พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 207 ความอำมหิตของสุภัทร
“อะไรนะ?” วารุณีอึ้งและเย็นไปทั้งตัว อ้าปากค้าง
ปาจรีย์นั้นจินตนาการได้เลย ว่าตอนนี้เธอจะมีท่าทางอย่างไร ถอนหายใจพูด “เธอไปเปิดดูเองละกัน เวลาแถลงข่าวคือตอนเจ็ดโมงเช้า แม้ว่าตอนนี้จะจบไปแล้ว แต่ในอินเทอร์เน็ตยังมีคลิปอยู่ “
“ได้ ฉันจะดูตอนนี้เลย”
วารุณีวางสาย ก็เปิดกดเข้าไปในเว็บ ค้นหาคลิปแถลงข่าวที่ปาจรีย์พูดถึง
ค้นไปครู่หนึ่ง ก็ค้นหาเจอทันที
วารุณีคลิกเข้าไปดู เห็นสุภัทรถือไมค์อยู่ยืนอยู่หน้ากล้อง ด้วยท่าท่างที่โกรธจัด ประณามว่าเธอเข้ามาแทรกกลางระหว่างพิชญากับนัทธียังไง แล้วใช้วิธีอะไรทำให้ความรักของนัทธีที่มีต่อพิชญายิ่งอยู่ยิ่งจางหายไป จนกระทั่งทำให้พวกเขายกเลิกการแต่งงาน
และภายใต้คลิปวิดีโอที่มีความยาวเกือบสิบนาที คอมเมนต์ของชาวเน็ตนั้น รุนแรงและโหดร้ายมาก
วารุณีคลิปไปหน้าถัดไป ล้วนแต่เป็นคำที่ด่าเธอทั้งนั้น
“ฉันก็ว่าแล้ว ทำไมก่อนการแข่งขัน พิชญานั้นเข้าได้กับทุกคนเลย ทำไม๊ ทำไมถึงไม่ชอบแค่วารุณี ที่แท้วารุณีให้ท่าคู่หมั้นของเธอนี่เอง ยังทำให้เธอถูกถอนหมั้นอีก หากเป็นฉัน ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน”
“นั่นน่ะสิ เสียแรงที่ก่อนหน้านั้นฉันเคยชื่นชอบเธอ รู้สึกว่าพรสวรรค์การออกแบบของเธอนั้นดีมากเลย แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วต่อให้จะมีพรสวรรค์มากแล้วยังไง คนที่นิสัยไม่ดี จ้องแต่ผู้ชายของคนอื่น เห็นหน้าของเธอก็รู้สึกว่าไม่ธรรมดา นี่มันนางร้ายในละครชัดๆ”
“ประเด็นสำคัญคือ สองคนนี้ใช้นามสกุลเดียวกัน แต่ว่าใจคอของวารุณีนั้นโหดเหี้ยมกว่าพิชญาเยอะเลย แม้ว่าพิชญาจะผิดที่คัดลอกแบบ แต่ว่าพฤติกรรมที่วารุณีเปิดโปงเธอต่อหน้าสาธารณะ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้พิชญาได้ผุดได้เกิดอีก ไม่อยากให้พิชญาลุกขึ้นมาได้อีก มันช่างน่ากลัวมากเลย!”
เห็นคอมเมนต์ที่เป็นเอกฉันท์พวกนี้ วารุณีโกรธจนตัวสั่น
เธอกัดริมฝีปาก ปิดหน้าจอโทรศัพท์ไปโดยตรง จากนั้นก็มาที่หน้าสมุดรายชื่อ หาเบอร์ของสุภัทรจนเจอแล้วโทรออก
สุภัทรเหมือนกำลังจรอโทรศัพท์ของเธอ เมื่อโทรติด สายก็ถูกรับทันที
เขานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกที่อยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลศรีสุขคํา มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์เอาไว้ อีกข้างหนึ่งถือซีการ์ แล้วพูดอย่างใจเย็น “โหล” “สุภัทร คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” ครั้งนี้ วารุณีไม่แม้แต่จะเรียกเขาว่าพ่อ กำโทรศัพท์แน่แล้วถามอย่างสงสัย
ถูกเรียกชื่อโดยตรง สุภัทรก็ไม่ได้โกรธ หัวเราะเห่อๆ “วารุณี พ่อก็โดนบีบเหมือนกัน พ่อไม่มีทางเลือก ใครใช้ให้ลูกไม่ยอมถอนแจ้งความน้าขยานีล่ะ ยังมีทางพิชญาด้วย พ่อก็อยากจะขอร้องลูก แต่พ่อก็รู้ว่าลูกไม่มีทางรับปาก ดังนั้น……..”
