พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 221 จับกุม
วารุณีได้ยินเสียงของนัทธี ทันใดนั้นในดวงตาก็มีประกายแห่งความหวังออกมา
แต่ตอนที่เธอจะตอบเขากลับไปนั้น มือของเธอก็ว่างเปล่า มือหยาบๆข้างหนึ่งแย่งโทรศัพท์ของเธอไป จากนั้นก็เขวี้ยงโทรศัพท์ของเธอไปที่พื้นอย่างแรง ภายใต้การมองอย่างตกใจของเธอ
“อย่า!”รูม่านตาวารุณีขยายออกมา ตะโกนเสียงดัง จะไปเก็บโทรศัพท์
แต่คนนั้นที่เขวี้ยงไป กลับเหยียบลงไปเลย
เสียงเหยียบดังขึ้นมา โทรศัพท์ถูกเหยียบจนเละเทะ ไม่อาจใช้ได้อีก
ขณะเดียวกันผู้ชายคนนั้น ยังตบใส่วารุณีไปหนึ่งฉาด พูดอย่างโหดเหี้ยมว่า:“ยัยสารเลว ยังจะกล้าโทรบอกคนอื่นอีก ฉันว่าแกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”
“โอ๊ย!”วารุณีร้องอย่างเจ็บปวด ถูกตีจนล้มลงพื้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในหัวรู้สึกมึนๆ ว่างเปล่า ถูกตีจนงง
ผู้ชายพวกนั้นก็ถือโอกาสนี้ ปิดจมูกปากของเธอ จับมือและเท้าของเธอออกไป
อีกด้าน นัทธีเดินไปที่ฝ่ายปฏิบัติการด้วยสีหน้าหม่นลง ฝีเท้าก้าวอย่างรวดเร็ว มารุตที่อยู่ด้านหลังเขาตามแทบไม่ทัน
“ประธาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”มารุตตามถามอยู่ด้านหลังอย่างหอบเหนื่อย
สองมือนัทธีกำไว้แน่น เส้นเลือดที่หลังมือปูดออกมา อดกลั้นความกังวลในใจ ตอบกลับเสียงเย็นชา“วารุณีเกิดเรื่องแล้ว”
ตอนนั้นจู่ๆโทรศัพท์ของวารุณีก็ตัดไป และก่อนตัด เขาก็ได้ยินเสียงที่เธอตะโกนว่าอย่า แบบนี้จะเห็นได้ว่า ตอนนั้นเธอจะต้องเจอเรื่องไม่ดีแน่
ส่วนอะไรไม่ดีนั้น เขาไม่กล้าคิด ตอนนี้อย่างเดียวที่เขาทำได้ ก็คือต้องหาตำแหน่งของเธอทันที ช่วยเธอออกมา
แป๊บเดียว ก็มาถึงฝ่ายปฏิบัติการ
นัทธีผลักประตูเข้าไป เอาโทรศัพท์วางไว้ตรงหน้าพนักงาน“ติดตามสถานที่ที่หายไปสุดท้ายของสัญญาณเบอร์นี้ทันที!”
“ครับ!”ตอบกลับไป แล้วพนักงานก็เริ่มติดตาม
ระหว่างนั้น นัทธีหันกลับ มองมารุตแล้วออกคำสั่ง“ตอนนี้คุณไปติดต่อสมาคมของประธานวรวีทันที บอกเขาว่าวารุณีเกิดเรื่อง ไม่สามารถไปศาลได้ทันที ให้เขาติดต่อเลื่อนนัดกับศาล แล้วก็……”
นัทธีหรี่ตาลงอย่างอันตราย เสียงเยือกเย็นขึ้นเหมือนหิมะน้ำแข็งในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ ดูไร้อารมณ์“ส่งคนไปจับสุภัทรมาให้ผม!”
