พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 23 คุณอาแปลกๆ
เมื่อได้ยินคำนี้ นัทธีที่กำลังแกะซองเอกสารอยู่ก็หยุดไปชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยิบเอกสารในซองออกมา
เมื่อดูรายงานผลตรวจในบรรทัดสุดท้ายข้อความที่ว่า‘ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต ’ ริมฝีปากบางของเขาก็เม้มเข้าหากัน
อันที่จริงแล้วผลตรวจออกมาเป็นแบบนี้ เขาเองก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไร และเขาก็คาดการณ์เอาไว้แต่แรกแล้ว
ตลอดสามสิบปีมานี้ นอกจากที่เขาเกิดเหตุไม่คาดคิดกับวารุณีเมื่อห้าปีก่อนแล้ว เขาก็ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนได้เข้าใกล้เขาอีกเลย เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีลูก
แต่ไม่รู้ทำไม ในใจเขากลับรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ
แต่นัทธีก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หยิบรายงานผลตรวจนั้นทิ้งลงถังขยะใต้โต๊ะไป “พอแค่นี้ ถอนตัวคนของเราออกมา เด็กสองคนนั้นไม่ต้องไปตามเฝ้าอีกแล้ว ”
“ครับ”มารุตรับคำ
นัทธีเอนหลังพิงเก้าอี้ “เรื่องคราวที่แล้วที่ฉันถูกลักพาตัว ตรวจสอบไปถึงไหนแล้ว ?”
“พบเจอบางอย่าง และมีร่องรอยของนิรุตติ์ด้วยครับ ”
“นิรุตติ์……”นัทธีทวนชื่อนี้อีกรอบด้วยเสียงต่ำ ดวงตามีไอเย็นแผ่ซ่านออกมา“เป็นเขาจริงๆด้วย ยังไม่ทิ้งสันดานอันธพาลอีกเหรอ”
“ได้ยินคนของเราในต่างประเทศบอกว่า เขามีแผนจะกลับมาในเร็วๆนี้ ”มารุตมองไปที่ชายหนุ่มแวบหนึ่ง
ดวงตาที่เยือกเย็นของนัทธีหรี่ลง“ห้าปีแล้ว เขาควรที่จะกลับมาได้แล้ว ให้คนคอยเฝ้าดูเขาให้ดี ทันทีที่เข้ากลับมา รีบรายงานฉันทันที”
มารุตพยักหน้า จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วพูดว่า“ท่านประธานครับ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับ ”
“ว่ามา”
“เมื่อครู่ที่ท่านประชุมอยู่ คุณชายพิชิตโทรมา นัดท่านทานมื้อค่ำครับ คิดว่าน่าจะถามเรื่องการตรวจดีเอ็นเอครับ”
“อืมรู้แล้ว”นัทธีตอบกลับเสียงแผ่วเบา
ตอนค่ำ ณ ร้านอาหารสตาร์ไลท์
ปาจรีย์ถือถุงของขวัญสองถุงเดินเข้ามา “ ขอโทษด้วยนะขอโทษจริงๆ วารุณี ที่ฉันมาสาย”
“ไม่เป็นไร พวกเราก็เพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน รีบนั่งลงเร็ว ”วารุณีดึงเก้าอี้ออกมาเพื่อให้เธอนั่งลง
ปาจรีย์ก็นั่งลง แล้วยื่นถุงทั้งสองใบให้คนพี่อารัณและคนน้องไอริณ “สุขสันต์วันเกิดนะ เด็กๆที่น่ารัก”
“ขอบคุณแม่บุญธรรมครับ/ค่ะ!”เด็กทั้งสองรับของขวัญไปอย่างมีความสุข จากนั้นหญิงสาวก็จูบไปที่ใบหน้าของพวกเขาทั้งซ้ายและขวา
ปาจรีย์ยิ้มจนตาตี่ “สั่งอาหารกันหรือยัง?”
“ยังเลย แม่บุญธรรมยังมาไม่ถึง เราจะสั่งได้ยังไง อะเอาไป ”วารุณียื่นเมนูให้กับปาจรีย์
ปาจรีย์เปิดเมนูดู เลือกเมนูโปรดที่อารัณกับไอริณชอบมาสองอย่าง และส่งเมนูคืนให้กับพนักงานต้อนรับ
เพียงไม่นาน พนักงานเสิร์ฟก็เข็นรถเข็นมาเสิร์ฟอาหาร
หลังจากที่เสิร์ฟอาหารครบแล้ว พนักงานก็นำเค้กมา บนเค้กมีเทียนตัวเลขสี่ปักเอาไว้
“หม่ามี๊ เค้กสวยมากเลยค่ะ ต้องอร่อยแน่ๆ”ไอริณมองไปที่เค้กด้วยดวงตาที่เป็นประกาย และอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายไปด้วย
อารัณมือกอดอก บ่นพึมพำด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ “เค้กมันก็รสชาติเหมือนกันทั้งนั้น จะอร่อยแค่ไหนกันเชียว ?”
แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น แต่สายตาของเขาก็ไม่ได้ละไปจากเค้กนั่นเลย
เห็นความน่ารักของเด็กทั้งสองแล้ว วารุณีกับปาจรีย์ก็มองหน้ากันแล้วยิ้ม
ปาจรีย์อดไม่ได้ที่จะพุ่งเป้าไปที่ใบหน้าของอารัณ แล้วบีบบี้มันไปมา “อารัณลูกรัก หนูจะพูดตรงๆไม่ได้เลยเหรอ ? ”
“อล่อย-อ้ม-อะ ……”ใบหน้าเล็กๆของอารัณถูกบีบบี้จนเปลี่ยนรูป คำพูดที่พูดออกมาก็ไม่ชัดเจน
วารุณีปวดใจจนทนดูไม่ได้ต้องร้องบอกให้พอ “ พอได้แล้วปาจรีย์ ให้พวกเขาได้อธิษฐานขอพรกันเถอะ”
“ได้”ปาจรีย์ยังคงอาลัยอาวรณ์ที่จะปล่อยมือจากอารัณไป
ทันทีที่อารัณได้รับอิสรภาพ ก็ปีนขึ้นบนเก้าอี้ เปลี่ยนที่นั่งให้ห่างออกไปทันที
แม่บุญธรรมดีทุกอย่าง แต่ที่ชอบที่สุดคือชอบบี้หน้าของเขากับไอริณ
เขาไม่ควรนั่งใกล้กับแม่บุญธรรม
“วันนี้เป็นวันเกิดของอารัณกับไอริณ หม่ามี๊กับแม่บุญธรรมขอให้พวกหนูมีความสุขในทุกๆวัน สุขสันต์ในวันเกิดนะ”หลังจากที่ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จบ วารุณีก็ดันเค้กไปตรงหน้าของเด็กทั้งสอง
เด็กทั้งสองแก้มป่องพองลมเป่าเทียนจนดับ จากนั้นก็หลับตาอธิษฐานขอพร
ดวงตาของวารุณีเต็มไปด้วยความอ่อนโยนจ้องมองไปที่พวกเขาทั้งสอง หัวใจพลันอ่อนยวบ
วันนี้ เป็นวันเกิดครบรอบสี่ปีของเด็กทั้งสองคน ผ่านพ้นวันนี้ไป ห้าขวบก็ใกล้เข้ามาแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ
เมื่อสองปีก่อนเด็กทั้งสองยังเดินได้ไม่คล่องเลย ไม่คิดว่าเพียงพริบตาเดียว พวกเขาก็โตขนาดนี้แล้ว
วารุณีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลงเล็กน้อย
“หม่ามี๊ หนูอยากเข้าห้องน้ำ”ในตอนนี้ ไอริณที่อธิษฐานขอพรเสร็จก็พูดขึ้นมา
วารุณีที่ได้สติ กำลังจะเอ่ยปากพูด อารัณก็วางส้อมในมือลง “เดี๋ยวพี่พาเธอไป”
สองพี่น้องจูงมือกันไปเข้าห้องน้ำ
ปาจรีย์ก็ยิ้มออกมา “เด็กคนนี้ คงกลัวว่าหากเธอไปแล้ว ฉันจะไปบี้แก้มของเขาล่ะมั้ง ”
“ใครใช้ให้เธอชอบทำแบบนี้กันล่ะ”วารุณีตัดเค้กให้เธอชิ้นหนึ่ง
“ผิวของเด็กมันนิ่ม บีบบี้ไปมาเพลินดี ไม่เชื่อเธอก็ลอง……”
ยังไม่ทันได้พูดจบ มือถือของปาจรีย์ก็ดังขึ้นมาทันที
เธอวางเค้กลง หยิบมือถือออกมาแล้วมองดู สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“มีอะไร ?” วารุณีมองไปที่เธอด้วยความสงสัย
ปาจรีย์เก็บมือถือลง“แม่ฉันส่งข้อความมา บอกว่าที่บ้านมีเรื่องนิดหน่อย วารุณี ฉันคงต้องไปก่อนแล้ว ”
“ในเมื่อมีธุระ เธอก็กลับไปก่อนเลย เดินทางปลอดภัยนะ”วารุณีพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ปาจรีย์หยิบกระเป๋าขึ้นมา แล้วจากไปอย่างเร่งรีบ
หลังจากที่เด็กทั้งสองกลับมา เห็นว่าเธอไม่อยู่แล้ว ยังถามขึ้นว่า “หม่ามี๊ แม่บุญธรรมล่ะ ? ”
“แม่บุญธรรมมีธุระกลับไปก่อนแล้ว”วารุณีอุ้มเด็กทั้งสองขึ้นนั่งบนเก้าอี้ แล้วก็ตอบคำถามไปด้วย
