พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 246 โอกาสจีบ
“วารุณี ฉันไม่ได้พูดมั่วซั่ว”ปาจรีย์เอื้อมไปที่ข้างหูเธอแล้วหัวเราะอย่างร้ายกาจ
“เมื่อกี๊ฉันถามประธานนัทธีแล้ว ประธานนัทธีบอกว่าเขายอมแต่งงานกับเธอ ถึงเธอจะปฏิเสธเขาก็ไม่ยอมแพ้ ที่สำคัญก็คือ เขาไม่รังเกียจเด็กทั้งสองคน เป็นผู้ชายแสนดีสุดๆ ดังนั้นเธอต้องคิดดีๆนะ ยังไงการเติบโตของเด็กสองคน ก็ต้องมีพ่อจริงๆ”
พูดคำนี้จบ ปาจรีย์ก็หนีไปอย่างรวดเร็ว
วารุณีมองแผ่นหลังของเธอ ส่ายหน้าด้วยความโกรธและตลก
แต่คำพูดของเธอ กลับจี้จุดในใจเธอ นั่นก็คือการเติบโตของเด็กทั้งสองจำเป็นต้องมีพ่อ……
วารุณีละสายตากลับมาจากปากทางเข้าบ้าน เอาไปไว้ที่นัทธี“ประธานนัทธี คุณอยากจะคบกับฉันจริงๆเหรอ?”
“ผมไม่จำเป็นต้องหลอกคุณกับเรื่องนี้ นั่นไม่มีประโยชน์กับข้อดีใดๆกับผมเลยไม่ใช่เหรอ?”นัทธีเงยตาขึ้นมา สบตากับเธอด้วยสายตาจริงจัง
วารุณีมองดวงตาที่ลึกซึ้งเหมือนบ่อน้ำของเขา หัวใจเต้นอย่างแรง ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะเอามือวางที่หัวใจ อยากจะพูดอะไร กลับพูดไม่ออก
นัทธียืนขึ้นมา ยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอ น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นมาก“ผมรู้ว่า ที่ผมพูดกับคุณเมื่อเช้า ภายในเวลาสั้นๆทำให้คุณไม่อาจจะเชื่อได้ แต่ผมหวังว่าคุณจะให้โอกาสผมจีบคุณ มาพิสูจน์ความจริงใจของผม โอเคไหม?”
วารุณีมีความรู้สึกให้เขาอยู่แล้ว ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็พูดปฏิเสธไม่ออก พยักหน้าออกไป“โอเคค่ะ……”
บางทีแบบนี้ก็ไม่เลว ให้โอกาสเขาครั้งหนึ่ง ถ้าสุดท้ายแล้วพวกเขาเดินไปด้วยกันได้จริงๆ แต่งงานกัน เธอก็จะบอกตัวตนที่แท้จริงของลูกทั้งสองแก่เขา
ถ้าสุดท้ายแล้วไม่ได้เดินไปด้วยกัน เธอก็ยังมีทางออก เธอก็ยังเลี้ยงลูกทั้งสองคนได้ทุกเมื่อ
พอคิดแบบนี้ ความสับสนในใจวารุณีก็คลายออก
นัทธีก็รู้สึกได้ว่าเธอดูผ่อนคลายขึ้นเยอะ ถึงจะไม่รู้สาเหตุ แต่ก็ไม่ได้ถาม ยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา“ไปเถอะ ป้าส้มทำอาหารเสร็จแล้ว ไปกินที่ห้องผม”
วารุณีอยากจะปฏิเสธอย่างไม่รู้ตัว
แต่จากนั้นก็คิดได้ว่าตัวเองเพิ่งรับปากไปว่า จะให้โอกาสเขาจีบตัวเอง เอาคำปฏิเสธกลืนลงไป เปลี่ยนเป็นพูดว่า“ค่ะ”
ทั้งสองคนเดินตามกันออกไปจากคอนโด ไปที่คอนโดตรงข้าม
สองสามวันถัดมา นัทธีแทบจะมาที่ห้องวารุณีทุกวัน อาหารเช้าหรืออาหารเย็นก็มากินที่ห้องเธอ แม้แต่ออกไปข้างนอกก็ส่งเด็กทั้งสองคนไปโรงเรียนอนุบาลก่อน จากนั้นค่อยไปส่งเธอที่สตูดิโอ ทำให้รถของเธอไม่ต้องใช้ประโยชน์เลย
วารุณีรู้ว่า นี่คือวิธีการจีบของนัทธี และเธอก็ค่อยๆคุ้นเคยวิธีการของเขาแล้ว ถึงแม้ไม่โรแมนติกอะไร แต่จริงๆแล้ว ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นมาก
วันนี้ วารุณีกำลังตัดสูทชดใช้ให้นัทธีในออฟฟิศ จู่ๆประตูออฟฟิศก็มีคนเปิดออก
วารุณีถูกรบกวนการทำงาน ก็เงยหน้าไปมองอย่างไม่ค่อยพอใจ พอมองเห็นคนที่มา ในดวงตาก็มีความแปลกใจแวบเข้ามา แต่แป๊บเดียวก็ละคืนกลับไป ตะโกนไปทางคนที่เข้ามาว่า“ผู้อำนวยการนิรุตติ์!”