ในเมื่อเป็นสุภัทรส่งคนไปจับวารุณี งั้นเขาก็ไม่ปล่อยสุภัทรไว้แน่
“เข้าใจแล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้”มารุตพยักหน้าอย่างจริงจัง ทำตามทันที
พอเขาไป เจ้าหน้าที่ด้านหลังก็สืบหาสิ่งที่นัทธีต้องการ ชี้ไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์:“ประธาน นี่คือสถานที่ที่สัญญาณเบอร์นี้อยู่สุดท้ายครับ”
นัทธีก้มหน้าลงมอง มองเห็นเป็นอพาร์ทเม้นท์ ก็กัดฟันกรามแน่นขึ้นมา“หาต่อไป เอากล้องวงจรปิดรอบๆอพาร์ทเม้นท์ หาออกมาให้หมด”
“เข้าใจแล้วครับ”เจ้าหน้าที่พยักหน้า แล้วเริ่มพิมพ์ไปที่คีย์บอร์ดอีกครั้ง
น่าจะสิบนาทีถัดมา ก็เอากล้องวงจรปิดทั้งหมดออกมาได้
นัทธีเห็นวารุณีออกไปจากอาคารอพาร์ทเม้นท์ไม่นาน ก็ถูกผู้ชายพวกนั้นไล่ตามตลอดจนถึงอพาร์ทเม้นท์นี้กับส่วนหลังกำแพงที่กั้นของหมู่บ้านอพาร์ทเม้นท์อีกแห่ง แล้วเธอก็ถูกผู้ชายพวกนั้นพาออกไป
“ประธาน ตามทางที่รถตู้คันนี้ขับไป รวมทั้งดูจากช่วงถนนแล้ว พวกเขาน่าจะออกจากจังหวัดไปครับ”
“ติดตามร่องรอยของรถได้ตลอดไหม?”นัทธีเอามือวางไว้ที่หลังเก้าอี้ของเจ้าหน้าที่ กำฝ่ามือแน่น
เจ้าหน้าที่พยักหน้า“ได้น่ะได้ครับ แต่ต้องดาวเทียมเท่านั้นถึงจะได้ ดาวเทียมสามารถจับร่องรอยของรถคันนั้นได้ทั้งหมด แต่แค่พวกเราไม่มีอำนาจพอ เมื่อบุกรุกดาวเทียม ก็จะถูกคนเบื้องบนจับได้”เจ้าหน้าที่พูดอย่างมีอะไรแอบแฝง
นัทธีก็รู้ว่าหลังจากถูกคนเบื้องบนจับได้ จะมีผลที่ตามมาอย่างไร แต่เขาก็ไม่สนมากขนาดนี้แล้ว ตอนนี้เขาเป็นห่วงความปลอดภัยของวารุณี เขาแค่อยากหาเธอให้เจอไวๆ
ขณะเดียวกัน ในใจเขาก็เสียใจมากที่หลังจากทารีนาถูกจับไป ก็ถอนบอดี้การ์ดข้างกายวารุณีออกไป ถ้าไม่ได้ถอนออกไป ตอนนี้เธออาจจะไม่เจอเรื่องทั้งหมดนี้
คิดถึงตรงนี้ นัทธีหยิบโทรศัพท์กลับมา พูดด้วยสายตาจริงจัง:“ไม่เป็นไร คุณบุกรุกดาวเทียมเลย ผมจะบอกคนเบื้องบนเอง พอบุกรุกแล้ว คุณจำไว้ว่าส่งเส้นทางการขับรถของรถคันนั้นให้ผมได้ตลอดเวลา”
“โอเค”เจ้าหน้าที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็ไม่กังวลต่อไปอีก เริ่มดำเนินการ
นัทธีหันกลับเดินออกไปด้านนอก เดินไป โทรศัพท์ออกไปด้วย“นายท่านบุญชัย ผมเอง ผมหวังว่าท่านจะช่วยผมอย่าง……”
นัทธีพูดความต้องการของตัวเองออกไปหมดกับคนที่ปลายสาย
คนที่ปลายสายเหมือนจะตอบรับ หลังจากนัทธีพูดขอบคุณ ก็วางมือถือลง เปิดประตูรถแล้วนั่งเข้าไป
ตอนที่คาดเข็มขัด โทรศัพท์ของเขาก็มีแสงขึ้นมา มีภาพเส้นทางออกมา บนภาพมีจุดเล็กๆสีแดงกำลังกะพริบไปข้างหน้า
นัทธีรู้ว่า จุดสีแดงนั้น ก็คือรถตู้คันนั้นที่พาวารุณีไป
นัทธีไม่พูดอะไร สตาร์ทรถอย่างไม่ลังเล ตามภาพเส้นทางขับไปที่นั่น หลังจากตามอยู่สองเส้นทาง หลังรถของเขาก็ตามมาด้วยรถหน่วยSWATสองสามคัน ซึ่งนั่นเป็นเพราะเขาให้นายท่านบุญชัยจัดการให้ ไปช่วยตามด้วยกัน
ตอนนี้เอง จู่ๆชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในรถตู้ข้างที่นั่งคนขับก็วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าที่ดูแย่ พูดกับชายหนุ่มที่ขับรถว่า:“เฮีย สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว เมื่อกี๊คนนั้นบอกพวกเราว่า มีคนมาช่วยผู้หญิงคนนี้แล้ว และก็ไล่ตามมาแล้วด้วย แล้วยังพาหน่วยSWATมาอีก!”
