พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 206 ความคิดของขยานี
เขาไม่มีทางจะถอนแจ้งความ ให้ขยานีออกมาโดยไม่ต้องถูกคุมขัง
สุภัทรถูกวารุณีปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย สีหน้านั้นดูแย่มาก
ขยานีที่อยู่ข้างหลังของเขาดึงชายเสื้อของเขา “ที่รัก คุณดูสิ ฉันก็ว่าแล้วว่าเธอต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน”
“หุบปากไปเลย!” สุภัทรตวาดอย่างรำคาญ
ขยานีหดคอลง จ้องวารุณีไปหนึ่งที ก็ไม่พูดอีก
วารุณีโกรธจนหัวเราะแล้ว
ทั้งๆต้องการขอร้องเธอ กลับทำกิริยาแบบนี้อีก
เป็นการกระทำที่หาที่ตายชัดๆ!
แม้แต่พิชญายังมองขยานีด้วยสายตาที่ดูแคลน ถูกแม่ที่โง่ทำให้ร้องไห้แล้ว
“ลูกวารุณี” แม้ว่าสุภัทรจะหงุดหงิดที่ถูกวารุณีปฏิเสธ แต่ก็ได้ระงับความโกรธเอาไว้ พยายามฝืนยิ้มออกมา พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดี “พ่อรู้ว่าน้าขยานีทำร้ายลูก ทำให้ลูกโกรธ แต่น้าขยานีก็ไม่ได้ตั้งใจนะ”
“แล้วยังไง?” วารุณีมองสบตาเขาอย่างใจเย็น “เธอทำร้ายหนู มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะให้อภัยได้”
“มันก็ใช่ แต่ที่เธอทำร้ายลูก ก็เพราะลูกเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่อง” สุภัทรพูดแล้วมองเธออย่างไม่พอใจ
“หนูเป็นต้นเหตุ?” วารุณีชี้ที่จมูกตัวเอง คนทั้งคนได้อึ้งไปแล้ว
สุภัทรใช้ไม้เท้าเคาะลงไปที่พื้นสองสามที “หากไม่ใช่ลูกเป็นคนเปิดโปงพี่สาวของลูกที่คัดลอกแบบ พี่สาวของลูกก็ไม่ต้องถูกตำรวจจับ น้าขยานีก็ไม่โกรธจนมาลงที่ลูก”
“ใช่!” ขยานีเชิดหน้าขึ้น เห็นด้วยอย่างยิ่ง
คำพูดคำจาของสองสามีภรรยาคู่นี้ ทำให้มุมมองชีวิตของวารุณีพังทลายลงไปหมดแล้ว
ความรู้สึกของพวกเขา ทั้งหมดนี้มันก็คือความผิดของเธอ!
“ดี พวกคุณดีมาก!” วารุณีกำหมัดแน่น สายตาที่เย็นชาได้กวาดมองไปทางพิชญาและพ่อแม่ของเธอ
เผชิญกับสายตาที่เย้ยหยันของเธอ นอกจากที่พิชญากับขยานีไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแล้ว สุภัทรนั้นยังรู้สึกละอายใจบ้าง หลบสายตาของวารุณีโดยสัญชาตญาณ
อันที่จริงเขาก็รู้ว่าคำพูดของตัวเองนั้นเหลวไหลแค่ไหน แต่เพื่อจะช่วยได้หนึ่งคนก็คือหนึ่งคน เขาทำได้เพียงพูดอย่างหน้าด้านๆ
ขณะที่คิด สุภัทรก็กระแอมไปสองที แล้วกล่าว “วารุณี ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ลูกก่อขึ้นมา ลูกก็ใจกว้างหน่อย แล้วๆกันไปเถอะ!”
“อย่าแม้แต่จะคิดเลย!” วารุณีโกรธจนตาแดงแล้ว “พ่อ พ่อเองก็พูดแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่หนูก่อขึ้น ก็ไม่รู้ว่าในใจของน้าขยานีจะโกรธจะเกลียดหนูมากขนาดไหน หากหนูถอนแจ้งความแล้วคุณน้าถูกปล่อยตัวออกมา แล้วมาหาเรื่องหนู หนูจะทำยังไง ดังนั้นปล่อยให้คุณน้าอยู่ที่นี่สักสองสามวัน ขัดเกลานิสัยก่อนเถอะ”
พูดจบ วารุณีก็ไม่สนใจทั้งสามคนอีก หันหลังเดินออกไป
เธอกลัวว่าหากเธออยู่ต่อ คงถูกทำให้โมโหจนตายอยู่ตรงนี้
ในเมื่อเธอมาแล้ว นอกจากมาส่งใบชันสูตรบาดแผลแล้ว ก็เพื่อมาดูท่าทางที่น่าสังเวชของขยานีกับพิชญา ตอนนี้ก็เห็นแล้ว พึงพอใจแล้ว
“ดู……ดูกิริยามันซิ!” ขยานีชี้ตามหลังของวารุณี พูดอย่างโกรธเคือง “ที่รัก คุณดูมัน นี่ก็คือลูกสาวของคุณ ที่ไม่ฟังแม้แต่คำพูดของคุณ!”
