พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 243 สุภัทรขอความช่วยเหลือ
“ผมไม่เคยพูด ตอนนั้นผมเงียบไป”นัทธีขยี้คิ้ว แก้ไขให้เธออย่างถูกต้อง
วารุณีกำฝ่ามือ“เงียบไม่ใช่ว่ายอมรับไปโดยปริยายเหรอคะ?”
“ไม่ ผมแค่ไม่อยากยอมรับเท่านั้นเอง”นัทธีส่ายหน้าเล็กน้อย“ตอนนั้นผมไม่ยอมรับ เพราะว่าทารีนาแอบจับตาดูคุณอยู่ ผมกังวลว่าถ้าผมยอมรับไป เธอจะเล่นงานคุณอย่างบ้าระห่ำ”
รูม่านตาวารุณีสั่นเล็กน้อย“เป็นแบบนี้เหรอคะ?”
“ผมไม่หลอกคุณแน่”นัทธีมองเธออย่างจริงจัง
วารุณีละสายตาลง ในหัวมีคำพูดที่สองสามวันก่อนปาจรีย์เคยพูดกับเธอ
ปาจรีย์บอกว่านัทธีชอบเธอ ดังนั้นจะต้องฟังคำพูดเธอแล้วให้อภัยพงศกร
ในใจเธอไม่เชื่อมาตลอด แต่ตอนนี้นัทธีกลับสารภาพรักเธอ……
เวลานั้น ในใจวารุณีก็ปั่นป่วน ยังไงก็สงบลงไม่ได้ ใจเต้นเร็วจนไม่อาจคืนเป็นจังหวะปกติได้
ผ่านไปสักพัก เธอจึงหายใจลึกๆ พูดออกไปว่า“งั้นคุณนวิยาล่ะ คุณเป็นอะไรกับคุณนวิยากันแน่คะ?”
“เธอถูกรับเป็นลูกสาวบุญธรรม ตอนที่แม่ผมยังมีชีวิตอยู่”นัทธีเงยตาขึ้นมาตอบ
“ลูกสาวบุญธรรม?”วารุณีกะพริบตาอย่างตกใจ“งั้นพวกคุณก็คือ……พี่น้อง?”
นัทธีเงยคางขึ้น“ใช่ ดังนั้นใครบอกคุณเหรอ คนที่ผมรักคือนวิยา?”
สักพักวารุณีจึงกลืนน้ำลายลงแล้วตอบกลับว่า“ไม่มีใครบอกฉันค่ะ แต่ตอนที่ทุกคนพูดถึงคุณนวิยากับคุณ อาการที่แสดงออกมาล้วนแต่มีความหมายที่ลึกซึ้ง ดังนั้นฉันคิดว่าพวกคุณชอบพอกัน……”
“ไม่ใช่เลย”นัทธีขมวดคิ้วตอบไป
ในใจของวารุณีโล่งอก ขณะเดียวกันก็มีความสุขเล็กน้อย
เธอคิดมาตลอดว่าเขากับนวิยาเป็นคู่กันจริงๆ ดังนั้นในใจจึงรู้สึกผิดอย่างมาก กับเรื่องเมื่อคืน คิดว่าตัวเองทำผิดต่อนวิยามาก
แต่ตอนนี้พอรู้ว่านวิยากับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้น ก็สบายใจขึ้นเยอะเลยทันที
มองรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าวารุณี ริมฝีปากบางๆของนัทธีจึงยกขึ้นเป็นมุมเล็กน้อย“ตอนนี้คุณรู้แล้ว คนที่ผมรัก มีแค่คุณคนเดียวใช่ไหม?”
