ใช้ศอกดันวารุณีเบาๆ“ประธานนัทธีกำลังมองเธอน่ะ”
“ฉันรู้แล้ว”วารุณีพยักหน้าเล็กน้อย
สายตาเขาชัดเจนขนาดนี้ เธอจะไม่รู้สึกได้อย่างไร
“งั้นตอนนี้เธอน่าจะดีใจสิ?”ตอนนี้ปาจรีย์เดินออกจากความหมดหวังที่ผ้าถูกทำลายลง คืนกลับสู่สภาพเดิม แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
วารุณีละสายตาลงพูดเสียงนิ่ง“ไม่มีอะไรน่าดีใจ ต่อไปอย่าจับฉันกับประธานนัทธีอยู่ด้วยกันอีกเลย”
“เอ๋?”ปาจรีย์ตะลึง ในที่สุดก็พบว่าผิดปกติ
ท่าทีที่เพื่อนรักมีต่อนัทธี เย็นชาอย่างมาก
“วารุณี เธอกับประธานนัทธีมีเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?”ปาจรีย์แอบมองนัทธีที่อยู่ไม่ไกลนัก ถามเบาๆ
วารุณีตอบอือ“ฉันบอกเขาไปแล้ว ฉันบอกเขาว่า ฉันชอบเขา ขณะเดียวกันก็จะปล่อยเขาไป”
“ทำไมล่ะ?”ปาจรีย์ถามเสียงสูง
นัทธีที่พิงประตูรถหรี่ตาลง จ้องแผ่นหลังของวารุณีเขม็ง
วารุณีพยายามละสายตาที่แผดเผาด้านหลังคุณออกไป ไม่หันไปมองเขา ตอบนิ่งๆ“ฉันคบกับเขาไม่ได้ เขาไม่รู้สึกอะไรกับฉัน ไม่ปล่อยไปยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ ให้เขารู้ว่าฉันเคยรักเขาก็พอแล้ว”
“ก็ใช่”ปาจรีย์พยักหน้าแล้วถอนหายใจ“ที่จริงฉันคิดว่าพวกเธอเหมาะกันดี แต่……ช่างเถอะ ไม่พูดละ ไฟดับแล้ว!”
เธอชี้ไปที่โกดัง
วารุณีเงยมองไป ก็เห็นโกดังที่ถูกเผาเป็นโครง รู้สึกว่าในใจมีเลือดหยดไม่หยุด
ผ้าหลานล้านขึ้นไปหมดแล้ว และยังโกดังที่เช่าก็ไหม้
ตอนนี้พวกเธอไม่ใช่แค่ต้องจ่ายเงินซื้อผ้าใหม่ แต่ยังต้องชดใช้เงินโกดังให้เจ้าของที่ก้อนใหญ่ ช่างโชคร้ายสุดๆ
“สืบสาเหตุที่ไฟลุกขึ้นมาได้แล้วครับ”ตอนนี้เอง หัวหน้าดับเพลิงสวมชุดดับเพลิงเหลืองส้มเดินเข้ามา
นัทธีได้ยินไม่ไกลนัก เดินเข้ามา มองวารุณี ถามหัวหน้าดับเพลิง“สาเหตุอะไรครับ?”