พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 260 ศพคือพิชญา
“ไม่เลย”นัทธีส่ายหน้า จากนั้นก็พูดไปอีกว่า“เหมาะสมมาก”
“งั้นก็ดี”วารุณีหัวเราะอย่างโล่งอก“นี่คือชุดสำเร็จผู้ชายที่ฉันตัดเป็นครั้งแรก กลัวว่าจะไม่เหมาะเสียอีก”
“ครั้งแรก?”นัทธีเลิกคิ้วขึ้น อารมณ์ก็ยิ่งรู้สึกมีความสุข
วารุณีพยักหน้า“ใช่ เมื่อก่อนแค่ตัดแบบมาเฉยๆ ตัดชุดสำเร็จออกมาถือเป็นครั้งแรก ฉันนี่มีพรสวรรค์จริงๆ”
เธออดไม่ได้ที่จะชมตัวเอง
นัทธีมองท่าทางภูมิใจของเธอ สายตาก็มีรอยยิ้มแฝงไว้ จากนั้นเงยคางเธอขึ้นมา จูบลงไปที่ริมฝีปากของเธอ “นี่คือรางวัลที่ให้กับคนมีพรสวรรค์”
หน้าเล็กๆของวารุณีแดงก่ำ ดวงตาโตๆทั้งสองข้างก็มองไปที่เขา น่ารักมาก
สายตาของนัทธีหม่นลงไป ลูกกระเดือกขยับไปมา จากนั้นก็จูบอีกครั้ง
ครั้งนี้ ไม่ใช่จูบที่แค่แตะไปอย่างเดียวแล้ว ลิ้นของเขาเปิดปากของเธอออก เข้าไปข้างใน เต้นรำไปมากับลิ้นของเธอ
“อื้อ……”วารุณีส่งเสียงในลำคอออกมาอย่างทนไม่ไหว จากนั้นท้ายทอยก็ถูกนัทธียกขึ้นมา จูบอย่างลึกซึ้ง
จากนั้น วารุณีก็ค่อยๆเกิดความรู้สึก มือทั้งสองข้างอดไม่ได้ที่จะโอบคอของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มรู้สึกถึงการตอบสนองของเธอ ดวงตาก็เป็นประกาย อุ้มเธอขึ้นมาทันที วางไว้ที่โต๊ะทำงาน
วารุณีรู้ว่าเขาจะทำอะไร พยายามดันเขาออก หน้าแดงก่ำนั้น พูดอย่างหอบเหนื่อยไปว่า“อย่าทำตรงนี้……กลับไปที่ห้อง!”
“โอเค!”นัทธีตอบกลับด้วยเสียงแหบแห้ง เอาขาทั้งสองข้างของเธอวางไว้ที่เอวเขา จากนั้นยันต้นขาของเธอไว้ อุ้มเธอออกไปจากห้องทำงาน เดินไปที่ห้อง
คืนนี้ ก็ผ่านไปอย่างสุขสม
วารุณีไม่รู้ว่าโดนชายหนุ่มต้องการไปนานแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะขอร้องอย่างไร ชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยเธอ และสุดท้าย เธอผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ตอนที่ตื่นมาอีกครั้ง ก็สิบโมงกว่าของเช้าวันถัดมา
วารุณีหันหน้ามองไปด้านข้าง ตรงนั้นไม่มีคนอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าหมอนที่จมลงไปพิสูจน์ ก็เหมือนว่าตรงนั้นไม่เคยมีคนนอนมาก่อน
วารุณีอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไป ลูบตำแหน่งที่นัทธีเคยนอน
ตรงนั้นก็เย็นลงแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาออกไปนานแล้ว แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลย
วารุณีอดทนต่อความเจ็บปวดทั้งตัวและนั่งลงมา เปิดผ้าห่มมาดู มองเห็นที่ตัวของตัวเองสะอาด และบางจุดก็รู้สึกเย็นสบาย จึงรู้ว่าหลังจากเธอหลับ นัทธีก็ทำความสะอาดให้เธอแล้ว
“ถือว่ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี!”วารุณีหยิบเสื้อผ้าที่หัวเตียงมา บ่นพึมพำอย่างเขินอาย ในใจก็ให้อภัยกับคำเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลในเมื่อคืนของนัทธีแล้ว
จากนั้น เธอสวมเสื้อผ้าแล้วทนความเจ็บลงมาจากเตียง เดินไปที่หน้าประตูห้องนอน
ออกมาจากห้องนอนมาที่ห้องรับแขก วารุณีก็มองเห็นอาหารเช้าบนโต๊ะอาหาร กับโพสต์อิทแผ่นหนึ่งที่ถูกนมวัวแก้วหนึ่งทับไว้
วารุณีเดินไป หยิบโพสต์อิทมาดู เห็นด้วยตัวหนังสือที่ดูทรงพลังผมส่งเด็กทั้งสองคนไปโรงเรียนอนุบาลก่อนนะ ทางสตูดิโอคุณก็บอกให้แล้ว ไม่ต้องรีบร้อน อาหารเช้าวางไว้ที่โต๊ะ กินด้วยล่ะ!
