พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 256 เธอตายแล้วจริงๆเหรอ
“ฉันจะไปค้นดู”หูของปาจรีย์เข้าไปใกล้ตรงหน้าโทรศัพท์ ได้ยินคำนี้ ก็ไปตรงหน้าคอมของวารุณีเพื่อค้นทันที
วารุณีก็เดินไป ยืนถอนหายใจอยู่หลังปาจรีย์“งั้นตอนนี้พิชญาเป็นไงบ้าง?”
“ผมไม่ทราบครับ ผมไม่ได้ไปดู แต่จากอาการของตำรวจพวกนั้นกับเจ้าหน้าที่พยาบาลแล้ว ดูไม่ค่อยดีนัก น่าจะ……”
คำพูดจากนั้น นักสืบไม่พูด
แต่ความหมายนั้นทุกคนต่างรู้
วารุณีบีบฝ่ามือ
ห้องของพิชญาอยู่ชั้นที่สิบสอง ทุกชั้นสูงเฉลี่ยอยู่ที่สามเมตร ชั้นที่สิบสองก็สามสิบหกเมตร
กระโดดลงมาด้วยความสูงแบบนี้ คนไม่รอดแน่นอน!
“มีแล้ว!”ตอนนี้เอง ปาจรีย์ก็เปิดข่าวที่พิชญากระโดดตึก
วารุณีมองหน้าจอคอมทันที ในหน้าจอมีคลิปหนึ่ง วิดีโอสั่นมาก และก็พร่ามัว น่าจะเป็นคนที่ผ่านมาใช้โทรศัพท์ถ่ายไว้
เห็นแค่ในวิดีโอ ผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดโรงพยาบาลประสาท ผมเผ้ายุ่งเหยิงมองใบหน้าไม่ชัด นั่งหันหลังออกไปด้านนอกบนหน้าต่างชั้นสิบสอง จากนั้นวินาทีถัดมา จู่ๆหญิงสาวก็ล้มถอยหลังไป ตกลงมาจากหน้าต่าง และยังตกลงมาด้วยความเร็ว
ไม่กี่วินาทีถัดมา หญิงสาวล้มลงพื้น ร่างกายสั่นอย่างรุนแรง และก็ไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป มีเพียงของเหลวสีแดงสดเท่านั้นที่ไหลออกมาจากร่างของหญิงสาว
ฉากนี้ ทำเอาปาจรีย์ตกใจจนกรีดร้องออกมา แล้วปิดตาไม่กล้าดูอีกทันที
วารุณีก็ตกใจไม่น้อย สีหน้าซีดขาว ปิดคอมด้วยมือที่สั่น
“วารุณี……นั่นใช่พิชญาจริงๆเหรอ?”ปาจรีย์เอามือออกมาจากดวงตา ถามเสียงสั่น
วารุณีคิดย้อนถึงฉากที่หญิงสาวกระโดดลงจากตึก อ้าปากตอบไปว่า“ฉันไม่รู้ ฉันไม่เห็นหน้าของเธอ แต่หุ่นเหมือนพิชญามาก และหน้าต่างนั้น ก็เป็นหน้าต่างของห้องพิชญาจริงๆ”
“งั้นแบบนี้ ก็เป็นพิชญาจริงๆ?ไม่นึกว่าเธอจะกระโดดตึกจริงๆ!”ปาจรีย์กลืนน้ำลาย ถอนหายใจอย่างไม่อยากจะเชื่อ
วารุณีก็ไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้า เธอไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
จากนั้น เธอก็คิดได้ว่าสายยังไม่วาง จึงเอาโทรศัพท์วางกลับไปที่หูอีก สูดลมหายใจไปมาลึกๆ แล้วจึงพยายามสงบอารมณ์“ฮัลโหล สถานการณ์ตอนนี้เป็นไงบ้างคะ?”
“คุณวารุณีรอก่อนนะครับ ผมจะไปดูใกล้ๆ”
พูดไป นักสืบก็เดินหน้าไป
เดินไปประมาณสิบกว่าเมตรได้ รถคันหนึ่งหยุดลงที่หน้านักสืบ
นักสืบเห็นคนสวมชุดกาวน์คนหนึ่งออกมาจากด้านใน รีบเดินไปที่ตำรวจนำทาง
มองชุดกาวน์สีขาวนั้น นักสืบหยุดฝีเท้าลงทันที รู้ว่าไม่จำเป็นต้องไปอีกแล้ว
“คุณวารุณี พิชญาเสียแล้ว เมื่อครู่หมอนิติเวชมาแล้ว”นักสืบเอาโทรศัพท์วางไว้ข้างหู
ริมฝีปากของวารุณีขยับ สักพักจึงตอบกลับไปว่า“ฉันเข้าใจแล้ว”
โทรศัพท์เสร็จ วารุณีวางโทรศัพท์ลง นั่งไปที่เก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง
ปาจรีย์มองเธอ“ตายแล้วจริงๆเหรอ?”
