พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 196 หัวข้อในรอบชิง
“ก็ได้ยินคนอื่นเขาพูดมา”วารุณีเอียงศีรษะแล้วตอบกลับไป
“ฟังใครพูดมา?”พิชญาก็ถามต่อ
วารุณียักไหล่ “นี่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอห่วงเรื่องการแข่งขันในรอบชิงจะดีกว่า ”
“หึ!”พิชญาแค่นเสียงหึอย่างดูหมิ่น “มีอะไรน่าห่วง ก็แค่เลื่อนให้เร็วขึ้น ยังไงผลมันก็เหมือนเดิม”
เธอรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าประธานวรวีตั้งหัวข้อในการแข่งไว้ว่ายังไง และแบบที่ต้องการจะลอกเธอก็ได้เตรียมเอาไว้แล้ว
เธอเชื่อว่า ผู้ชนะในรอบชิงชนะเลิศ ต้องเป็นตัวเองแน่นอน
“งั้นเหรอ ขอให้โชคดีแล้วกันนะ!”วารุณีจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มแล้วเหลือบมองไปที่พิชญา จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร
พิชญาขมวดคิ้ว มองดูท่าทีของเธอเมื่อครู่ เหมือนมีแผนการอะไรบางอย่าง
หรือเป็นแค่ภาพลวงตา ?
ในขณะที่กำลังคิด ประธานวรวีที่อยู่บนเวทีก็พูดขึ้นมาอีก “การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศนี้ นอกจากผู้ตัดสินชุดเดิมแล้ว ยังมีผู้ตัดสินอีกชุดหนึ่งเพิ่มมาด้วย ผู้ตัดสินชุดนี้ รับผิดชอบโดยบุคลากรจากทางสมาคมสำนักงานใหญ่ ตอนนี้ขอเรียนเชิญพวกเขาครับ”
เมื่อพูดจบ คนจำนวนหนึ่งในชุดสูทรองเท้าหนัง ก็เดินเข้ามา
วารุณีจำพวกเขาได้ในทันที พวกเขาก็คือคนที่อยู่กับนายท่านวัชระเมื่อครู่
คนกลุ่มนี้เดินเข้ามาก็ตรงไปยังที่นั่งของผู้ตัดสิน แล้วนั่งอยู่แถวหลังของผู้ตัดสินชุดเดิม
หลังจากที่นั่งลง ก็มีอีกคนในชุดสูทและรองเท้าหนังเดินเข้ามา
คนผู้นี้มีผมสีทองและดวงตาสีฟ้า คล้ายๆกับชาวตะวันตก
วารุณีไม่รู้จักเขา แต่ก็พอจะเดาสถานะของเขาได้ ว่าน่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูงของทางสมาคม
เป็นไปตามคาด หลังจากที่เขาคนนี้เดินเข้ามา ก็เดินเข้าไปหาประธานวรวีทันที
ประธานวรวียื่นไมโครโฟนให้เขา และภายใต้การมองอย่างงุนงงจากผู้คนที่อยู่ในที่นี้ เขาก็ยกไมโครโฟนขึ้นแล้วพูดเสียงนุ่มว่า “ทุกท่าน ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายกำกับการดูแลของสมาคมการออกแบบนานาชาติ สำนักงานใหญ่ ผมชื่อเอริค ครั้งนี้นายกสมาคมให้ผมเป็นตัวแทนมา เพื่อมาออกหัวข้อในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนี้”
“อะไรนะ?”รูม่านตาของพิชญาหดลง ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
คนคนนี้มาเพื่อออกหัวข้อการแข่งขัน งั้นหัวข้อของประธานวรวีก็ต้องถูกยกเลิก
แล้วแบบที่เธอเตรียมเอาไว้ก่อนล่วงหน้าล่ะ ก็ไม่มีประโยชน์แล้วซิ ?
ราวกับอ่านความคิดของพิชญาออก วารุณีหมุนดินสอที่อยู่ในมือ อยู่ดีๆก็พูดขึ้นว่า “ดูแล้วคราวนี้ เธอคงจะลอกแบบอะไรที่ไหนไม่ได้แล้วนะ ”
พิชญามองเธอด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “เธอรู้อยู่แต่แรกแล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้?”