หลังจากที่ไอริณนั่งลง ก็หยิบส้อมขึ้นมาแล้วตักเค้กชิ้นหนึ่งเข้าปากไป พูดเสียงอู้อี้ไปว่า“หม่ามี๊ เมื่อกี้ตอนที่หนูเดินกลับมากับพี่อารัณ เห็นคุณอาแปลกๆคนหนึ่ง ”
“คุณอาแปลกๆ?”วารุณีประหม่าขึ้นมาทันที “อารัณ เขาไม่ได้ทำอะไรพวกลูกใช่ไหม ? ”
แม้ว่าร้านอาหารที่นี่จะเป็นร้านหรูมีระดับ แต่ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีคนเลวปะปนเข้ามาในร้านด้วย
เมื่อหลายวันก่อนเธอยังเห็นข่าวว่ามีพวกผู้ค้ามนุษย์บางคนอาศัยเข้าร้านหรูๆ เพื่อลักพาตัวลูกเศรษฐีไปขาย
“ไม่ครับ เขาแค่ขวางเราเอาไว้แล้วจ้องมองดูพวกเรา แล้วพูดทำนองเหมือนมากอะไรประมาณนี้ จากนั้นก็ถูกผมเหยียบเท้าไปหนึ่งที และผมก็ใช้จังหวะนี้พาไอริณออกมา” อารัณส่ายหัวไปมา เพียงสองสามคำก็อธิบายทุกอย่างได้ชัดเจน
วารุณีรู้สึกโล่งใจ จากนั้นสีหน้าท่าทีก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
เหมือนมาก ?
คนที่จะเหมือนเด็กทั้งสองคนนี้ได้ ก็ต้องเป็นพ่อแท้ๆของเด็กเท่านั้น หรือคุณอาแปลกๆที่เด็กทั้งสองคนเจอ จะรู้จักกับพ่อของเด็กงั้นเหรอ ?
หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ พ่อแท้ๆของเด็กทั้งสองคน อาจจะอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หัวใจของวารุณีก็เต้นรัว สีหน้าซีดเซียวขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่ออารัณเห็นว่าเธอผิดปกติไป ก็ถามขึ้นว่า“หม่ามี๊เป็นอะไร?”
“หม่ามี๊ไม่ได้เป็นอะไร”วารุณีฝืนยิ้มออกมา
พวกเธออยู่ต่อไม่ได้แล้ว
หากพ่อแท้ๆของเด็กอยู่ที่นี่จริงๆ แล้วคุณอาแปลกๆคนนั้นเอาเรื่องที่เจอเด็กทั้งสองไปบอกพ่อแท้ๆของเด็ก
ไม่แน่ว่าคนคนนั้นก็อาจจะเข้ามาหา ถึงตอนนั้นจะมาแย่งลูกกับเธอแล้วจะทำยังไง ?
ยิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัว วารุณีลุกยืนขึ้น “อารัณ ไอริณ เรากลับกันก่อนดีไหม ?”
อารัณไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าเล็กๆที่อ่อนเยาว์ เผยให้เห็นถึงความระแวงสงสัยที่ไม่เข้ากับอายุของเขาเท่าไรนัก
มีเพียงไอริณที่มองวารุณีด้วยความงุนงงสงสัย “เพราะอะไรหม่ามี๊ เค้กยังกินไม่หมดเลย”
“เอากลับไปกินต่อที่บ้านกัน ”พูดจบ วารุณีที่กำลังจะเรียกพนักงานมา
ทันใดนั้น ไฟที่ร้าน ก็หรี่ลงทันที
เกิดอะไรขึ้น ?
ทุกคนต่างก็มึนงงสงสัย
ในตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดกำมะหยี่สีแดง หยิบไมโครโฟนแล้วเดินไปที่กลางร้านอาหาร
จากนั้นก็กระแอมไอแล้วพูดว่า“สวัสดีครับทุกท่าน ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานกิจกรรมครบรอบร้านอาหารของเรา เรามีเกมให้ทุกท่านร่วมเล่น และทางร้านจะฉายไฟส่องไปยังโต๊ะที่ถูกสุ่มเลือกให้ร่วมเล่นเกมนี้ ตอนนี้ขอช่างไฟประจำที่เราจะนับ 1 2 หยุดครับ!”
ในขณะที่ชายวัยกลางคนนับให้หยุด แสงไฟที่สว่างจ้า ก็ฉายส่องมาที่โต๊ะของวารุณี