วารุณีปล่อยขอบโต๊ะ อยากกลับไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้า
ไม่คิดว่าพอเธอก้าวไป ร่างก็จะดึงกลับไปที่จุดหนึ่ง เจ็บจนหน้าเล็กๆนั้นเหยเก และขาอ่อน
นัทธีเห็นแบบนี้ ก็ยืนขึ้นเลย อุ้มเธอไปที่โซฟา
หลังจากนั่งลงที่โซฟาแล้ว วารุณีจึงสบายขึ้นเยอะ ก้มหน้าลง พูดเสียงเบา“ขอโทษค่ะประธานนัทธี ฉันยังไม่อาจแต่งงานกับคุณได้ค่ะ จู่ๆคุณก็มาพูดเรื่องพวกนี้กับฉัน ทำให้ฉันไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ฉัน……”
คำพูดต่อจากนั้น เธอไม่ได้พูด นิ้วมือบิดมุมเสื้ออย่างกระวนกระวาย
เธอก็ไม่รู้ว่าการปฏิเสธติดๆกันแบบนี้ของตัวเอง จะยั่วโมโหเขาหรือเปล่า
ความจริงนั้นได้พิสูจน์แล้วว่า ความกังวลของเธอนั้นมีมากเกินไป
นัทธีไม่โกรธ แต่ยังลูบผมของเธอ“ผมเข้าใจแล้ว ผมเข้าใจคุณนะ จู่ๆผมมาพูดพวกนี้กับคุณ ก็เร็วไปจริงๆ ทำให้ในใจคุณไม่ได้เตรียมตัว คุณวางใจเถอะ รอคุณยอมรับผมแล้วค่อยพูดกันก็ได้”
ตั้งแต่แรกเขาก็รู้แล้วว่า ตัวเองพูดเรื่องแต่งงานไป ยังไม่ได้รับการเห็นด้วยของเธอทันทีแน่
ดังนั้นเขาจึงไม่ว่าอะไรที่จะรอต่อไป รอเธอพร้อม
วารุณีรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่มาจากเขา ในใจรู้สึกอบอุ่น ยิ้มออกไป“ขอบคุณค่ะประธานนัทธี”
“ไม่เป็นไร ดูคุณยังไม่ค่อยสบาย ไปนอนต่อเถอะ ทางด้านสตูดิโอของคุณ ผมช่วยคุณลากับปาจรีย์แล้ว”นัทธีชี้กระเป๋าของเธอบนโต๊ะน้ำชาแล้วพูด
วารุณีตกใจ“งั้น……หมายความว่า ปาจรีย์เธอรู้เรื่องระหว่างพวกเราแล้ว?”
“ผมไม่ได้บอกเธอ แต่ว่าเธอน่าจะเดาได้”นัทธีตอบกลับอย่างนิ่งๆ
เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ตอนเช้าเขาใช้โทรศัพท์ของเธอโทรหาปาจรีย์ ปาจรีย์ไม่คิดมากสิแปลก
วารุณีเอามือปิดหน้า
จบเห่แล้ว
ปาจรีย์เป็นคนปากมาก เชื่อว่าไม่นานหรอก เรื่องที่เธอค้างคืนกับนัทธี จะต้องไปถึงหูแม่เธอแน่
นัทธีอุ้มวารุณีกลับไปที่ห้อง
วารุณีไม่สบายใจอยู่เล็กน้อยจริงๆ หลังจากนอนลงบนเตียง ถูไถหมอน หลับตาลง ก็นอนหลับไปอีก
หลังจากนัทธีคลุมผ้าห่มให้เธอแล้ว จึงออกไปจากห้องเบาๆ กลับไปที่ห้องรับแขก
ตอนนี้เอง ออดประตูก็ดังขึ้น
นัทธีไปเปิดประตู มารุตยืนอยู่ด้านนอกประตู“ประธานครับ”
“เข้ามาสิ”นัทธีหันกลับเดินเข้าไปข้างใน
มารุตเข้ามาแล้ว ปิดประตูลง ตามเขาไปที่ห้องทำงาน
“ประธานครับ ตระกูลศรีสุขคําจบเห่แล้ว ตอนนี้สุภัทรกำลังชำระบัญชีทรัพย์สิน รอชำระบัญชีออกมา ก็จะประกาศว่าล้มละลาย”มารุตรายงานออกไป
นัทธีหัวเราะอย่างเย็นชา“ที่จริงล้มละลายก็เป็นแค่เรื่องภายนอก คนเจ้าเล่ห์อย่างสุภัทร ยังมีอสังหาริมทรัพย์และวัตถุโบราณในมืออีกจำนวนมาก เอาไปขายแล้วก็ยังมีเงินเหมือนเดิม”
“ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่ไม่มีธุรกิจ เงินจำนวนนั้นของเขา ก็น่าจะประทังไปได้ไม่นานเท่าไหร่หรอก”มารุตดันแว่นแล้วพูด
“ดังนั้นเขาจะต้องหาหนทางไปก่อตั้งบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปใหม่อีกครั้ง คุณจับตาดูเขาไว้ แค่เขาจะก่อตั้ง ก็บีบให้ผมซะ”มือนัทธีที่วางอยู่บนโต๊ะหนังสือกำแน่น ใบหน้าหล่อเหลานั้นกำชับออกไปอย่างสีหน้าหม่น
“เข้าใจแล้วครับ!”มารุตตอบไป ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจสุภัทร
ตาแก่นั่นทุ่มสุดตัว อยากให้พิชญามีความสัมพันธ์กับประธานใหม่อีกครั้ง คิดว่าแบบนี้ตระกูลศรีสุขคําก็จะพึ่งพาตระกูลไชยรัตน์ได้ ทำอะไรก็ราบรื่น แต่ตาแก่นั่นไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเดินไปถึงจุดที่ต่ำที่สุดได้ ไม่ใช่แค่ทำปัจจุบันให้หมดสิ้น แต่ยังลากอนาคตเข้าไปด้วย
และก็ไม่คิดบ้างเลยว่า ประธานจะเป็นคนที่ทำให้พวกเขาบรรลุตามแผนได้จริงๆเหรอ?ถึงแม้ประธานจะมีความสัมพันธ์กับพิชญาอีกครั้ง ประธานก็ไม่ช่วยดึงตระกูลศรีสุขคําหรอก ไม่งั้นห้าปีนี้ ตระกูลศรีสุขคําก็คงบินขึ้นสู่ฟ้าแล้ว!
