พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 192 ผลการแข่งขัน
ในปัจจุบัน การออกแบบในส่วนของโลกอนาคตนั้นมีน้อยมาก อันดับแรกเลยคือคนที่จะคิดถึงเรื่องของอนาคตนั้น ก็มีแต่นักวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่นักออกแบบเสื้อผ้าอย่างพวกเขา
แล้วจะออกแบบมันยังไงดี ?
วารุณีขบริมฝีปากแน่น เป็นงานยากในครั้งแรกกับการออกแบบ
แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ และไม่ท้อถอย หลับตาลงแล้วนึกถึงคำว่าอนาคตในความหมายของชีวิตคนในปัจจุบัน
หลังจากที่นึกคิดแล้ว เธอก็พบว่า ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ หรือนิยาย หรือคนธรรมดาทั่วไป มุมมองที่พวกเขามองในส่วนของโลกอนาคตนั้น ต่างล้วนคำนึงถึงแต่เทคโนโลยีที่ทันสมัย
แล้วเสื้อผ้าก็จะยิ่งต้องล้ำหน้าและทันสมัย และมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ วารุณียกยิ้ม พึมพำออกมาอย่างตื่นเต้น “ฉันรู้แล้วว่าจะออกแบบมันยังไง !”
พูดจบ ก็หยุดดินสอที่หมุนอยู่ลง วางสมุดเขียนแบบให้ตรง แล้วเริ่มวาดมันลงไปที่กระดาษเขียนแบบอย่างจริงจัง
สองชั่วโมงผ่านไป วารุณีมองการออกแบบบนกระดาษ แล้วถอนหายใจเบาๆ
สิ่งที่เธอออกแบบไม่ใช่กระโปรง แต่เป็นชุดบอดี้สูทรัดรูป ที่ตรงหัวไหล่กับน่อง มีบางอย่างที่คล้ายกับเกราะ
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่จุดเด่น แต่ที่เด่นที่สุดคือในส่วนของปีกหลังบนเสื้อผ้า ปีกนั้นเหมือนเกราะพลังกล แต่ก็ไม่ได้ดูแข็งเหมือนเครื่องกล แต่มันก็พอจะดูออก ว่าปีกที่เห็นนั้นมันบินได้
ละทิ้งความหนักอึ้งของเครื่องร่อนที่ปีกบิน เป็นปีกในแบบที่มีน้ำหนักเบา เสื้อผ้าที่ออกแนวแฟนตาซีและไม่มีอยู่จริง ก็คือความเข้าใจของคำว่าเสื้อผ้าในอนาคต
วารุณีหัวเราะ ลุกขึ้นเพื่อที่จะส่งแบบร่างที่วาดเสร็จ และในขณะที่ส่งแบบนั้น ก็มีพิชญาที่ยื่นส่งแบบพร้อมกันด้วย
วารุณีเหลือบมองไปที่แบบวาดในมือของพิชญา “นี่เธอไปลอกแบบของใครมาอีก ?”
“เก่งนักไม่ใช่เหรอ ก็ไปหามาสิ!” พิชญากลอกตาให้อย่างเย็นชา เร่งรถเข็นให้เร็วขึ้น แล้วนำแบบร่างที่วาดเสร็จยื่นส่งไปก่อน
ตอนนี้วารุณีรู้แล้วว่าเธอคัดลอกแบบคนอื่นมา และเธอก็ไม่อายที่จะยอมรับมัน
ในเมื่อวารุณีหาหลักฐานมาไม่ได้ โพนทะนาออกไปก็ไม่มีใครเชื่อ
วารุณีมองดูท่าทีที่อวดดีของพิชญา ก็ยิ้มเยาะออกมา ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ยื่นแบบร่างส่งตามไป
หลังจากที่รอให้นักออกแบบอีกสองคนส่งแบบร่างแล้วเสร็จ ประธานวรวีก็แจ้งให้ไปพักเที่ยงได้ และหลังจากที่พักเที่ยงแล้วเสร็จ ก็จะประกาศผลการแข่งขัน
วารุณีบิดขี้เกียจ สะพายกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องประชุม เพื่อไปหาอะไรกินด้านนอก
จู่ๆ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา
วารุณีหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์ หยิบมือถือออกมาดู ชื่อของประธานนัทธี ก็โผล่ขึ้นมาบนหน้าจอ
หากเป็นเวลาปกติ เธอก็คงจะไม่รับสายเขา แต่วันนี้มันไม่เหมือนกัน เขาโทรมาตอนนี้ การประชุมผู้ปกครองคงน่าจะแล้วเสร็จ ?