นิรุตติ์พิงขอบประตู ยิ้มอย่างร่าเริงให้เธอ“ไง ไม่เจอกันนานเลย!”
“คุณมาได้ไงคะ?”วารุณีวางกรรไกรในมือลง
นิรุตติ์ก้าวเท้าเข้ามา เดินมาหยุดตรงข้ามโต๊ะทำงานของเธอ มองสูทผู้ชายที่ตัดไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นมา“คุณเชี่ยวชาญด้านการออกแบบเสื้อผ้าผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”
สายตาวารุณีเป็นประกายเล็กน้อย“ถึงแม้จะเชี่ยวชาญเสื้อผ้าผู้หญิง แต่เสื้อผ้าของผู้ชายพวกเราก็ต้องเรียนค่ะ ไม่แปลกอะไร”
“แต่ว่าคุณตัดเองกับมือก็แปลกแล้ว”แว่นตาของนิรุตติ์สะท้อนแสง“ดูจากไซซ์ของเสื้อผ้าแล้ว ให้นัทธีสินะ?”
เขาเดาได้ทันที ในใจวารุณีก็ตกใจเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกมา พับเสื้อผ้าเสร็จ จึงถามอย่างทนไม่ไหวเล็กน้อย“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณมีเรื่องอะไรกันแน่?”
นิรุตติ์เห็นเธอเลี่ยงไม่ตอบ ก็ถอนหายใจ“ครั้งที่แล้วผมยังบอกเรื่องที่นัทธีกำลังตามสืบอยู่เลย ตอนนี้คุณกลับทำแบบนี้กับผม เฮ้อ……ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ โอเคๆ ผมมาเพราะอยากแน่ใจกับคุณเรื่องหนึ่งว่า คุณคบกับนัทธีแล้วใช่ไหม?”
ท่าทางของวารุณีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่รู้จะตอบไปอย่างไร
ถ้าบอกว่าเธอคบกับนัทธีแล้ว ก็ไม่ใช่ ยังไงเธอก็ยังไม่ตกลง แต่ถ้าบอกว่าไม่ได้คบกัน ก็ดูห่างไกลไปหน่อย
ยังไงสองสามวันนี้ พวกเขาก็ตัวติดกันไม่ห่าง แม้กระทั่งป้าส้มก็ยังเอาของใช้ส่วนตัวบางอย่างของนัทธีย้ายมาที่คอนโดของเธอ ส่วนในคอนโดของนัทธี ก็มีของเธอกับลูกสองคนไม่น้อยเลย เช่นรองเท้าแตะของใช้อาบน้ำเป็นต้น ตามแนวโน้มนี้แล้ว ถ้าพวกเขาคบกัน ก็ถือว่าเป็นไปได้ตามธรรมชาติ
เห็นวารุณีเงียบ ดวงตาที่อยู่หลังแว่นของนิรุตติ์ก็ส่องแสงเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะ“ดูเหมือนจะจริงนะ”
วารุณีไม่ได้ตอบโต้เขา แต่เม้มริมฝีปากสีแดงนั่น“ผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณจะทำอะไรกันแน่?”
“ยังจำที่ผมพูดในโทรศัพท์หลายวันก่อนได้ใช่ไหม ที่จริงผมจะพาคุณไปสถานที่หนึ่ง แต่ตอนนี้คุณคบกับนัทธีแล้ว งั้นก็ช่างมัน แต่ว่าผมกลับมีเรื่องหนึ่งจะให้คุณทำ”นิรุตติ์หรี่ตาลง ยิ้มอย่างร้ายกาจ
วารุณีเห็นเขายิ้มแบบนี้แล้ว ก็ใจเต้นตึกตัก ดูระวังตัวขึ้นมา“เรื่องอะไรคะ?”