“ดังนั้นพ่อเลยแถลงข่าว ใส่ร้ายหนูเข้าไปยุ่งกับความสัมพันธ์ของพิชญากับคุณนัทธี ใช้พลังโซเชียล มาบีบบังคับให้หนูถอนแจ้งความใช่มั้ย?” ยังไม่ทันที่จะรอให้เขาพูดจบ วารุณีก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด พูดตัดบทพร้อมกับโกรธจนตาแดง
สุภัทรดีดขี้เถ้าบุหรี่ของซีการ์ “ใช่ วารุณี ที่ลูกโทรมาหาพ่อ น่าจะเพราะเห็นคนด่าลูกในอินเทอร์เน็ตล่ะสิ ขอเพียงลูกรับปากว่าจะถอนแจ้งความ และเมื่อถึงเวลาขึ้นศาลของพิชญาลูกก็ช่วยให้การเท็จ หรือไม่ไปเป็นพยาน พ่อก็จะระงับคอมเมนต์ที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตแบบนี้เป็นไง?”
“เห่อ!” วารุณีถูกคำพูดของเขาทำให้อยากจะหัวเราะ “ตบหัวแล้วลูบหลัง คุณคิดว่าฉันกล่อมง่ายขนาดนั้นเลยหรอ?”
อินเทอร์เน็ตมีความจำ ชาวเน็ตก็มีความจำ
ต่อให้เมื่อถึงเวลาสุภัทรระงับแล้วมันจะยังไง ชื่อของเธอก็เสียงไปแล้ว สิ่งที่เธอเหลือไว้ให้กับคนอื่น ก็ยังคงเป็นมือที่สามที่แทรกกลางระหว่างความสัมพันธ์ของคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน!
“ดังนั้น ลูกจะไม่รับปากใช่มั้ย?” สุภัทรคายควันบุหรี่สีเทาออกมา
“ใช่ หนูไม่รับปาก วารุณีหลับตาลง ระงับความโกรธลงไป เหลือไว้เพียงความผิดหวัง คุณสุภัทร หนูอยากรู้จริงๆเลย ว่าหนูนั้นใช่ลูกสาวของคุณหรือเปล่า คุณถึงได้ทำแบบนี้กับหนู!”
ใบหน้าของสุภัทรกระตุกไปหนึ่งที “ลูกก็ต้องเป็นลูกสาวของพ่อ แต่ว่าลูกสาวนั้นมีทั้งแบบสนิทชิดใกล้กับแบบห่างเหิน พ่อรู้ ในใจแกนั้นโกรธเกลียดพ่อคนนี้มาโดยตลอด ลูกก็ไม่มีทางฟังคำพูดของพ่อ ดังนั้นพ่อจึงจำเป็นต้องเสียสละลูกเพื่อปกป้องพิชญา”
ได้ยินคำพูดนี้ วารุณีก็หัวเราะด้วยเสียงที่เสียดสี
สุภัทรขมวดคิ้ว ไม่พอใจเล็กน้อย “ลูกก็อยากโทษพ่อเลย ไม่ว่ายังไงก็เห็นแต่ที่เราเป็นพ่อลูก พ่อจะให้โอกาสลูกอีกครั้ง ลูกไปคิดทบทวนดูให้ดีว่าจะรับปากหรือเปล่า คืนนี้พ่อจะโทรมาถามลูกอีกครั้ง”
พูดจบ เขาก็วางสายไปเลย
วารุณีโยนโทรศัพท์ไปที่เตียงอย่างโกรธจัด ใช้เวลาไปสักพักกว่าจะสงบสติลงมาได้
เวลานี้ ออดประตูดังขึ้น
วารุณีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอามือตบที่แก้มของตัวเองเบาๆ ปรับสภาพจิตใจแล้ว ดึงผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียงไปเปิดประตู
ประตูด้านนอกเป็นนัทธีที่ยืนอยู่ ก้มหน้ากำลังมองเธอ
มองตาที่แดงของเธอ ก็เข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนเน็ต เธอนั้นรู้แล้ว
“ผมเข้ามาได้มั้ย?” นัทธีขยับริมฝีปากบาง ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
วารุณีตอบรับด้วยการพยักหน้า หลบทางอย่างห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง “เข้ามาสิ”
นัทธียกเท้าก้าวเข้ามาข้างใน เดินตามหลังเธอเข้ามาในห้องรับแขก
เมื่อเห็นช่อกุหลาบถูกวางไว้บนโต๊ะ เขาก็ยิ้มยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย หลังจากนั่งลงแล้วจึงถามขึ้น “เรื่องบนอินเทอร์เน็ต คุณอยากจะจัดการยังไง?”