สุภัทรสีหน้ามืดมน ไม่พูดไม่จา
ตอนนี้เขาเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว ลูกสาวสองคนของวรยา นอกจากที่เรียกเขาว่าพ่อ ในใจนั้นไม่ได้มีเขาอยู่เลย ดังนั้นคำพูดของเขา พวกเธอไม่มีทางที่จะฟังอยู่แล้ว
ชั่วขณะ ในใจของสุภัทรมีความรู้สึกที่พูดไม่ออก รู้สึกว่างเปล่า
“พอได้แล้วค่ะแม่ ตอนนี้พูดเรื่องพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร วารุณีเกลียดเราสองแม่ลูกจะตายอยู่แล้ว เราสองแม่ลูกต่างก็ถูกเธอทำให้ต้องติดคุก แล้วเธอจะยอมปล่อยพวกเราได้ยังไง ไม่ต้องไปขอร้องเธอแล้ว!”
พิชญาที่เงียบอยู่ในมุมห้องมาตลอด ในที่สุดเวลานี้ได้เปิดปากพูด น้ำเสียงที่เย็นชา ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลย
ขยานีขยับปาก กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง สุภัทรก็ยกมือห้ามปรามเธอ “ไม่ ยังไงพวกเราก็ต้องขอร้องเธอ!”
“พ่อ?” พิชญามองเขาอย่างไม่พอใจ
สุภัทรกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ไม่ขอร้องเธอจะได้หรือเปล่า? ตอนนี้ชะตาชีวิตของพวกเธอสองแม่ลูกอยู่ในกำมือเธอ โดยเฉพาะแก!”
เขาชี้ไปที่พิชญา “ในมือของวารุณีมีหลักฐานการคัดลอกแบบของแกอยู่ ก่อนที่จะมาพ่อยังได้ยินมาว่า ทางสมาคมจะให้เธอไปเป็นพยานในศาลด้วย ด้วยจำนวนแบบที่แกคัดลอกและจำนวนเงินที่แกได้ อย่างน้อยแกต้องติดคุกห้าปี แต่ขอเพียงเธอให้การเท็จ หรือไม่ไปเป็นพยาน ลูกก็จะถูกลงโทษเบาหน่อย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ พิชญาก็พูดไม่ออกทันที
เธอนั้นต้องติดคุกแล้วอย่างแน่นอน แต่ถ้าสามารถลดจำนวนปีให้น้อยลง ทำไมเธอจะไม่เอาล่ะ?
ขยานีต่อให้โง่แค่ไหน เวลานี้ก็รู้แล้วว่าล่วงเกินวารุณีไม่ได้อีก แม้ในใจจะไม่พอใจ กลับไม่มีวิธีอื่น กัดฟันกล่าว “ที่รัก แค่เรื่องที่ให้เธอถอนแจ้งความเธอยังไม่ยอมเลย แล้วจะยอมให้การเท็จ หรือไม่ไปเป็นพยานได้ยังไง?”
“ใช่ นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด” สุภัทรถอนหายใจอย่างปวดหัว
ขยานีหรี่ตาลง “หากไม่ได้จริงๆ เราก็ใช้ความคิดเห็นของประชาชนในการกดดันเธอ!”
“คุณพูดอะไรนะ?” สุภัทรมองไปทางเธอ
พิชญาก็เหมือนกัน
ขยานีเขย่งเท้า ไปกระซิบที่ข้างหูของสุภัทร
สุภัทรฟังจบ แววตาก็เปล่งประกาย พยักหน้า “ผมรู้แล้ว ผมจะไปกลับไปวางแผนตอนนี้เลย”
ขณะที่พูด เขาก็ยันไม้เท้าเดินออกไปจากห้องสอบปากคำ
เมื่อมาถึงห้องโถงของสถานี ขณะที่สุภัทรกำลังจะเซ็นชื่อกลับ
ก็เห็นวารุณีที่ยังไม่ได้กลับไป เซ็นชื่ออยู่ตรงนี้ เมื่อเห็นเขาออกมา ก็ไม่ได้ทักทายเขา เซ็นชื่อเสร็จก็เดินออกไป
สุภัทรที่มองด้านหลังของเธอ ปากก็พึมพำไปสองสามคำ เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
วารุณีเดินออกมาจากสถานีตำรวจ ก็เดินไปยังรถเบนซ์สีแดงที่อยู่ข้างถนน
เพิ่งจะเดินมาถึงหน้ารถ ประตูข้างคนขับก็ถูกคนเปิดออกแล้ว
นัทธีหดมือที่ไปเปิดประตูรถกลับมา “ทำไมถึงนานจัง?”