“พิชญาเป็นไงบ้าง?”นัทธีเอนไปด้านหลัง นิ้วทั้งสิบประสานไปที่หัวเข่าแล้วถาม
“พิชญาฟื้นมาแล้วครับ ตอนนี้พักอยู่ที่โรงพยาบาล เธอบาดเจ็บหนักมาก”มารุตไอเบาๆแล้วพูด
นัทธีเลิกคิ้วขึ้น สื่อว่าให้เขาพูดต่อ
มารุตผายมือออก“เธอมีลูกไม่ได้อีกแล้วครับ และส่วนขานั้น เพราะว่ายังฟื้นตัวได้ไม่ดี กระดูกก็อยู่ในตำแหน่งที่ผิดอีก ต่อไปน่าจะพิการ เดินกะเผลกอะไรอย่างนั้นครับ”
ซึ่งรู้จักกันว่าคนพิการ
นัทธีได้ยินคำนี้ ใบหน้าก็ยังไม่มีอาการใดๆ เย็นชาจนทำให้คนรู้สึกสั่นกลัว“รอเธอออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ก็ปล่อยเธอไปที่โรงพยาบาลประสาท กำชับหมอกับพยาบาลทางนั้นไปว่า ดูแลเธอดีๆ!”
ดูแลเธอดีๆห้าคำนี้ ถูกเขาเน้นน้ำเสียง
มารุตรู้ความหมายของเขาดี พยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“เข้าใจแล้ว อีกอย่าง เกี่ยวกับยาที่พิชญาวางใส่คุณ ผมก็สืบแหล่งที่มาได้แล้ว เป็นนักเลงคนหนึ่งเอาให้เธอ เมื่อก่อนนักเลงคนนั้นเป็นเพื่อนบ้านของพวกเธอสองแม่ลูก เพราะว่ามีลูกน้องหลายสิบคน ดังนั้นพิชญาจึงไม่เคยหยุดการติดต่อกับเขาเลย และพวกเขาสองคน……”
พูดถึงตรงนี้ มารุตจึงมองไปที่หัวของนัทธี ดูลำบากใจที่จะพูด
สายตาของมารุตนั้นชัดเจนมาก นัทธีแค่มองก็เข้าใจความหมายในนั้น ใบหน้าหล่อเหลานั้นดำจนเหมือนน้ำหมึก ความเยือกเย็นรอบๆตัวก็กระจายออกมา
“ผู้ชายคนนั้น เป็นชู้กับพิชญาใช่ไหม?”นัทธีหรี่ตาลงพูด
มารุตตกใจ“ประธานคุณรู้ด้วยเหรอครับ?”
“วารุณีเคยบอกผม”
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”มารุตพยักหน้าทันที แป๊บเดียวสายตาก็ดูซีเรียสขึ้นมาอีกครั้ง“พวกเขาเป็นชู้กันนานแล้วครับ ก่อนที่พิชญากับประธานจะหมั้นกันอีก หลายปีมานี้ ผู้ชายคนนั้นก็ช่วยพิชญาทำเรื่องผิดศีลธรรมมากมาย”
“งั้นก็สืบ สืบได้แล้วโทรหาสถานีตำรวจ เนื้อร้ายแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องเอาไว้”นัทธีส่ายมือ
มารุตตอบรับ จากนั้นก็รายงานเรื่องอื่นๆอีกเล็กน้อย แล้วจึงออกไป
นัทธีอยู่จัดการเอกสารอยู่ในห้องทำงาน จัดการจนถึงเที่ยง แล้วจึงลุกขึ้นออกไปเทน้ำชา
เทน้ำชาเสร็จ เขาผ่านห้องนอน จู่ๆก็ได้ยินเสียงพูดจากข้างใน“อะไรนะ?คุณจะให้ฉันไปพูดกับประธานนัทธี ให้เขาหยุด?