สุดท้ายก็เป็นลายเซ็นนัทธี
มองตัวหนังสือไม่กี่สิบตัวสั้นๆนี้ ในใจวารุณีก็รู้สึกอบอุ่น
จากนั้น เธอก็แกะโพสต์อิทวางไว้ข้างๆ ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง หยิบอาหารเช้าแล้วเริ่มกิน
ตอนกินไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
ทำอะไรไม่ได้ วารุณีจึงเอาขนมปังวางกลับไปในจานแล้วหยิบโทรศัพท์มาดู มองเห็นเป็นสถานีตำรวจโทรเข้ามา อาการที่ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม รีบกดรับ“ฮัลโหล หัวหน้าปริญเหรอคะ?”
“ผมเอง คุณวารุณี ไม่รบกวนคุณใช่ไหม”หัวหน้าปริญพยักหน้าแล้วสอบถาม
วารุณีดื่มนมวัว กลืนขนมปังลงไป ตอบกลับว่า“ไม่เลยค่ะ หัวหน้าปริญ คุณโทรหาฉัน เพราะสืบเรื่องของพิชญาเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ?”
“ใช่ ผมจะมาบอกคุณเรื่องนี้”
“งั้นที่กระโดดตึกใช่พิชญาไหมคะ?”วารุณีเพิ่มระดับเสียงแล้วถามไป
หัวหน้าปริญมองรายงานผลDNAในมือ ตอบกลับเสียงหม่น“เธอนั่นแหละ!”
รูม่านตาวารุณีสั่นคลอน“เป็นพิชญาจริงๆเหรอคะ?”
“ถูกต้อง ผลDNAรายงานออกมาแล้ว พวกเราเปรียบเทียบกับข้อมูลตรวจร่างกายของพิชญาก่อนหน้านี้แล้ว สอดคล้องตรงกันหมด ดังนั้นศพเป็นพิชญาจริงๆไม่ผิด”หัวหน้าปริญพูด
ริมฝีปากวารุณีขยับเล็กน้อย แล้วจึงพยายามส่งเสียงออกไป“แต่ถ้าเป็นพิชญา งั้นข้อสงสัยสองสามข้อที่ฉันเสนอไปจะอธิบายยังไงคะ?”
“ตรงนี้พวกเรามีคำตอบแล้ว อย่างแรกพิชญาหันหลังใส่หน้าต่างแล้วกระโดดลงไป พวกเราคาดคะเนว่า เธอรู้ว่าตอนนั้นขยานีกลับมา ดังนั้นจึงอยากบอกลาขยานีเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนที่ทำไมศพหล่นลงพื้นแล้วเอาหน้าลงนั้น”
หัวหน้าปริญถอนหายใจออกมา พูดอีกว่า“เพราะว่าพวกสืบได้ว่า ระหว่างการที่พิชญาตกลงไปนั้น มีคนดึงเธอไว้ แต่สุดท้ายดึงไม่อยู่ ดังนั้นจึงทำให้พิชญาพลิกตัวกลางอากาศ”
“เป็นไปไม่ได้!”วารุณีส่ายหน้า“ฉันดูระหว่างการทั้งหมดที่พิชญากระโดดตึกแล้ว ไม่เห็นว่ามีใครดึงเธอไว้”
“มีครับ แค่ระยะห่างนั้นไกลมาก ดังนั้นจึงถ่ายไม่เห็น”หัวหน้าปริญพูดด้วยสายตาเป็นประกาย
ผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ วารุณีไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของเขา เธอขมวดคิ้วที่สวยงามนั่น“ดึงคนในที่สะดุดตาแบบนี้ ทำไมถึงถ่ายไว้ไม่ได้ อีกอย่าง ถ้ามีคนดึงพิชญาจริง งั้นตอนที่พิชญาตกลงไป จะต้องหยุดกลางอากาศสักพักหนึ่งสิคะ แต่พิชญาตกลงไปอย่างราบรื่น ไม่มีอะไรมาหยุดไว้……”
