พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 222 หาเธอเจอแล้ว
“ไม่ต้องโวยวายแล้ว กูเห็นแล้ว!”ชายหนุ่มที่ขับรถตะโกนด้วยเหงื่อที่เต็มหน้า
คนที่อยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับกำลังตัวสั่น“งั้นเฮียว่า ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี หรือว่าพวกเราจะหยุดรถแล้วยอมจำนน เอาผู้หญิงคนนี้คืนให้พวกเขา ไม่แน่พวกเราอาจจะถูกผ่อนปรนได้”
“ใช่ครับเฮีย”คนที่นั่งอยู่ด้านหลังก็คิดว่าวิธีนี้ดีที่สุด จึงพยักหน้าโน้มน้าว
สีหน้าชายหนุ่มที่ขับรถดูน่ากลัว“ไร้เดียงสา พวกแกคิดว่าได้เหรอไง?พวกเขาพาหน่วยSWATที่มีปืนจริงกระสุนจริงมา เห็นชัดว่าอยากบอกพวกเราว่า พวกเขาไม่ปล่อยพวกเราแน่ ถึงพวกเรายอมจำนน จุดจบก็ไม่ดีเท่าไหร่หรอก”
“แต่ว่า……”
“พอแล้ว ไม่ต้องแต่แล้ว”ชายหนุ่มที่ขับรถตวาดเสียงทุ้มเบาออกไป มีความโหดเหี้ยมอย่างเฉียบขาดในสายตา
“ยังไงก็ถึงจุดนี้แล้ว พวกเราทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุดไปเลยสิ พาผู้หญิงคนนี้ตายไปด้วยกัน แบบนี้พวกเราก็ไม่เหนื่อยถึงครอบครัว ไม่แน่ว่าคนๆนั้นอาจจะเห็นแก่พวกเราที่ฆ่าผู้หญิงคนนี้ได้ ดีใจจนให้เงินครอบครัวเราก้อนใหญ่ก็เป็นได้นะ”
คำนี้พูดออกไป ในรถตู้เงียบลงทันที ผู้ชายสองสามคนมองหน้ากัน เหมือนว่าต่างรับรู้
วารุณีมองตรงนี้ออก ความสุขในใจที่เพิ่งได้รับหายไป แทนที่ด้วยความหวาดกลัวอันเต็มเปี่ยม
เธอส่ายหัวอย่างรุนแรง ร้องไห้ฮือๆ อยากให้คนพวกนี้หยุดความคิดนี้ลง
แต่คนพวกนี้ดูฟังเขาไม่ออกอย่างชัดเจน สูดลมหายใจลึกๆ การแสดงออกบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นความเด็ดเดี่ยว
“ครับ เฮีย เอาอย่างที่เฮียพูด ตายในเงื้อมมือของตัวเอง ดีกว่าถูกคนข้างหลังพวกนั้นจับ โดนกระสุนปืนเสียอีก”
“โอเคเพื่อนยาก!”ชายหนุ่มที่ขับรถพยักหน้าอย่างปลอบโยน จากนั้นหรี่ตาลง ภายใต้สายตาหวาดกลัวของวารุณี ก็ตบพวงมาลัย ขับรถชนไปที่รั้วกั้นตรงข้างถนน
ถนนเส้นนี้สร้างบนไหล่เขา ด้านล่างมีหน้าผา ถ้ารถตกลงไป คนด้านใน ต้องไม่มีใครรอดแน่นอน
หน่วยSWATกับนัทธีที่รีบตามอยู่ด้านหลัง ต่างมองความตั้งใจของรถตู้ออก ก็ตกใจทันที
“แย่แล้ว คนร้ายในรถตู้จะพาตัวประกันฆ่าตัวตาย รีบขัดขวางพวกเขาไว้ ให้แน่ใจความปลอดภัยของตัวประกัน!”หัวหน้าหน่วยSWATตะโกนใส่หูฟังอย่างร้อนใจ
หน่วยSWATคนอื่นๆที่ได้รับคำสั่งของเขา หลังจากตอบรับแล้ว ก็รีบเร่งความเร็วของรถ อยากจะห้ามรถตู้ไว้
นัทธีก็แบบนี้ เหยียบคันเร่งจนสุดแล้วพุ่งไป จะใช้รถของตัวเอง ชนรถตู้ออก ขัดขวางพฤติกรรมของรถตู้ที่จะฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตามเขาช้าไปก้าวหนึ่ง รถตู้คันนั้นชนรั้วกั้น ทั้งหน้ารถนั้นไม่มีรั้วกั้นป้องกัน ก็พุ่งลงไปที่ใต้หน้าผา
เวลานี้ พวกเขาต่างตะลึง ใครต่างคิดไม่ถึงว่า คนในรถตู้จะเด็ดขาดโหดร้ายขนาดนี้ ยอมฆ่าตัวตาย แต่ไม่ยอมถูกพวกเขาจับ
“ไม่!”สายตานัทธีเปลี่ยนไป ตะโกนเสียงดังด้วยดวงตาที่แดงก่ำ และอยากตามลงไปด้วยกัน แต่กลับถูกหัวหน้าหน่วยSWATด้านหลัง ขับรถชนขัดขวางออกไป“คุณนัทธี คุณใจเย็นหน่อย!”
