พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 201 จุดจบของพิชญา
“หืม?” นัทธีหรี่ตาลง “คุณถามมันทำไม?”
“ฉันก็แค่สงสัย” นวิยาโบกมือปฏิเสธแล้วยิ้มๆ
นัทธีขยับริมฝีปากบาง “เป้าหมายของคนคนนั้นคือเธอ เธออยากจะจัดการยังไงก็ได้ แล้วแต่เธอเลย”
“นัทธี คุณช่างห่วงใยคุณวารุณีจริงๆเลย” นวิยาบ่นด้วยรอยยิ้มจางๆ
นัทธีไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของเธอ
นวิยาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “นัทธี คุณเคยคิดหรือเปล่า บางทีก็อาจจะเป็นเพราะคุณห่วงใยคุณวารุณีมันเกินไป ดังนั้นคุณวารุณีถึงได้ถูกคนคิดร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า?”
รูม่านตาของนัทธีหดตัวไปครู่หนึ่ง มองเธอด้วยสายตาที่ลุ่มลึก “ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น?”
นวิยาสบตากับเขาด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งเป็นธรรมชาติ “ฉันเดาไปงั้นแหละ เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เรามาดูต่อกันเถอะ เหมือนว่าคุณวารีจะพูดอะไรอีก”
เธอชี้ไปที่รายการถ่ายทอดสด เพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาเมื่อกี้
นัทธีไม่ได้พูดตอบ มองนวิยาด้วยสายตาที่เพ่งเล็งไปครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นพิรุธอะไร สุดท้ายก็ถอนสายตากลับมา มองไปทางรายการถ่ายทอดสด
สิ่งผิดปกติที่ปรากฏบนตัวของนวิยาเมื่อครู่นั้น น่าจะเป็นเพราะเขาคิดมากไปเอง
ในสถานที่จัดแข่งขัน หลังจากที่วารุณีพยักหน้าทักทายประธานวรวีแล้ว ก็รับไมค์ที่ประธานวรวียื่นมา
คนในห้องประชุมต่างก็รู้ว่าเธอมีเรื่องที่จะพูด ต่างพากันเงียบ
“โหลๆ?” วารุณีเทสเสียงไมค์ เมื่อแน่ใจว่าไมค์ไม่มีปัญหา ลื่นไหลไม่ติดขาด จึงได้พูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอีกครั้ง“สวัสดีค่ะ ทุกท่าน เชื่อว่าทุกท่านคงกำลังสงสัยว่า ต่อจากนี้ดิฉันจะพูดอะไร”
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างพากันพยักหน้า
วารุณีมองไปทางพิชญา แล้วกล่าว “เรื่องที่ฉันจะพูดในครั้งนี้ ก็เกี่ยวข้องกับคุณพิชญา”
พิชญาใจหล่นตุ๊บ เกิดความหวาดกลัวที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างหนัก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนเข็มหมุด มือสองข้างที่วางอยู่บนราวรถเข็น ข้อมือซีดจนเป็นสีขาว
“เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับฉัน วารุณี เธอคิดจะทำอะไรอีก? เมื่อกี้เธอก็ได้ทำลายฉันไปแล้ว เธอยังจะทำลายฉันอีกเหรอ?”
รอยยิ้มของวารุณีไม่เปลี่ยนเลย “เธอพูดถูก เพียงแต่มันไม่ใช่ฉันที่ทำลายเธอ แต่เป็นตัวเธอเองที่ทำลายตัวเอง สิ่งที่ฉันจะพูดต่อจากนี้ เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจจะพูดก่อนการชิงชนะเลิศ เรื่องเกี่ยวกับการคัดลอกแบบของคุณพิชญา ไม่ใช่แค่คัดลอกแบบผลงานของฉันในเมื่อกี้ แต่ได้คัดลอกแบบผลงานเป็นจำนวนมาก เชิญดูที่โปรเจคเตอร์ได้เลยค่ะ!”
เมื่อน้ำเสียงของเธอสิ้นสุดลง ภาพเปรียบเทียบการออกแบบแต่ละภาพก็ปรากฏบนจอโปรเจคเตอร์
ด้านซ้ายลงนามโดยพิชญา และด้านขวาลงนามโดยนักออกแบบคนอื่นๆ
แบบภาพเหล่านี้ นอกจากชื่อที่ไม่เหมือนกัน รายละเอียดการออกแบบนั้นเกือบจะเหมือนกันทั้งหมด มีบางอย่างที่ไม่เหมือน ก็คือสีกับลายที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็เปลี่ยนไปไม่มากนัก
แบบภาพพวกนี้โดยรวมๆกันแล้ว มีอย่างน้อยสิบกว่ารูป ทำให้คนดูตาลาย
พิชญาที่มองแบบภาพเหล่านี้ คนทั้งคนเหมือนกับบ้าไปแล้วอย่างนั้น ก็ไม่ได้สนใจขาที่หักเลย ลุกขึ้นมาอย่างผลีผลาม ตะโกนด้วยใบหน้าที่ดุดัน “ห้ามดูนะ ทุกคนห้ามดู หลับตากันให้หมด หลับตา!”