วารุณีไม่ลังเล รีบหยิบโทรศัพท์แนบไปที่หู “ประธานนัทธี”
“ออกมาสิ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้วไม่ใช่เหรอ ผมกับเด็กๆกำลังรอคุณอยู่บนรถที่จอดตรงด้านนอกของอาคารสมาคม”พูดจบ นัทธีก็ตัดสายทิ้งไป
วารุณีอึ้งไป
เมื่อกี้เขาบอกว่าเขาอยู่กับเด็กๆที่ตรงด้านนอกของอาคารสมาคม ?
พวกเขามาที่นี่งั้นเหรอ!
วารุณีรีบกดลิฟต์ แล้วลงไปยังชั้นล่างทันที
ทันทีที่เธอก้าวเท้าเดิน พิชญาก็โผล่ออกมาจากตรงหัวโค้ง สายตาหม่นจ้องมองไปยังหน้าจอแสดงตัวเลขของลิฟต์
นัทธีมาหาวารุณีถึงที่นี่งั้นเหรอ ในใจของนัทธี วารุณีคงจะสำคัญกว่าผู้หญิงทุกคน
เมื่อคิดขึ้นมาได้ ดวงตาของพิชญาก็ไหววูบ หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก“ฉันเอง เมื่อก่อนคุณเคยบอกฉัน ว่าจะจัดการกับวารุณีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงตอนนี้แล้วยังไม่ลงมือสักที ?”
“ฉันเคยลงมือกับวารุณีแล้ว แต่ไม่สำเร็จ”ปลายสายสนทนา มีเสียงที่เย็นเยือกของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
พิชญากำโทรศัพท์ไว้แน่น “งั้นก็ทำต่อไปสิ คุณรู้ไหม นัทธีเพิ่งมาหาเธอเมื่อกี้ หากคุณปล่อยให้วารุณียังมีชีวิต ความรู้สึกของนัทธีก็จะยิ่งถลำลึกมากขึ้นไปอีก ไม่ช้าก็เร็ว ในใจของนัทธี จะถูกวารุณีแทนที่คุณ ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องให้เธอมาพูดเตือน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ที่เธออยากให้ฉันจัดการกับวารุณี ก็เพื่อจะใช้โอกาสนี้จัดการกับฉันด้วย กระสุนนัดเดียวได้นกสองตัวละซิ ฉันจะบอกอะไรให้ เธอเลิกเพ้อฝันลมๆแล้งๆนี้ซะ ”
ผู้หญิงคนนั้นแค่นเสียงหึออกมา แล้วพูดต่อว่า“เพราะหากเธอคิดจะทำแบบนั้น ฉันก็จะจัดการกับเธอก่อน เธอเชื่อไหมว่าถ้าเธอตาย นัทธีไม่สืบหาสาเหตุการตายของเธอแน่ !”
“นี่เธอ……”คำพูดนี้ทิ่มแทงความเจ็บปวดของพิชญา ทำให้ใบหน้าเธอดูหวาดกลัว แต่ก็แย้งอะไรไม่ได้
เพราะในใจของนัทธี เธอเป็นเหมือนคนที่ไม่มีตัวตน
“พอเถอะ เธอวางใจได้ ฉันจะจัดการกับวารุณีแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ หากฉันลงมือตอนนี้ นัทธีก็จะรู้ว่าทารีนาเป็นแค่แพะ ถึงตอนนั้นเขาจะต้องตามสืบเรื่องนั้นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นรอให้ผ่านไปสักพักก่อนค่อยว่ากัน”
หญิงสาวพูดจบ ก็วางสายไป
แม้พิชญาจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ทำได้แค่อดทน
ใครใช้ให้เธอมีอำนาจไม่เท่าเขาล่ะ ถูกสืบหาตัวเอาได้ง่ายๆ ไม่งั้นเธอก็คงลงมือเองไปนานแล้ว จัดการกับวารุณี และจัดการกับผู้หญิงคนนั้นด้วยตัวเอง
พิชญาจ้องเขม็งไปที่หน้าจอลิฟต์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็บังคับรถเข็นแล้วหันหลังจากไป