นัทธีไม่สนใจเขา ปลดเข็มขัดนิรภัยออกด้วยมือที่สั่นแล้วลงจากรถ วิ่งไปจุดที่รถตู้ลงไปแล้วมองลงไปดู
เมฆหมอกที่หนาปกคลุมทั้งหมดใต้เขา ทำให้มองไม่เห็นเงาของรถตู้โดยสิ้นเชิง ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ตอนนี้ของรถตู้ ว่าตกลงไปที่ไหน คนในรถจะเป็นอย่างไร
แต่หน้าผาสูงขนาดนี้ แค่คิดก็รู้ว่าคนที่ตกลงไป จะไม่มีจุดจบที่ดีเท่าไหร่นัก
เวลานั้น ในหัวของนัทธีว่างเปล่า ตัวสั่นเหมือนถูกดูดพลังไป ร่างสั่นคลอน ตรงหน้าก็มืดลงเล็กน้อย
ถ้าไม่ใช่ว่าหน่วยSWATคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเห็นทันเวลา ดึงเขาไว้ กลัวว่าเขาคงตกลงไปแล้ว
“คุณนัทธี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”หน่วยSWATถามอย่างเป็นห่วง
นัทธีไม่ตอบเขา กำฝ่ามือไว้ ตาสองข้างนั้นแดงก่ำมองหัวหน้าหน่วยSWAT“พวกคุณยังจะยืนทำอะไรอีก แจ้งเฮลิคอปเตอร์ ว่าลงเขาไปช่วยเหลือคน!”
“ผมแจ้งไปแล้ว คุณนัทธีใจอย่าใจร้อนนะครับ”หัวหน้าหน่วยSWATเอามือกดที่หูฟังแล้วตอบ จากนั้นชี้ไปที่คนสองสามคน“พวกคุณสองสามคน ไถลลงจากเขาไปตรงนี้ ค้นหาที่ตั้งของรถตู้ อีกเดี๋ยวจะส่งตำแหน่งให้เฮลิคอปเตอร์!”
“ครับ!”คนสองสามคนที่ถูกพูดถึงก็ตอบไป
นัทธีหรี่ตา“ผมไปด้วย!”
“เอ่อ……”หัวหน้าลังเลเล็กน้อย
ยังไงตัวตนของผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ธรรมดา ถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกเขารับผิดชอบไม่ไหว
นัทธีก็รู้ความกังวลของหัวหน้า สูดหายใจลึกๆ พยายามสงบอารมณ์ในใจตัวเอง“ในรถตู้มีคนรักของผมอยู่ ผมไม่สามารถรออยู่ที่นี่อย่างเดียวได้”
ไม่ว่าวารุณีจะเป็นหรือตาย เขาจะต้องหาเธอให้เจอ
พอได้ยิน หัวหน้าก็ไม่พูดอะไรอีก รับปาก จากนั้นให้คนหยิบอุปกรณ์มาให้เขา
นัทธีจึงไถลลงภูเขาตามหน่วยSWATไม่กี่คนนั้นไปแบบนี้
ไปถึงเชิงเขา พวกเขาไม่กี่คนก็แยกกัน แล้วเริ่มค้นหา
นัทธีก็หาสถานที่เองคนเดียว แต่หาเสร็จแล้ว ก็ไม่ได้อะไรมา
เขาเริ่มร้อนใจ ใบหน้าหม่นลง ปล่อยหมัดไปที่ต้นไม้ด้านข้าง
ตอนนี้เอง จู่ๆวิทยุสื่อสารที่ตัวเขาก็ดังขึ้นมา ด้านในมีเสียงของหัวหน้าเข้ามา“คุณนัทธี หาคุณวารุณีเจอแล้วครับ”
“อยู่ที่ไหน?”นัทธีรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา แล้วเอาไว้ที่มุมปาก ถามอย่างรีบร้อน
“ในบ้านของชาวบ้านแห่งหนึ่ง”