“หมอนิติเวชมาแล้ว”วารุณีพยักหน้า
หมอนิติเวชถึงจะเป็นหมอ แต่ไม่ได้ช่วยคน แต่ว่าชันสูตรศพ
มีแค่ศพ ถึงทำให้หมอนิติเวชปฏิบัติการได้
ปาจรีย์ก็เงียบลง นานมากว่าจะพูดใหม่อีกครั้ง“เธอดูสิเธอตายได้ยังไงกัน ถึงฉันจะเกลียดพิชญามาก แต่ว่าไม่เคยคิดว่าเธอจะตาย”
วารุณีจะไม่ใช่แบบนี้ได้ไงกันล่ะ
เกลียดพิชญานั่นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ให้พิชญาตาย เธอไม่เคยคิดมาก่อน
“แต่ฉันเข้าใจมาก”ปาจรีย์นั่งลง ถอนหายใจแล้วพูด“เธอถูกผู้ชายจำนวนมากรังแกอย่างนั้น ร่างกายถูกทำลาย ขาก็เป๋ จะมีความรู้สึกไม่กลัวตายก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็น่าจะฆ่าตัวตาย”
วารุณีไม่พูด สายตามองไปที่เอกสารเล่มหนึ่งบนโต๊ะ นั่นเป็นผลดีเอ็นเอของพิชญากับสุภัทร
เธอเพิ่งจะรู้ว่าพิชญาไม่ใช่ลูกสาวของสุภัทร คิดไม่ถึงว่าต่อมาพิชญาจะฆ่าตัวตาย
งั้นเอกสารฉบับนั้น ทิ้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ คนตายไปหนี้ก็หายไป ถึงสุดท้ายบอกสุภัทรไปว่า พิชญาไม่ใช่ลูกสาวของเขา ก็ไม่มีความหมายแล้ว!
ตอนที่วารุณีคิดว่าจะทำลายเอกสารนี้ไหม ปาจรีย์สูดหายใจลึกๆด้วยความตกใจ“การตายของพิชญาอนาถมาก”
“ทำไม?คนในเน็ตกล้ามาก แล้วยังกล้าเอารูปแบบนี้ลงอีก?อีกอย่างเธอไม่กลัวเหรอ?”วารุณีได้สติคืนมา ขมวดคิ้ว สายตามองเธออย่างประหลาดใจ
ปาจรีย์กลอกตา“อะไรเนี่ย ในเน็ตต้องไม่มีรูปแบบนั้นอยู่แล้ว ตำรวจไซเบอร์ต้องจับตาดูในเน็ตแน่ พอพวกเขาลงก็ขึ้น 404 ฉันก็แค่ฟังนักข่าวคนหนึ่งอธิบาย”
เธอชี้ไปที่โทรศัพท์ของตัวเอง“นักข่าวคนนั้นบอกว่า ตอนที่พิชญาตกลงพื้น เอาหน้าลง หน้าเละไปหมดเลย จึงมองหน้าไม่ชัด ดังนั้นฉันถึงบอกไงว่าตายได้อนาถมาก!”
“เดี๋ยวนะ เธอบอกว่าส่วนหน้าของเธอลงใส่พื้น?”วารุณีหรี่ตาลงอย่างสงสัย
ปาจรีย์พยักหน้า“ใช่ นักข่าวคนนี้บอกแบบนี้”
“แต่เธอไม่รู้สึกว่าแปลกเหรอ?”
“แปลกตรงไหน?”ปาจรีย์มองเธอ
วารุณีละสายตาลง“แน่นอนว่าส่วนที่พิชญาเอาหน้าลงไง เธอยังจำตอนที่พวกเราดูวิดีโอได้ไหม เธอนั่งหันหลังให้หน้าต่างใช่ไหม?”