“คุณวางใจเถอะ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงมหันต์อะไร เรื่องที่ผมจะให้คุณทำง่ายมาก ก็แค่สอบถามจากนัทธีให้ชัดเจนว่าพินัยกรรมที่คุณปู่ทิ้งให้เขาอยู่ที่ไหน จากนั้นก็ขโมยมาให้ผมก็พอ”
พูดถึงตรงนี้ ร่างของนิรุตติ์ก็เขยิบหน้ามาเล็กน้อย เข้าไปใกล้เธอ แล้วพูดอีกว่า“แค่คุณทำภารกิจนี้เรียบร้อย บุญคุณที่คุณค้างผมไว้ก็จะคืนหมด และผมก็จะไม่บอกนัทธีว่า ลูกทั้งสองของคุณเป็นของเขา”
ตุ้บ!
เขาเพิ่งพูดจบ เสียงสิ่งของหนักๆก็ตกลงมา มาจากหน้าประตู
นิรุตติ์ขมวดคิ้ว มองไปพร้อมกับวารุณี
มองเห็นปาจรีย์ยืนอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าที่ดูตกใจ อ้าปากกว้างออกมา“วารุณี เขาพูดอะไรน่ะ เด็กทั้งสองคนเป็น……”
“ปาจรีย์ เธอออกไปก่อน!”วารุณีคิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญอย่างนี้ ความลับนี้ปาจรีย์มาได้ยิน จึงลูบขมับอย่างปวดหัวเล็กน้อย
ในใจปาจรีย์มีข้อสงสัยมากมาย แต่มองเห็นท่าทางเคร่งขรึมของเพื่อนสนิทแล้ว จึงได้ระงับคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่งลงไป แล้วหันกลับออกไป
ในออฟฟิศเงียบลงใหม่อีกครั้ง
นิรุตติ์ผายมือออก พูดด้วยใบหน้าที่บริสุทธิ์“นี่อย่าโทษผมนะ ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆผู้หญิงคนนั้นจะมาปรากฏตัว แล้วก็ได้ยินพอดีอีก”
วารุณีมองเขาอย่างเยือกเย็น“พอเถอะค่ะผู้อำนวยการนิรุตติ์ พูดธุระดีกว่าค่ะ คุณเพิ่งบอกว่าจะให้ฉันไปถามพินัยกรรมของปู่พวกคุณกับประธานนัทธีใช่ไหมคะ?”
“ถูกต้อง”นิรุตติ์พยักหน้า
วารุณีกัดริมฝีปาก“ทำไมต้องฉันล่ะ เรื่องพินัยกรรม คุณไปถามประธานนัทธีเองก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้านัทธียอมบอกผม ผมก็ไม่มาหาคุณหรอก ส่วนทำไมต้องให้คุณไปนั้น ก็เพราะว่าคุณคือผู้หญิงของเขา เขาไม่ระวังตัวจากคุณเลย ดังนั้นคุณจะต้องถามมาได้แน่”นิรุตติ์ดันแว่นอย่างเด็ดเดี่ยว
วารุณีกำฝ่ามือ“ขอโทษนะคะผู้อำนวยการนิรุตติ์ คุณก็บอกแล้ว ฉันคือผู้หญิงของเขา ดังนั้นทำไมฉันต้องหักหลังเขาเพื่อคุณด้วย คุณเปลี่ยนคำขออย่างอื่นดีกว่าค่ะ และคุณก็อย่าเอาเรื่องลูกมาขู่ฉันเลย ฉันคบกับเขา คุณคิดว่าฉันจะไม่เอาเรื่องลูกไปบอกเขาเหรอคะ?”
นิรุตติ์ตะลึงเล็กน้อย เหมือนจะคิดไม่ถึงตรงนี้
แต่แป๊บเดียว เขาก็กลับไปเอ้อระเหยลอยชายอย่างเดิม“โอเค ตรงนี้ผมไม่ได้คิดมาก่อน แต่ไม่เป็นไร ผมยังมีหมาก แค่คุณรับปาก ผมก็จะบอกความลับคุณอย่างหนึ่ง ความลับที่เกี่ยวกับการตายของพ่อแม่นัทธี ว่าไง?”