พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 224 ตอนนั้นไม่ใช่พิชญา
เห็นเขาไม่เหมือนว่ากำลังโกหก รูม่านตานัทธีก็สั่นคลอน ดูจริงจังขึ้นมา“คุณไม่ได้ให้คนลักพาตัวเธอจริงๆเหรอ?”
“ผมสาบาน ผมไม่ได้ทำแน่นอน ถึงแม้ผมจะไม่ชอบวารุณีลูกสาวคนนี้ แต่ผมก็ทำพฤติกรรมให้คนลักพาตัวเธอไม่ลง”สุภัทรยกนิ้วมือสามนิ้วขึ้นมาทำท่าสาบาน
เขายังไม่เสียสติขนาดนั้น
“ประธาน ดูเหมือนว่าที่ลักพาตัวคุณวารุณี จะมีอีกคน”มารุตยืนอยู่หลังนัทธี น้ำเสียงดูหนักอึ้ง
นัทธีเข้าไป ดึงคอเสื้อของสุภัทรขึ้นมา“ไม่ว่าคุณจะให้คนลักพาตัวเธอหรือไม่ ผมก็ไม่ปล่อยคุณไปทั้งนั้น”
ใบหน้าแก่ๆของสุภัทรสั่นด้วยความกลัวเล็กน้อย“นัท……นัทธี คุณยังจะทำอะไรพวกเราตระกูลศรีสุขคําอีก?สามวันก่อนคุณลงมือกับบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ป ทำให้บริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปหายไปจากจัดอันดับบริษัทจดทะเบียน กลายเป็นบริษัทเล็กๆธรรมดา ผมยอมแล้ว เพราะว่าที่งานแถลงข่าวผมพูดคำพูดพวกนั้นไปแล้วดึงคุณเข้ามาเกี่ยวข้องจริงๆ แต่ครั้งนี้ล่ะ?”
เขามองนัทธีอย่างโมโห“ครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ นี่เป็นเครื่องครอบครัวของตระกูลศรีสุขคําของพวกเรา คุณมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วย!”
นัทธีสะบัดเขาออก“สิทธิ์อะไร?ก็สิทธิ์ที่วารุณีเป็นคนของผมไง เหตุผลนี้พอไหม?”
“คน……คนของคุณ?”สุภัทรไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง ดวงตาแก่ๆนั่นเบิกโต“พวกคุณคบกันแล้ว?”
สายตานัทธีสั่นคลอนเล็กน้อย ไม่ตอบ
ถึงแม้ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เขารู้สึกว่าน่าจะใกล้แล้ว
เห็นนัทธีไม่พูด สุภัทรคิดว่าเขายอมรับ ในใจก็ตื่นตระหนกอย่างมาก“คุณคบกับวารุณีแล้ว งั้นพิชญาล่ะทำไง?”
ใจเขาอยากให้พิชญาแต่งเข้าตระกูลไชยรัตน์ เพื่อให้ตระกูลศรีสุขคําพึ่งพาตระกูลไชยรัตน์ กลายเป็นหนึ่งตระกูลต้นๆของจังหวัดจันทร์ ถึงแม้นัทธีถอนหมั้นกับพิชญา เขาก็ไม่รีบร้อน เพราะเขารู้สึกว่าพิชญาจะต้องนัทธีคืนดีกันแน่นอน
แต่ตอนนี้นัทธีกำลังคบกับวารุณี พิชญาก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะคืนดีกับนัทธี และจากความเกลียดชังของวารุณีที่มีต่อเขา แต่งเข้าตระกูลไชยรัตน์แล้วจะต้องไม่ช่วยตระกูลศรีสุขคําแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะใช้อำนาจของตระกูลไชยรัตน์มากดขี่ตระกูลศรีสุขคําด้วย แล้วแบบนี้จะได้อย่างไรกัน!
“ผมคบกับวารุณี เกี่ยวอะไรกับพิชญา?”นัทธีหรี่ตาลง
สุภัทรกลืนน้ำลาย“ทำไมไม่เกี่ยวล่ะ นัทธี คุณอย่าลืมสิ ห้าปีก่อนพิชญาช่วยคุณไว้ ความปรารถนาสูงสุดของเธอคือแต่งงานกับคุณ……”
“แล้วทำไมเหรอ?”นัทธียกมือขึ้นตัดบทเขาอย่างไม่รักษาน้ำใจ“เธออยากแต่งกับผม ผมก็ต้องแต่งกับเธอหรือไง?ผมกับเธอหมั้นกันก็เพราะความเข้าใจผิด ผมคิดว่าเธอเป็นคู่หมั้นของผม ถ้าตอนนั้นตั้งแต่แรกผมรู้ว่าเธอไม่ใช่คู่หมั้นของผม ถึงเธอเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยผมไว้ ผมก็ไม่หมั้นกับเธอ!”