วารุณีเทน้ำให้เขา “ฉันยังไม่ได้คิดเลย”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ งั้นก็ให้ผมมาจัดการเถอะ” นัทธีรับแก้วน้ำมา
วารุณีเบิกตากว้าง “คุณจัดการ?”
นี่มันเป็นเรื่องของเธอนะ
เขาจะมาจัดการทำไม?
เหมือนเขาจะอ่านความคิดของเธอออก นัทธีจิบน้ำไปหนึ่งคำ แล้ววางแก้วลง “เรื่องนี้ก็ถือได้ว่าเกี่ยวข้องกับผมเหมือนกัน ในขณะที่สุภัทรใส่ร้ายคุณ ก็ได้ดึงผมเข้าไปร่วมด้วย อาศัยผมเพื่อบรรลุเป้าหมายในการใส่ร้ายคุณ และผมก็ไม่ใช่คนที่จะให้ใครมาอ้างชื่อได้ง่ายๆแบบนี้ด้วย”
“มันก็ใช่” วารุณีพยักหน้า
ตอนที่สุภัทรสร้างข่าวเธอกับนัทธีนั้น แค่คิดอยากให้เธอยอมความ
แต่กลับไม่ได้คำนึงถึงนัทธี ว่าเขานั้นยินยอมที่จะให้ดึงตัวเขามาสร้างข่าวด้วยหรือเปล่า ตอนนี้ความจริงก็ได้ยืนยันแล้ว นัทธีไม่ยินยอม และก็ไม่พอใจด้วย!
“สำหรับสุภัทรทำไมถึงต้องให้ข่าวใส่ร้ายคุณ ผมก็พอจะเดาออก น่าจะเกี่ยวกับพิชญาสองแม่ลูก” นัทธีมองวารุณีกล่าว
วารุณีตอบรับไปหนึ่งที “ใช่ค่ะ เขาอยากให้ฉันถอนแจ้งความขยานี จากนั้นเมื่อถึงเวลาที่พิชญาขึ้นศาลให้ฉันไปช่วยให้การเท็จ แต่เขาก็รู้ว่าฉันไม่มีทางที่จะรับปาก ดังนั้นจึงคิดแผนนี้ออกมา อาศัยพลังโซเชียลทำลายชื่อเสียงของฉัน อยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนน ขอเพียงฉันรับปาก เขาก็จะจัดการระงับข่าวและคอมเมนต์บนโซเชียล”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็หมุนแก้วน้ำของตัวเอง ใบปรากฏด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มเยาะตัวเอง “น่าเศร้าใช่มั้ย คนแบบนี้ กลับเป็นพ่อแท้ๆของฉัน”
นัทธีเม้มริมฝีปากบาง “คนอย่างสุภัทร ไม่เหมาะที่จะเป็นพ่อของคุณ คุณไม่ต้องไปสนใจเขา”
“ไม่สนใจแล้วล่ะ ต่อไปฉันจะไม่สนใจเขาอีก การกระทำในวันนี้ของเขา ทำให้ฉันหมดเยื่อใยกับเขาแล้วจริงๆ” วารุณีวางแก้วอย่างแรง พูดด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
นัทธีมองออก เธอเอาจริง และไม่ได้พูดเล่นๆ พยักหน้าอย่างพอใจ
“ประธานนัทธี!” วารุณีบีบฝ่ามือตัวเองแล้วมองเขา “เรื่องนี้ฉันคิดวิธีแก้ไขปัญหาได้แล้ว ก็ตาต่อตาฟันต่อฟัน อย่างไรก็ตามต้องให้คุณร่วมมือด้วย”
“คุณพูดมาเลย” นัทธีเอาขาไขว่ห้าง
วารุณีหรี่ตาที่สวยงาม แล้วเล่าแผนการที่ตัวเองคิดไว้อย่างละเอียด
หลังจากที่นัทธีฟังจบ เชิดคางขึ้นเล็กน้อย “ผมรู้แล้ว ผมจะร่วมมือกับคุณ”
“ขอบคุณค่ะประธานนัทธี” วารุณียิ้มอย่างตื้นตัน
นัทธีทำมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไรหรอก ผมก็ไม่ได้แค่ช่วยคุณ ก็เพื่อชื่อเสียงของตัวผมเองด้วย”
อย่างไรเสียเรื่องนี้ ก็มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขา
ตอนนี้บนโซเชียลก็มีคนไม่น้อยที่ด่าเขาเป็นผู้ชายเลว เพียงแต่ด้วยฐานะของเขา เสียงด่าค่อนข้างจะน้อยกว่า
“หม่ามี๊ กี่โมงแล้ว?” ขณะนี้ ห้องนอนของลูกๆจู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก อารัณที่สวมชุดนอนยืนอยู่ตรงประตู หาวพร้อมกับถาม