“ใช่ และเรื่องที่เลื่อนการแข่งในรอบชิง ฉันก็ได้ยินมันมาพร้อมกัน”วารุณียกยิ้มอย่างไม่ปิดบัง
ร่างกายของพิชญาสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย ในใจมีความคิดที่อยากจะหลบหนีขึ้นมา
แต่ตอนนี้มันไม่มีโอกาสนี้สำหรับเธอ ตัวแทนของนายกสมาคมได้พูดบนเวที และพูดหัวข้อของตัวเอง“หัวข้อการแข่งขันในรอบนี้ คือการดูวัตถุแล้วออกแบบ เชิญดูที่จอครับ ”
ทุกคนต่างมองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่
บนหน้าจอ เห็นเพียงชุดเครื่องประดับทับทิมอันล้ำค่า
เครื่องประดับนั้นไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ หรืองานฝีมือ ก็ช่างประณีตวิจิตรบรรจง ผู้คนต่างก็ร้องอุทานกันออกมา คอมเม้นต์ในช่องถ่ายทอดสดก็แทบจะระเบิด เพราะชื่นชมเครื่องประดับชุดนี้
มีเพียงวารุณีเท่านั้นที่ยังคงนิ่งสงบ เธอมองดูเครื่องประดับชุดนี้ อดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงHeart of Fireที่นัทธีให้เธอ Heart of Fireกับเครื่องประดับสร้อยคอเส้นนี้เมื่อเทียบกันแล้ว ไม่ได้ต่างกันเท่าไร อีกทั้งทับทิมสีแดงเม็ดหลักนั้นก็ยิ่งจะดูหมดจดและใสกว่า
นวิยาที่เพิ่งจะฟื้น และกำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ เห็นเครื่องประดับที่ปรากฏอยู่ในการถ่ายทอดสด ดวงตาก็เป็นประกาย รีบหยิบโทรศัพท์มือถือยื่นไปตรงหน้าของนัทธีที่กำลังเคลียร์งานอยู่ “นัทธี คุณดูสิว่าเครื่องประดับชิ้นนี้สวยไหม ? ”
นัทธีสละเวลาแล้วเหลือบมองไปแวบหนึ่ง “ชอบเหรอ?”
นวิยาพยักหน้า “ชอบ แต่ฉันชอบHeart of Fire มากกว่า”
เมื่อได้ยินคำว่าHeart of Fire ดวงตาของนัทธีก็ไหววูบ
นวิยาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปรกติของเขา แอบมองไปที่เขา แล้วถามหยั่งเชิงไปว่า“นัทธี Heart of Fireก็อยู่ในร้านขายเครื่องประดับของคุณ เป็นคอลเลคชั่นที่ขึ้นชื่อของทางร้านใช่ไหม ?”
นัทธีเชิดหน้าขึ้น ไม่ตอบแต่ถามกลับไปว่า “คุณอยากได้?”
“ได้ไหมคะ?”นวิยากุมมือแน่นอย่างประหม่า
นัทธีหลุบตาลง พูดออกไปตรงๆ “รูปลักษณ์ของคุณไม่เหมาะกับการใส่เครื่องประดับที่มันทะมัดทะแมงแบบนั้น และคุณเองก็ไม่เหมาะที่จะครอบครองมันหรอก”
มีเพียงแบบวารุณีเท่านั้น หน้าตาสะสวยและท่าทีทะมัดทะแมง กับรูปร่างที่เย้ายวน ถึงจะเหมาะกับการครอบครอง Heart of Fire
คำพูดของชายหนุ่มช่างเถรตรง และพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ สีหน้าของนวิยานิ่งอึ้ง แล้วค่อยๆก้มหน้าลง ปิดบังความบูดบึ้งของใบหน้า ตอบกลับด้วยความรู้สึกผิดหวังไปว่า “ เหรอคะ งั้นก็ช่างมันเถอะ ”
มองออกว่าเธอผิดหวัง นัทธีเม้มปากแล้วครุ่นคิด “นอกจากเหตุผลนี้แล้ว ที่สำคัญก็คือ Heart of Fireถูกคนซื้อไปแล้ว แต่ผมให้เครื่องประดับที่มันดูอ่อนโยนกับคุณได้นะ ”
“งั้นก็ดีสิคะ”นวิยาพยักหน้าให้แล้วตอบตกลงทันที จากนั้นก็หันกลับไปดูการถ่ายทอดสดต่อ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “การแข่งขันรอบต่อไปของคุณวารุณี ก็น่าจะมีเครื่องประดับชุดนี้เป็นหลัก แล้วออกแบบเสื้อผ้าให้เข้าชุด”
นัทธีมองไปที่โทรศัพท์เขาแวบหนึ่ง “น่าจะ”
“ดีเลย ฉันก็อยากหายเร็วๆ เหมือนกับคุณวารุณีเขา ได้ยืนอยู่บนเวทีของการแข่งขันเปียโน” นวิยามองดูการถ่ายทอดสด แล้วพูดไปด้วยดวงตาของความปรารถนา
นัทธีลูบไปที่ผมของเธอ “ได้สิ”
“สมพรปากเถอะ” นวิยาหัวเราะ
ในสนามแข่ง ตัวแทนนายกสมาคมได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว เสื้อผ้าที่จะออกแบบในครั้งนี้ เป็นไปอย่างที่นวิยาพูด ตามภาพเครื่องประดับบนจอภาพ แล้วออกแบบเสื้อผ้าที่เข้าชุด มีเวลาให้สองชั่วโมง
และเพื่อให้นักออกแบบได้มีแรงบันดาลใจในการออกแบบที่ดี ในสนามแข่งก็ได้นำเครื่องประดับของจริงนี้มาด้วย อยู่ในห้องทำงานของประธานวรวี นักออกแบบสามารถเดินไปดูด้วยตาตัวเองได้ เพื่อเพิ่มแรงบันดาลใจ
เมื่อวารุณีได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกาย
แม้ว่าจะดูรูปของเครื่องประดับไปแล้ว เธอก็มั่นใจว่าสามารถออกแบบเสื้อผ้าขึ้นมาได้ แต่ในเมื่อมีของจริงอยู่ตรงหน้าทำไมจะไม่ดูมันสักหน่อยล่ะ?