ตอบแทนพระคุณมีเป็นพันหมื่นวิธี ไม่จำเป็นต้องแต่งงานเพื่อทดแทนพระคุณ
“ยิ่งไปกว่านั้น……”นัทธีมองสำรวจสุภัทรอย่างพิจารณา“ระยะนี้ผมสงสัยมาตลอด คนจิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัวและชั่วร้ายอย่างพิชญานี้ จะเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยผมไว้จริงๆเหรอ?”
พอได้ยินอย่างนั้น รูม่านตาของสุภัทรก็หดลง ดวงตามีความตื่นตระหนก
และความตื่นตระหนกนี้ ก็ถูกนัทธีจับได้พอดี
หัวใจของนัทธีหม่นลง มือที่ล้วงกระเป๋ากำไว้แน่น“ดูเหมือนว่า พิชญาจะไม่ใช่ผู้มีพระคุณที่ช่วยผมไว้จริงๆ”
สุภัทรหันหน้าไป สายตามีประกายความร้อนตัว ไม่กล้ามองเขา“แน่……แน่นอนว่าเธอใช่ จะไม่ใช่ได้อย่างไรล่ะ ตอนนั้นตอนที่คุณตื่นมา ข้างกายก็มีแค่พิชญา ไม่ใช่พิชญาแล้วจะเป็นใครได้”
“จนตอนนี้คุณยังจะมาเล่นลิ้นอีก!”สีหน้านัทธีดูโหดเหี้ยมน่ากลัว“คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอว่าคุณโกหก?”
สุภัทรอ้าปาก พูดไม่ออกทันที
สองตานัทธีหรี่ลง ถามเสียงคมกริบ“ว่ามา คนที่มีพระคุณช่วยผมไว้เป็นใครกันแน่!”
“ผมไม่รู้!”สุภัทรละสายตาลง ปกปิดการหลบหลีกของสายตา
“ไม่รู้?”ริมฝีปากบางๆของนัทธีฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็นออกไป“ไม่รู้หรือไม่อยากพูดกันแน่?”
“ผมไม่รู้จริงๆ”สุภัทรกำไม้เท้าแน่นแล้วถอนหายใจ“พิชญาบอกว่า ตอนนั้นเธอเข้าไปในห้องของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจ และตอนนั้นในห้องคุณไม่มีใครอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าคืนนั้นคุณนอนกับใครกันแน่”
เขาไม่มีทางที่จะพูดวารุณีออกมาได้ แบบนั้นมีแต่ทำให้พวกเขาแต่งงานกันไวขึ้น ยังไงการมีอยู่ของเด็กทั้งสองคน ก็ยังอยู่ที่นั่น
ตอนนี้ปิดบังไป เขากับพิชญาก็ยังมีโอกาสแยกพวกเขาออกจากกัน
มองออกว่าให้ตายยังไงสุภัทรก็ไม่พูด นัทธีก็โกรธจนหัวเราะออกมา“โอเค ไม่พูดใช่ไหม ผมจะสืบเอง ถ้าผมสืบได้ว่าคุณรู้แต่ไม่บอกผม คุณกับตระกูลศรีสุขคําของคุณจะต้องชดใช้เรื่องนี้ ผมจะให้พวกคุณรู้ว่าสวมรอยเป็นผู้มีพระคุณ จะมีผลที่ตามมาอย่างไร”
พูดจบ เขาก็ไม่สนใจสุภัทรที่หน้าขาวซีดอีก หันกลับมาดูมารุตที่อยู่ตรงข้าม“คุณส่งคนส่งเขากลับไป จับตาดูเขาตลอด”
“ครับ”มารุตที่อยู่ข้างๆตอบรับไป จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหายาม
แป๊บเดียว บอดี้การ์ดสองคนก็เข้ามา พาสุภัทรออกไป
ในห้องรับแขกอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงแต่นัทธีกับมารุตสองคน
มารุตมองสีหน้าหมองหม่นของนัทธี ก็ถอนใจด้วยความหดหู่:“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า เรื่องนั้นในตอนนั้นจะมีเงื่อนงำได้ พิชญาไม่ใช่แค่สวมรอยเป็นผู้มีพระคุณของคุณ แต่ยังหลอกคุณมาตั้งหลายปี และยังรับสิ่งดีๆจากคุณกับตระกูลไชยรัตน์มาตั้งมากมาย น่ารังเกียจจริงๆ”
นัทธีส่งเสียงในลำคอออกมา ริมฝีปากบางๆเม้มลงอย่างเย็นชา“วางใจเถอะ ผมจะให้สิ่งดีๆที่เมื่อก่อนเธอได้รับไป ค่อยๆคลายออกมาเอง เตรียมรถ!”