“อะไรนะ?หน่วยSWAT?”คนอื่นๆที่จับกุมคนของวารุณีตรงเบาะหลังได้ยินคำนี้ ก็ตกใจ
มีแค่ในแววตาของวารุณีที่ปรากฏประกายจ้าออกมา ที่ปากถูกติดเทปไว้ ร้องอู้อี้ออกมาอย่างใจร้อน
เป็นนัทธี จะต้องเป็นเขาแน่!
ชายหนุ่มที่ขับรถก็ขนหัวลุกในตอนนี้ โกรธจนตบพวงมาลัย“สมควรตาย ไม่ได้บอกเหรอว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแค่ดีไซเนอร์เสื้อผ้าอะไรนั่นอ่ะ?จู่ๆก็เอาหน่วยSWATมาไล่ตามพวกเรา ดูเหมือนพวกเราจะถูกหลอกแล้ว”
“งั้นเฮีย ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?”
ผู้ชายที่ขับรถคิดแป๊บหนึ่ง ไม่ตอบแต่ถามย้อนไปว่า“พวกเขาตามถึงไหนแล้ว?”
คนที่อยู่ข้างคนขับส่งข้อความถามทันที คำถามนี้ ทุกคนก็ตะลึง“เฮีย……เฮีย พวกเขาออกจากจังหวัดแล้ว ตอนนี้ห่างกับพวกเรา แค่สิบกว่ากิโลเมตร!”
สิบกว่ากิโลเมตร?
วารุณีใจเต้นแรง ประกายความหวังในดวงตา ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอรู้ว่า เธอจะรอดแล้ว!
วารุณีไม่ตื่นตระหนกและหวาดกลัวขนาดนั้นแล้ว ส่วนคนในรถสองสามคนนั้น กลับเริ่มตื่นตระหนกขึ้นมา“ทำไมพวกเขาไวขนาดนี้?”
ชายหนุ่มที่ขับรถก็อดไม่ได้ที่จะกำพวงมาลัยแน่น“ไร้สาระ ของเขาเป็นรถหน่วยSWAT ที่ปรับแต่ง ส่วนพวกเราแค่รถคันเล็กๆที่เก่า จะแล่นสู้พวกเขาได้ไง ดูเหมือนตอนนี้พวกเราจะแย่แล้ว!”
พอได้ยินอย่างนั้น ทั้งรถตู้ก็ตกอยู่ในความเงียบ
พวกเขาไม่ใช่คนที่ไม่สนใจอันตรายใดๆ แค่เป็นนักเลงในสังคมมืด ถึงแม้จะเคยทำผิดเข้าคุก แต่เรื่องลักพาตัวหรือฆ่าคนกลับไม่เคยทำ นี่เป็นครั้งแรก เพราะว่าเงินเยอะ และก็คิดว่าแค่จับเธอไปขายที่บ้านนอก ไม่ได้ต้องการเอาถึงชีวิต จึงรับมา
แต่คิดไม่ถึงว่า เบื้องหลังผู้หญิงคนนี้จะใหญ่ได้ขนาดนี้ มองข้ามตำรวจ แล้วให้หน่วยSWATมาตามไล่พวกเขาโดยตรง ถ้ารู้แบบนี้ พวกเขาไม่รับงานนี้แน่
รถตู้ขับไปอีกระยะหนึ่ง หลังจากขับออกจากอุโมงค์ ทันใดนั้นคนในรถ ก็ได้ยินเสียงไซเรนรางๆ
ชายหนุ่มตรงที่นั่งข้างคนขับมองกระจกมองหลัง ตอนที่มองเห็นสุดถนนด้านหลัง แอบปรากฏมุมรถหน่วยSWAT สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เปลี่ยนจนซีดขาว“เฮีย พวกเขาตามมาแล้ว!”
วารุณีก็เห็นแล้ว ไม่ใช่แค่เห็นรถหน่วยSWAT แต่ยังเห็นเบนท์ลีย์ของนัทธี ข้างในตาก็มีน้ำตาแห่งความตื้นตันไหลออกมา
เขาทำเพื่อเธอ และก็ไล่ตามมาเองด้วย