“ใช่ค่ะหม่ามี๊ หนูกับพี่รอนานมากแล้ว” ไอริณที่อยู่บนเบาะนั่งเด็กที่ด้านหลัง กำลังถีบขาพูด
“ใช่ครับ” อารัณก็พยักหน้าตาม
วารุณีพลางขัดเข็มขัดนิรภัย พลางยิ้มตอบ “ตอนที่อยู่ในสถานีตำรวจเจอกับพ่อสภัทร คุยกับแกไปครู่หนึ่ง เลยทำให้เสียเวลา”
นัทธีสังเกตเธอมาโดยตลอด เห็นรอยเส้นเลือดแดงที่ยังไม่ทันจางหายในแววตาของเธอ ก็ได้หรี่ตาลงเล็กน้อย “เขาได้พูดอะไรกับคุณใช่มั้ย เป็นเรื่องที่ทำให้คุณลำบากใจ?”
วารุณีแปลกใจที่เขาสามารถมองออก ก้มหน้าตอบรับไปหนึ่งคำ “เขาให้ฉันถอนแจ้งความขยานี ฉันไม่ได้รับปาก”
“เรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรที่จะรับปากอยู่แล้ว ขอเพียงคุณรับปาก ต่อไปพวกเขาต้องเหิมเกริมกว่านี้อย่างแน่นอน” ยิ่งจะจับจุดของคุณได้ง่ายขึ้น นัทธีสตาร์ทพร้อมกับกล่าว
วารุณีนวดหว่างคิ้วเบาๆ “ฉันรู้ ดังนั้นตอนนั้นฉันปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวไปแล้ว”
“ทำได้ดีมาก” ริมฝีปากบางของนัทธีโค้งขึ้น กล่าวชื่นชม
วารุณีคิดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวขอบคุณ
ไม่นานนัก ก็ได้มาถึงที่คอนโด
วารุณีจูงมือลูกทั้งสอง กล่าวลากับนัทธีตรงประตูหน้าคอนโดแล้ว ก็เปิดประตูเข้าไป
เมื่อเข้ามาในห้อง เขาก็ได้วางดอกไม้บนโต๊ะ จากนั้นถือถุงที่ใส่ของรางวัลเดินไปในห้องนอน เปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านที่สบายๆ
จากนั้น วารุณก็ไปที่ห้องครัวไปทำอาหารง่ายๆ เมื่อทานอาหารกับลูกๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปอาบน้ำพักผ่อน
วันนี้ทรมานมาทั้งวันแล้ว เขาเหนื่อยจนจะไม่ไหวแล้ว หลังจากที่นอนลงบนเตียง ไม่นานนักก็หลับไปเลย
หลับจนถึงเช้าวันที่สอง ปาจรีย์โทรมา ปลุกเธอให้ตื่น “วารุณี เกิดเรื่องแล้ว!”
“เรื่องอะไรเหรอ?” วารุณีหาวไปหนึ่งที ลืมตาขึ้นมานั่งอย่างสะลึมสะลือ
ปาจรีย์ดูทีวีที่อยู่ตรงหน้า ร้อนใจจนกระทืบเท้า “ในอินเทอร์เน็ตไง/ในโซเชียล ตอนนี้เธอถูกคนด่าแรงมากเลย!”
“ฉันถูกคนด่า?” วารุณีตอนนี้ตื่นตัวอย่างเต็มที่แล้ว ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ใช่น่ะสิ ฉันก็เพิ่งจะเห็นเหมือนกัน”
ปาจรีย์ตอบอย่างใจร้อน แล้วก็พูดต่อ “พ่อชั่วๆของเธอออกมาแถลงข่าว บอกว่าเพราะเธอชอบคุณนัทธี ดังนั้นจึงอิจฉาที่พิชญาเคยหมั้นกับคุณนัทธี ดังนั้นจึงจงใจเปิดโปงเรื่องที่พิชญาคัดลอกแบบ อยากจะทำลายพิชญาให้สิ้นซาก ถึงขนาดพูดว่าที่คุณนัทธีกับพิชญายกเลิกงานแต่ง ก็เพราะมีเธอเป็นมือที่สาม”