“ทำไมถึงอยู่ที่บ้านของชาวบ้านได้?”นัทธีขมวดคิ้ว แต่ว่ายังไม่คิดมากเท่าไหร่ ก็ถามไปอีกว่า“สถานการณ์ของคุณตอนนี้……”
รู้ว่าเขาอยากถามอะไร หัวหน้าก็ยิ้ม ตอบว่า:“วางใจเถอะคุณนัทธี คุณวารุณีเธอยังรอดอยู่ สถานการณ์เฉพาะเจาะจงเดี๋ยวผมค่อยให้ทีมงานบอกคุณ ตอนนี้คุณรีบไปบ้านของชาวบ้านก่อนเถอะ ผมจะส่งตำแหน่งให้คุณ”
พูดจบ โทรศัพท์ของนัทธีก็ได้รับตำแหน่งมา
เขาเก็บความประหลาดใจอันใหญ่หลวงไว้ในใจ มองที่ตั้งของตำแหน่งที่อยู่ห่างตัวเองจากตรงนี้ไม่ไกลมากนัก หลังจากปิดวิทยุสื่อสารเสร็จ ก็รีบเดินเข้าไป
น่าจะผ่านไปประมาณสิบกว่านาที นัทธีก็มาถึงสถานที่ตั้ง เป็นบังกะโลเล็กๆที่สร้างขึ้นเองอาคารหนึ่ง ด้านนอกประตูยังมีหน่วยSWATสองคนกำลังเฝ้าอยู่
หน่วยSWATสองคนเห็นเขา ก็เดินมาที่เขา“คุณนัทธี……”
“เธออยู่ที่ไหนครับ?”นัทธีกำฝ่ามือแล้วถาม
หน่วยSWATหนึ่งในนั้นทำท่าเชื้อเชิญ“ตามผมมาครับ”
นัทธีตามไป มาที่ห้องหนึ่งของชั้นสองในบังกะโล
หน่วยSWATเปิดประตูออก นัทธีมองเห็นทั้งหมดในประตูนั้นอย่างชัดเจน
เห็นแค่วารุณีสวมชุดลายดอกสีเทานั่งลงบนเตียง ในมือถือชามไว้ กำลังก้มหน้าดื่มซุปสีดำในชามทีละคำเล็กๆ
เป็นเธอ เป็นเธอจริงๆด้วย!
หัวใจนัทธีที่เกร็งแน่น ก็คลายลงโดยสิ้นเชิง มองเธอ เรียกเบาๆว่า“วารุณี!”
วารุณีได้ยินเสียงของเขา ก็ตะลึงไปก่อน จากนั้นเงยหน้ามองเขา เบะปาก เบ้าตาแดง ตอบกลับด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ“ประธานนัทธี……”
นัทธีทนไม่ไหวอีกต่อไป เดินก้าวเท้ายาวเข้าไป เดินไปที่ข้างเตียง กอดวารุณีไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ
วารุณีถูกเขากอดกะทันหันแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งไป
แต่แป๊บเดียว นัทธีก็ปล่อยเธออีก จับหน้าเธอแล้วสำรวจอย่างละเอียด เหมือนกำลังดูว่าเธอบาดเจ็บหรือไม่
ดูเสร็จ หลังจากเขาพบว่านอกจากสีหน้าของเธอจะซีดขาวแล้ว แก้มก็ยังบวมแดงแล้ว อย่างอื่นก็ไม่มีบาดแผลใดๆ จึงโล่งอกเบาๆ จากนั้นเงยคางเธอขึ้น ก้มหน้าลงจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ
วารุณีมึน ดวงตาเบิกกว้างมาก สักพักจึงได้สติคืนมา ผลักเขาอย่างหน้าแดง อยากให้เขาปล่อยออก
นัทธีก็ปล่อยเธอจริงๆ
เธอรีบหดตัวที่มุม ปิดปากไว้ไม่กล้ามองเขา“ประธานนัทธีคุณเพิ่ง……”
“ขอโทษนะ ผมมาช้าไป”นัทธีตัดบทของเธอ“คุณไม่เป็นไร มันดีมากจริงๆ”