“วิดีโอนั้นมีการตัดต่อ”หัวหน้าปริญตัดบทของเธอ
“ตัดต่อแล้วเหรอคะ?”วารุณีกัดริมฝีปาก ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เธอไม่คิดว่าวิดีโอจะมีการตัดต่อ เวลาที่วิดีโอนั้นเอาลงอินเทอร์เน็ต กับเวลาที่พิชญากระโดดตึก ห่างกันไม่กี่นาทีสั้นๆ จะมีเวลาตัดต่อได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นวิดีโอนั้นก็เป็นคนที่ผ่านไปมาใช้โทรศัพท์ถ่ายไว้ ถึงแม้โทรศัพท์จะตัดต่อได้ แต่ตัดต่อก็ยุ่งยาก ทำก็ซับซ้อน คนที่ผ่านไปมาคงโง่น่ะสิถึงได้ตัดต่อได้
กำลังคิดอยู่นั้น หัวหน้าปริญที่ปลายสายก็พูดอีกครั้งด้วยสภาพยุ่งๆ“โอเคคุณวารุณี ที่ควรพูดผมก็บอกคุณหมดแล้ว ผมยังมีธุระ วางสายก่อนนะ”
พูดจบ เขาก็วางสายทันที
จริงวารุณียังอยากถามคำถามเขาอีก แต่พอเห็นเด้งกลับไปที่หน้าแสดงเมนู ก็ได้แต่ช่างมันไป
แต่เธอไม่วางใจ จะดาวน์โหลดวิดีโอเมื่อคืนในเน็ตมา หาคนที่ชำนาญมาตรวจสอบดู ว่าถูกตัดต่อหรือไม่
อย่างไรก็ตามหลังจากวารุณีค้นหา กลับพบว่าวิดีโอนั้นไม่อยู่แล้ว หน้านั้นก็กลายเป็น404 เห็นได้ชัดว่าถูกตำรวจไซเบอร์ลบไปแล้ว
“ช้าไปก้าวหนึ่ง!”เธอขยี้คิ้วแล้วถอนหายใจ
แต่แป๊บเดียว วารุณีก็ปล่อยวางเสียที
ไม่ว่าวิดีโอนั้นจะได้ตัดต่อหรือไม่ ก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือ ศพคือพิชญาจริงๆก็พอแล้ว พิชญาไม่ได้แกล้งตาย งั้นเธอก็ไม่ต้องห่วงว่าต่อไปพิชญาจะโผล่มาทำเรื่องอะไรหรือเปล่าแล้ว
ที่เธออยากรู้ให้ได้ขนาดนี้ว่า ศพนั้นใช่พิชญาหรือไม่ ก็เพราะว่ากลัววันข้างหน้าพิชญาจะปรากฏตัวออกมา แล้วแทงเธอหรือคนข้างกายเธอก็คงแย่ แต่ว่าตอนนี้ ในที่สุดเธอก็โล่งใจ
พอคิดแบบนี้ วารุณีก็หัวเราะ หยิบขนมปังที่เมื่อกี๊กินไม่หมดมากิน
กินเสร็จ เธอก็เก็บ แล้วแต่งหน้า สะพายกระเป๋าออกไป ขับรถไปที่สตูดิโอ
หลังจากถึงสตูดิโอ วารุณีก็เห็นรอยยิ้มที่ดูหยอกล้ออย่างคลุมเครือของปาจรีย์“โหย มาแล้วเหรอ?”
วารุณีตอบอือ แล้วเดินไปที่ออฟฟิศ
ปาจรีย์ตามอยู่หลังเธอ“สายขนาดนี้เพิ่งจะมา ดูท่าแล้วการต่อสู้เมื่อคืนน่าจะดุเดือดอยู่นะ ประธานนัทธีสุดยอดเสียจริง ทำให้เธอลุกขึ้นเกือบเที่ยงได้ถึงสองครั้ง หึหึหึ……”
“พอแล้ว รีบหุบปากเถอะ พูดเรื่องสำคัญมา เธอตามฉันมาทำไม?”วารุณีหน้าแดง ตัดบทปาจรีย์ทั้งโกรธและทั้งตลก