“ไปโรงพยาบาลไหมครับ?”มารุตถาม
นัทธีหักนิ้ว“ไปโรงแรมเมื่อห้าปีก่อนนั้น”
“เข้าใจแล้วครับ”มารุตพยักหน้า
ครึ่งชั่วโมงถัดมา ก็ถึงโรงแรม
นัทธียืนอยู่หน้าประตูโรงแรม เงยหน้าเล็กน้อย มองอาคารนี้ด้วยสายตาลึกซึ้ง
ตั้งแต่คืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน เขาก็เอาโรงแรมนี้เข้าบัญชีดำ ไม่มาอีกเลย
คิดไม่ถึงว่าวันนี้ จะมาได้
นัทธีเก็บความคิดของตัวเอง ก้าวเท้าเดินเข้าไป
มารุตรีบตามไป
ผู้จัดการในโรงแรมรู้จักนัทธี รู้ว่าเขาว่า ก็รีบออกมาต้อนรับ“ประธานนัทธี ยินดีต้อนรับการมาของคุณ ไม่ทราบว่า……”
“กล้องวงจรปิดของโรงแรมพวกคุณ นานที่สุดเก็บไว้กี่ปี?”นัทธีตัดบทของผู้จัดการไปโดยตรง เพ่งมองเขาแล้วถาม
ผู้จัดการตะลึงก่อน จากนั้นจึงตอบว่า“สิบปี หลังจากสิบปีแล้วก็จะทำลายลบทิ้งลง”
ได้ยินคำตอบนี้ นัทธีก็โล่งใจเล็กน้อย หลังจากลูบคิ้ว ก็พูดอีกว่า:“ดีมาก ผมต้องการดูกล้องวงจรปิดเมื่อห้าปีก่อน ครั้งสุดท้ายที่ผมเข้ามาพักโรงแรมของพวกคุณ”
ตอนนั้น ตอนที่เขาตื่นมา ข้างกายก็เป็นพิชญา ดังนั้นเขาก็จำได้ว่าพิชญาช่วยเขาไว้ และก็ไม่เคยเช็กเพื่อยืนยันเลย
จากนั้นผลที่ตามมา ก็ทำให้เขาจำผิดคน
“กล้องวงจรปิดครั้งสุดท้าย……”ผู้จัดการขมวดคิ้วหรี่ตาลง เริ่มคิดย้อนไปถึงวันที่นัทธีเข้าพักโรงแรมครั้งสุดท้าย
พอคิดไปคิดมา จู่ๆเขาก็เบิกตาโตขึ้น ร้องออกมาอย่างแปลกใจ
“ทำไมเหรอ?”นัทธีขมวดคิ้ว
ผู้จัดการรีบตอบ:“คือแบบนี้ สองเดือนก่อน มีคุณผู้หญิงคนหนึ่งก็มาเอากล้องวงจรปิดคืนนั้นที่ผมเหมือนกัน”
“คุณผู้หญิง?”มารุตตะลึง“ใช่พิชญาไหม?”
“พิชญาผมเคยเห็นครับ ไม่ใช่เธอ”ผู้จัดการส่ายหน้า
“งั้นเป็นใคร?”นัทธีกำหมัดแน่น
หรือจะเป็นคนที่ช่วยเขาไว้จริงๆ?
ผู้จัดการลูบคาง ทำท่าคิดย้อน“ผมไม่รู้ชื่อของคุณผู้หญิงท่านนั้น แต่ว่าหน้าตาสวยมากครับ”
“แล้วยังไงล่ะ”มารุตกลอกตาอย่างพูดไม่ออก“ผู้หญิงหน้าตาสวยมีถมเถไป คุณเปรียบเปรยแบบนี้ พวกเราจะเดาออกได้ไงว่าใคร”
ผู้จัดการหัวเราะอย่างเขินอาย
นัทธีเม้มริมฝีปากบางๆไว้แน่น“พอแล้ว ผมจะถามคุณว่า ทำไมเธอต้องดูกล้องวงจรปิดของคืนนั้นด้วย?”