แต่แล้วก็ไม่มีใครฟังเธอเลย
“เฮ้ย แบบภาพพวกนี้ เป็นแบบภาพที่ใช้แข่งขันในรอบก่อนๆไม่ใช่เหรอ? คิดไม่ถึงว่าเธอก็คัดลอกมันด้วย และหนึ่งในนั้น กลับมีผลงานของDaphneอยู่ด้วย”
“ฉันก็มองออกแล้ว ยังมีภาพสิบกว่าภาพนั้นอีก มันเป็นผลงานที่เธอใช้เข้าร่วมการแข่งขันรางวัลการออกแบบขนนกทองคำ ที่แท้ก็เป็นผลงานที่คัดลอกแบบมาจากคอลเลคชั่นใหม่ของดีไซเนอร์ Mina”
“ยังมีอีก แบบเซ็ทนั้นฉันคุ้นตามากเลย เหมือนจะเป็นผลงานที่เธอใช้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการอื่นเมื่อหลายปีก่อน ที่แท้ตั้งแต่เริ่มต้น เธอก็คัดลอกแบบผลงานคนอื่นมาโดยตลอดเหรอ เมื่อเป็นแบบนี้ ตัวเธอเองก็ไม่มีผลงานอะไรมากมายละสิ!”
ฟังการสนทนาของทุกคน ร่างกายของพิชญาก็สั่นอย่างรุนแรง ดวงตาที่แดงก่ำจ้องมองไปทางวารุณีด้วยความเกลียดชัง เกลียดจนอยากจะฉีกเนื้อของวารุณีเป็นชิ้นๆ
ผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงใจกล้ามากเลย เธอทำไมถึงกล้านัก!
วารุณีเหมือนจะรู้ว่าพิชญาคิดอะไรอยู่ ก็สบตาเธออย่างไม่เกรงกลัว ถึงขนาดยิ้มให้เธอด้วย ทุกท่านพูดไม่ผิดเลยค่ะ นักออกแบบที่แท้จริงของผลงานเหล่านี้ ล้วนเป็นดีไซเนอร์ที่ได้หมายเหตุไว้ข้างล่างนี้ และหลักฐานเหล่านี้ ฉันกับเพื่อน ได้ใช้แรงกายแรงใจไปมากกว่าจะรวบรวมมันมาได้
โดยเฉพาะของอาจางย์ย่า อาจางย์ย่ารู้ว่าพิชญาคัดลอกแบบของเธอ ก็ได้ไปค้นหาตั้งนาน กว่าจะเจอแบบต้นฉบับ ถ่ายเป็นคลิปแล้วส่งมา
ได้ยินวารุณีพูดว่าถึงคำว่าเพื่อน นัทธีก็รู้แล้วว่าคนที่เธอพูดถึงคือเขา
ถึงอย่างไรหลักฐานพวกนี้ เกือบทั้งหมดเขาเป็นคนรวบรวมเอง เธอถึงได้เอ่ยถึงเขา ก็เพราะไม่อยากที่จะอ้างเป็นผลงานของตัวเองทั้งหมด ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่คนหนึ่ง ต่อให้เธอพูดว่าตัวเองเป็นคนรวบรวมทั้งหมด เขาก็ไม่ว่าอะไร
นัทธียิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ
อย่างไรก็ตาม เพื่อนของเธอคำนี้ ทำให้เขาไม่ค่อยชอบใจนัก แม้ว่าเขาจะรู้นานแล้ว เขาที่อยู่ในใจเธอเป็นเพียงเพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ทุกครั้งที่ได้ยิน มันก็จะทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว
“คุณวารุณี คุณรู้ว่าคุณพิชญาเป็นคนคัดลอกแบบนานแล้วใช่มั้ย?” มีนักข่าวถามขึ้น
พิชญาหันหน้าไป มองนักข่าวคนนั้นด้วยสายตาของอสรพิษ
นักข่าวคนนั้นก็ถูกสายตาของเธอทำให้ตกใจจนสะดุ้ง หดคอลงเล็กน้อย พยายามหลบสายตาของเธอ
“ใช่ค่ะ ฉันรู้มานานแล้ว วารุณีเห็นภาพนี้ พยักหน้ายิ้มเล็กน้อย ดังนั้นฉันพยายามแอบรวบรวมหลักฐานมาโดยตลอด วางแผนไว้ว่าจะเปิดเผยมันในวันงานชิงชนะเลิศ แต่ฉันคิดไม่ถึง คุณพิชญานั้นจะใจกล้าถึงขนาดกล้าคัดลอกแบบของฉันในวันชิงชนะเลิศ ดังนั้นยิ่งรู้สึกว่าไม่ควรที่จะปล่อยเธอไป สุดท้ายแล้วการจัดการคนที่คัดลอกแบบ มันคือหน้าที่ของทุกคน”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนต่างหัวเราะแล้ว
