พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 271 คุณจะหย่าไหม
“ดูออกแล้ว”นัทธีเหลือบมองสุภัทรแวบหนึ่ง สายตาเย็นชาอย่างมาก
ตาแก่คนนี้ เมื่อก่อนพึ่งพิชญาดึงเข้าสู่ความสัมพันธ์ของสองตระกูลไชยรัตน์กับตระกูลศรีสุขคํา
ตอนนี้ไม่มีพิชญาแล้ว ก็อยากจะพึ่งวารุณี หน้าด้านไร้ยางอายเสียจริง!
สุภัทรไม่รู้ว่าความทะเยอทะยานของตัวเองโดนวารุณีกับนัทธีรู้เข้าแล้ว พูดไปด้วยความคาดหวังสุดๆว่า“วารุณี แกให้โอกาสพ่อได้ชดเชยสักครั้งได้ไหม?”
วารุณียิ้ม ยิ้มอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย“คุณสุภัทร คุณอยากให้ฉันกลับไป แล้วคุณน้าขยานีล่ะยอมเหรอ?”
พอได้ยิน ใบหน้าแก่ๆของสุภัทรก็ชะงักทันที“เอ่อ……”
“ดูเหมือนว่าคุณน้าขยานีจะไม่เห็นด้วยนะคะ”วารุณีเบะปากด้วยรอยยิ้มแสนเย็นชา
สุภัทรฟังความดูถูกในน้ำเสียงของเธอออก จึงรู้สึกว่าเสียหน้าหน่อยๆ ไอออกมาเบาๆ พูดอย่างมีหน้ามีตาออกไปว่า:“พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลศรีสุขคํา เธอไม่เห็นด้วยแล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?”
“เหรอคะ?แต่ว่าฉันก็ยังไม่อยากกลับไป”วารุณีผายมือออก
นัทธีรู้ว่าเธอกำลังหยอกล้อสุภัทร รอยยิ้มจึงแวบเข้ามาในสายตา
เขาไม่รู้ว่า เธอจะมีด้านที่ดื้อซนแบบนี้ด้วย
“ทำไมล่ะ?”สุภัทรขมวดคิ้ว ริ้วรอยที่มุมปากและหน้าผากก็ยิ่งชัดขึ้น
วารุณียกมุมปากขึ้นอย่างเย็นชา“เพราะว่าฉันไม่ชอบขยานี ถ้าคุณสุภัทรยอมหย่ากับขยานี อย่างเมื่อเจ็ดปีก่อน ไล่ขยานีออกไปจากตระกูลอย่างอนาถ ฉันอาจจะพิจารณากลับไปกับคุณได้ เอาไง?”
เธอมองไปที่สุภัทร
สุภัทรคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดแบบนี้ ก็ตกใจ“จะเอาแบบนี้จริงๆเหรอ?”
“ถูกต้อง!”วารุณีพยักหน้า ตอบไปอย่างไม่ลังเล
สุภัทรไม่พูด ละสายตาลงอย่างคลายความกดดันลง เหมือนว่ากำลังคิดอยู่
เห็นฉากแบบนี้ วารุณีไม่ใช่แค่ไม่รู้สึกดีใจ กลับรู้สึกน่าตลก รู้สึกเหน็บแนม
“คุณดูสิ เขาโหดเหี้ยมมากแค่ไหน”วารุณีเอียงศีรษะ พูดกับนัทธีเบาๆ
นัทธีพยักหน้าโดยไม่พูดสักคำ
คนอย่างสุภัทร ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!
เจ็ดปีก่อน เพื่อสองแม่ลูกขยานีกับพิชญา ก็ไล่เมียแต่งกับลูกสาวลูกชายแท้ๆทั้งสองออกไปได้ วันนี้ในเจ็ดปีถัดมา เพื่อผลประโยชน์แล้ว ก็เริ่มคิดจะทิ้งขยานี คนแบบนี้ ไร้หัวใจจริง!
กำลังคิดอยู่นั้น โทรศัพท์ของนัทธีจึงดังขึ้นมา
เขาหยิบมาดูแวบหนึ่ง แล้วสายตาก็หม่นลง จากนั้นวางโทรศัพท์ลง มองไปที่วารุณี“ผมไปรับสายนี้ก่อนนะ”
“ค่ะ”วารุณีตอบอือ เห็นด้วยกับเขา
นัทธีหันกลับไป เดินไปที่ระเบียงข้างหน้า
พอเขาไป สุภัทรจึงสูดลมหายใจลึกๆ เหมือนว่าคิดได้แล้ว กำหัวมังกรตรงไม้เท้า แล้วมองไปที่วารุณี“ถ้าพ่อหย่ากับขยานีจริงๆ ลูกจะกลับมา?”