“จำได้”ปาจรีย์พยักหน้า
“ดังนั้นตอนที่เธอตกลงไป ก็น่าจะเอาหลังชนที่พื้นสิ ทำไมเอาหน้าลงพื้นได้ เธอคงพลิกตัวกลางอากาศไม่ได้หรอกมั้ง?ใครจะไปทำได้?”วารุณีกำมือ พูดเสียงหม่น
“เอ่อ……”ปาจรีย์ก็ได้สติคืนมา นี่มันไม่ค่อยถูกจริงๆ
วารุณียืนขึ้นมา“ศพ มีปัญหา!”
ได้ยินดังนั้น ปาจรีย์ก็ยืดหลังตรงด้วยความหวาดเสียว รู้สึกว่าขนลุกไปทั่วร่างกาย อดไม่ได้ที่จะสะกิดแขน“วารุณีเธออย่าพูดเลย นี่มันน่ากลัว หรือว่าศพถูกคนแอบสับเปลี่ยน?”
“นี่ก็เป็นไปไม่ได้ ศพร่วงลงพื้นแล้ว คนตั้งมากมายเห็น ใครจะไปแอบสับเปลี่ยน?”วารุณีส่ายหน้า“อีกอย่าง ยังมีอีกจุดที่น่าสงสัย!”
“น่าสงสัยตรงไหน?”ปาจรีย์รีบถาม
วารุณีหลับตาลง ตอนที่ลืมตามาอีกครั้ง สายตาก็ดูจริงจัง“ก็ที่พิชญากระโดดตึกไง ปาจรีย์ ถ้าเป็นเธอกระโดดตึก เธอจะเลือก หันหน้าไปทางหน้าต่าง หรือว่าหันหลัง?”
“เหลวไหล ด้านหน้าสิ ใครจะหันหลังกระโดดตึกล่ะ ยังไงซะฉันก็ไม่……”
พูดถึงตรงนี้ เหมือนว่าปาจรีย์จะตระหนักอะไรได้ ดวงตาเบิกกลมด้วยความสยอง“ไม่มั้ง วารุณี เธอคงไม่บอกใช่ไหมว่า มีความเป็นไปได้ที่พิชญาจะไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ถูกคนจัดท่าอย่างนั้น ผลักลงไป?”
“นี่ฉันแค่เดาเฉยๆ เพราะว่าฉันรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นท่าที่เธอกระโดดตึก หรือว่าสภาพหลังจากศพตกลงไปที่พื้นนั้นต่างผิดปกติหมด ดังนั้นฉันจึงสงสัยแบบนี้ แน่นอนว่าฉันอาจจะคิดมากไป แต่ไม่ว่าอย่างไร ฉันอยากไปดูสถานที่เกิดเหตุ”
พูดไป เธอก็ยืนขึ้นมา เดินไปที่ชั้นวางแล้วหยิบกระเป๋า
ปาจรีย์ก็ยืนขึ้นตาม“นี่มันน่าดูตรงไหน คนที่ตายคือพิชญา ไม่ว่าเธอถูกคนฆ่า หรือว่าฆ่าตัวตาย ก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา เธออย่าสนใจเลย แล้วก็ เธอไม่กินข้าวเหรอ?”
วารุณีปิดปากคลื่นไส้ออกมา สีหน้าดูแย่“เธอว่าฉันดูคลิปนั้นแล้ว ยังจะกินลงเหรอ?”
ปาจรีย์ได้ยินคำนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไป ไม่พูดเรื่องกินข้าวอีก
วารุณีออกไปจากสตูดิโอ เดินไปที่ลิฟต์
ปาจรีย์พูดถูก การตายของพิชญาไม่เกี่ยวข้องกับเธอจริงๆ เธอไม่จำเป็นต้องไปสนเรื่องพวกนี้ แต่ในใจเธอก็ยังมีข้อสงสัยอย่างหนึ่งที่ไม่ได้บอกปาจรีย์ นั่นก็คือคนที่ตาย ใช่พิชญาจริงๆเหรอ?
ถึงแม้รูปร่างจะคล้ายมาก แต่คนที่รูปร่างคล้ายกันก็มีเยอะมาก และที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าจะก่อนกระโดดตึกหรือว่าหลังกระโดดลงมาที่พื้น ก็มองไม่เห็นหน้าของพิชญา ดังนั้นเธอจึงสงสัยว่าท่ากระโดดตึกของพิชญานั้นแปลกๆ รวมทั้งศพที่เอาหน้าลง ต่างก็เพื่อปกปิดใบหน้าของผู้ตาย
กำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าของวารุณีก็ดังขึ้นมา