แต่เสียงหัวเราะนี้เมื่อมาตกอยู่ในหูของพิชญา กลับเป็นเสียงหัวเราะที่เย้ยหยันเธอ ทำให้เธออึดอัดอย่างมาก กรีดร้องขึ้นมาทันที ทำให้ผู้คนอึ้งไปตามๆกัน
วารุณีรู้ ตอนนี้สภาพจิตใจของพิชญาได้พังทลายลงไปหมดแล้ว
อย่างไรเสียเมื่อถูกเปิดเผยเรื่องคัดลอกแบบต่อหน้าคนเป็นหมื่น ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็คงทนไม่ได้
ประธานวรวีก็มองเห็นอารมณ์ที่ผิดปกติของพิชญา เลยให้เลขาฯ ภูมิรีบพาเธอไปโรงพยาบาล เพื่อสงบสติอารมณ์ให้คงที่
เลขาฯ ภูมิรับคำ พยักหน้าแล้วทำตามคำสั่งทันที
ปรากฏว่าเมื่อเข้าไปถึง พิชญาก็เป็นลมไปเสียแล้ว
ครั้งนี้เธอไม่ได้แกล้ง แต่ว่าเป็นลมจริง ใบหน้าของเธอ ซีดจนสามารถมองทะลุแล้ว
เมื่อวานตอนที่พิชญาเป็นลม ทุกคนต่างก็เป็นห่วงเธอ แต่วันนี้ ไม่มีใครเป็นห่วงเธอเลย ต่างก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
หลังจากที่พิชญาไปแล้ว วารุณีก็กระแอมไปสองที แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ในเมื่อเรื่องคัดลอกแบบผู้กระทำความผิดได้เป็นลมไปแล้ว แต่เรื่องบทลงโทษของเธอ ยังไงเราก็ต้องพูดถึง”
สีหน้าของเธอจริงจังขึ้นมาในทันที “คุณพิชญาที่คัดลอกแบบไปมากมายขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ละเมิดข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดในแวดวงการออกแบบเท่านั้น แต่ยังละเมิดกฎหมายด้วย ดังนั้นทางสมาคมจึงมีคำสั่งให้แบนคุณพิชญา ต่อจากนี้คุณพิชญาจะไม่สามารถทำงานซึ่งเกี่ยวกับการออกแบบได้อีก”
เมื่อสิ้นเสียงพูด ทุกคนก็ปรบมือพร้อมกัน ไม่มีใครรู้สึกว่ามันจะเป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป
อย่างไรเสียเธอได้คัดลอกแบบไปตั้งมากมาย ไม่แบนเธอ ถึงจะมีปัญหา
วารุณียิ้มๆแล้วยกมือขึ้นมาห้าม แสดงให้ทุกคนอยู่ในความเงียบ จากนั้นก็พูดขึ้น นอกจากนี้แล้ว เราจะยังแจ้งความ ฟ้องศาล เพื่อสอบสวนการคัดลอกแบบของคุณพิชญาให้ถึงที่สุด แล้วจะนำผลประโยชน์ทั้งหมดที่เธอได้รับจากการคัดลอกแบบมาเป็นเวลาหลายปี คืนให้กับเจ้าของดีไซเนอร์ตัวจริง”
“เป็นสิ่งที่ควรทำ” ผู้คนตะโกน
“ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุน” วารุณียกมือขอบคุณทุกคน จากนั้นก็ได้ยื่นไมค์ไปให้กับประธานวรวี
ประธานวรวีก็ได้กล่าวเตือนนักออกแบบอีกสองสามคำ หลังจากที่ขอให้พวกเขาถือมันเป็นคำเตือนแล้ว ก็ประกาศจบงาน
นักข่าวแต่ละคนจากไปด้วยความตื่นเต้น ก็เพราะอยากที่จะกลับไปเขียนข่าวออกมาโดยเร็ว
เพราะสิ่งที่พวกเขาถ่ายเอาไว้ได้ เป็นเรื่องของวงการออกแบบเสื้อผ้าในประเทศ ข่าวการคัดลอกแบบที่ใหญ่ที่สุด เชื่อว่าต่อจากนี้ไปอีกหลายวัน พวกเขาจะไม่ต้องไปเครียดกับการพาดหัวข่าว
ไม่นานนัก ในห้องประชุมคนก็ออกไปเกือบหมด
ประธานวรวีวางไมค์ลงแล้วมองมาทางวารุณี “ตามผมไปที่ห้องประชุม ผมมีของจะให้คุณ