หลังจากที่วารุณีออกมาจากอาคารสมาคม ก็ยืนอยู่ตรงขั้นบันไดหันซ้ายมองขวา เห็นรถลีมูซีนเบนท์ลีย์ที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก ดวงตาก็เป็นประกาย แล้ววิ่งเหยาะๆไป
แต่มันไม่ทันที่จะได้วิ่งไปถึงที่ตัวรถ ประตูของรถเบนท์ลีย์ก็เปิดออก เด็กน้อยสองคนโผล่หัวออกมา ยิ้มแย้มแล้วโบกมือให้เธอ“หม่ามี๊”
วารุณีก็ยกยิ้มให้ แล้วโบกมือ ตอบกลับให้เด็กน้อยทั้งสองคน
“หม่ามี๊ มานี่เร็ว!”ไอริณพูดเร่งเธอ
“มาแล้ว”วารุณีตอบกลับไปคำหนึ่ง แล้ววิ่งก้าวเท้ายาวๆ ไปอีกกว่าสิบเมตรก็ถึงที่
เมื่อมาถึงที่รถ เธอก็แอบสูดหายใจเล็กๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงของนัทธีก็ดังขึ้น“ ขึ้นรถเถอะ”
วารุณีไม่ได้ปฏิเสธ ก้มตัวลงแล้วขึ้นรถไป
พอขึ้นรถมาแล้ว ประตูรถก็ปิดลงโดยอัตโนมัติทันที
วารุณีนั่งลงไปบนเก้าอี้ จัดผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ แล้วมองไปที่นัทธี“ประธานนัทธี พวกคุณมากันนานหรือยังคะ ?”
นัทธีคว่ำหนังสือในมือลงไปยังขาที่ไขว่ห้างอยู่“สักพักแล้ว ประชุมผู้ปกครองเสร็จก็มา ยังได้ดูการแข่งขันอยู่กว่าครึ่งชั่วโมง ”
“ใช่ค่ะ เสื้อผ้าที่หม่ามี๊วาดสวยมาก” ไอริณพูดด้วยสายตาที่เป็นประกาย
อารัณก็พยักหน้าตาม “ใช่ครับ ปีกอันนั้นสวยที่สุด”
เมื่อได้ยินคำชมของเด็กทั้งสอง วารุณีก็ยกยิ้มแล้วลูบไปที่ผมของพวกเขา
นัทธีมองไปที่เธอ“ ผลงานการออกแบบชิ้นนี้ ขายมันให้ผมได้ไหม ?”
“ได้สิคะ แต่มันมีแค่ชิ้นเดียว ประธานนัทธีจะซื้อไปทำไมคะ ?” วารุณีเอียงศีรษะถามอย่างไม่เข้าใจ
แม้ว่าบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปจะแยกตัวออกมาจากบริษัทใหญ่แล้ว และเปลี่ยนไปแล้ว แต่การซื้อผลงานแบบวาดอย่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
การออกแบบในแนวอนาคตแบบนี้ ไม่สามารถบรรลุจุดสูงสุดได้ และไม่สามารถตอบสนองกับกลุ่มตลาดได้ ทำกำไรอะไรก็ไม่ได้แน่นอน คงไม่เหมือนกับสมาคมและนายท่านวัชระ คงไม่ใช่จะเก็บสะสมไว้หรอกนะ ?
ราวกับมองความคิดของวารุณีออก นัทธีหัวเราะแล้วอธิบายไปว่า “ไม่ใช่ว่าบริษัทของผมจะขายเสื้อผ้าแบบนั้นหรอกนะ แต่เพราะช่วงนี้มีบริษัทเกมเจ้าหนึ่งติดต่อผมมา อยากให้นักออกแบบของผมช่วยออกแบบเสื้อผ้าของตัวละครในเกม พอดีกับเกมของเขามันมาในแนวๆโลกอนาคต งานออกแบบของคุณมันก็เหมาะมาก ”
“แบบนี้นี่เอง งั้นงานออกแบบชิ้นนี้ก็ยกให้คุณแล้วกัน”วารุณีพยักหน้า
นัทธีปรับเปลี่ยนท่านั่ง “แต่งานชิ้นเดียวมันไม่พอ หากคุณไม่ว่าอะไร เสื้อผ้าของตัวละครอื่นๆในเกม ก็ออกแบบให้หมดทุกตัวแล้วกัน”
ร่างของวารุณีไหวสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบตกลงไปทันที เธอขมวดคิ้วแล้วถามไปว่า “แล้วนักออกแบบของบริษัทคุณล่ะ?”