แม้ว่าของจริงจะให้ความสมจริงกับรูปมากกว่า เธอดูแล้ว ก็อาจจะออกแบบผลงานให้ออกมาได้ดียิ่งกว่าก็เป็นได้
“หัวหน้าเอริคค่ะ ฉันอยากไปดูค่ะ!” วารุณียกมือขึ้น แล้วพูดความคิดที่อยากจะไปดูวัตถุของจริงออกมา
หัวหน้าเอริคไม่ได้ปฏิเสธ ให้ประธานวรวีพาเธอไป
ที่ไปด้วยยังมีพิชญาอีกคน และพิชญาในตอนนี้ก็ร้อนรนกระวนกระวาย ร่างทั้งร่างล่องลอย
เธอรู้ดีว่า หากเธอไม่ไปด้วย ก็จะต้องอยู่ในห้องประชุมท่ามกลางผู้คนมากมาย และต้องเผชิญหน้ากับสายตามากมายที่จ้องมองมาเพียงลำพัง
และภายใต้การถูกจับจ้องแบบนั้น เธอก็จะยิ่งกดดันมากขึ้น วาดอะไรไม่ออกทั้งนั้น แต่ตามมาดูเครื่องประดับด้วย ไม่แน่ว่าอาจจะมีแรงบันดาลใจขึ้นมาได้บ้าง
กับความปรารถนาที่มีในใจ พิชญาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อพยายามข่มความวุ่นวายและความประหม่าในใจ ให้ตัวเองได้สงบสติ
เมื่อมาถึงที่ห้องทำงานของประธานวรวี วารุณีเดินเข้าไป ก็เห็นตรงกลางห้อง มีฝาครอบแก้วกันระเบิดที่เก็บรักษาเครื่องประดับอยู่ในนั้น เธออ้าปากแดงๆแล้วอุทานออกมาว่า “สวยจังเลย”
พิชญาเองก็ทึ่งกับเครื่องประดับชุดนี้ และไม่ได้แย้งความคิดของเธอ
ประธานวรวีหัวเราะ“เครื่องประดับชุดนี้เป็นของสะสมส่วนตัวของท่านนายกสมาคม มีชื่อว่าBlazing Light มันยังมีคู่ด้วยนะ ชื่อHeart of Fire ”
“Heart of Fire?”วารุณีตะลึงชั่วครู่
“ทำไม คุณรู้จักเหรอ ?”ประธานวรวีมองมาที่เธอ
พิชญาก็มองไปที่วารุณีเช่นกัน
วารุณีดวงตาไหววูบ แล้วหัวเราะออกมา “เคยได้ยินชื่อค่ะ แต่ Heart of Fire ทำไมถึงเป็นคู่กับเครื่องประดับชุดนี้ละคะ ?”
เธอไม่เข้าใจ
ประธานวรวียิ้มแล้วตอบว่า“เพราะพวกมันล้วนจัดอยู่ในจำพวกอัญมณีเพชรสีแดงประเภทเดียวกัน และได้รับการออกแบบมาจากนักออกแบบเครื่องประดับคนเดียวกัน เลยเป็นของที่ถูกจับให้คู่กัน ”
“แบบนี้นี่เอง ”วารุณีพยักหน้าให้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเข้าใจแล้ว
พิชญาเงยหน้าขึ้นมองประธานวรวี“ประธานวรวี เราขอสัมผัสมันได้ไหมคะ ?”
เมื่อประธานวรวีได้ยินที่เธอพูด สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที “ไม่ได้ นี่เป็นของสะสมของคนอื่น เราทำได้แค่ดู ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง และผมก็ไม่มีอำนาจนั้นด้วย ”
ได้ยินดังนั้น แม้ว่าสีหน้าของพิชญาจะดูแย่ไป แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
วารุณีหยิบมือถือออกมา แล้วถามว่า“ประธานวรวี แล้วถ่ายรูปได้ไหมคะ ? ”