ริมฝีปากแดงๆของวารุณีขยับ กำลังจะพูด จู่ๆร่างหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก เดินมาไม่กี่ก้าวก็มาถึงตรงหน้าสุภัทร ต่อว่าสุภัทรด้วยดวงตาที่แดงก่ำพร้อมกับน้ำตา:“สุภัทร!ไอ้แก่อย่างคุณ จะมาหย่ากับฉันเหรอ!”
ถึงแม้เธอจะไม่รู้สึกอะไรกับตาแก่อย่างสุภัทรแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยคิดหย่า
ตระกูลศรีสุขคําล้มละลาย แต่ในมือของตาแก่อย่างสุภัทรยังมีเงินทุนก้อนใหญ่ และคฤหาสน์หลังนี้อยู่ ถ้าจะหย่า เธอก็ต้องเอาเงินของตาแก่นี่มาไว้ในมือก่อนแล้วค่อยไป!
ชัดเจนว่าสุภัทรไม่นึกว่าคำพูดของตัวเองเมื่อกี๊ ขยานีจะได้ยิน ทันใดนั้นใบหน้าแก่ๆก็ดูลำบากใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาของแขกที่ดูอยู่รอบๆ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอับอาย
“พอแล้ว คุณจะตะโกนทำไม ผมพูดเมื่อไหร่ว่าจะหย่ากับคุณ!”ใบหน้าสุภัทรหม่นลง ตำหนิขยานีไปอย่างไม่พอใจ
ขยานียังไม่พูด สายตาของวารุณีกลอกไปมา แล้วจู่ๆก็กลายเป็นหดหู่“ที่แท้พ่อก็ไม่คิดจะหย่ากับคุณน้าขยานี งั้นแบบนี้ ที่พ่ออยากให้ฉันกลับไปตระกูลศรีสุขคําก็ไม่จริงสิ?”
“ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องจริง……”
“ฉันไม่ฟัง!”วารุณีปิดหูไว้ ทำลายการอธิบายของสุภัทรไปโดยตรง“ถ้าพ่ออยากให้ฉันกลับตระกูลศรีสุขคําจริงๆ พ่อก็คงรับปากว่าจะหย่ากับขยานีนานแล้ว พ่อโกหกฉัน!”
“พ่อ……”น้ำเสียงของสุภัทรกระอักกระอ่วน พูดไม่ออกทันที ได้แต่มองไปที่ขยานีด้วยความโกรธจัด โทษว่าเธอมาไม่ถูกเวลา
ขยานีโกรธจนสีหน้าดูน่ากลัว“สุภัทร นั่นคุณทำสายตาอะไรเหรอ?ฉันจะบอกคุณให้นะ เรื่องหย่าคุณเลิกคิดได้เลย!”
นอกจากจะเอาทรัพย์สินมาให้เธอ
ไม่อย่างนั้น เธอก็ไม่หย่า ทนทรมานเขาให้ตายไปเลย!
“พ่อ พ่อดูคุณน้าขยานีสิเธอไม่ยอมหย่า งั้นก็ช่างมันเถอะ พวกเรารักษาความสัมพันธ์ตอนนี้ดีกว่า แบบนี้แหละ ฉันไปก่อนนะ”วารุณียิ้มอย่างขมขื่น ก้มหน้าลง เดินไปที่นัทธีด้วยสายตาแสนเศร้า
สุภัทรอยากเรียกเธอไว้ แต่ถูกขยานีห้ามไว้ ได้แต่มองแผ่นหลังของเธอ
คิดไม่ถึงว่า ตอนที่วารุณีหันไปนั้น ใบหน้าจะยังเศร้าสลดที่ไหนกัน มีแต่ความเยาะเย้ยสุดๆ
กระทั่งว่าเธอยังได้ยินเลือนรางว่า สุภัทรกับขยานีสองสามีภรรยาที่อยู่ด้านหลังกำลังทะเลาะกันอยู่
เมื่อกี๊เธอจงใจ จงใจทำสภาพหดหู่เสียใจออกมา ให้สุภัทรเข้าใจผิดว่าเธอยังอยากกลับไปตระกูลศรีสุขคํา อยากได้ความรักจากพ่อ แต่ถูกขยานีเข้ามายุ่มย่าม
ดังนั้นเธอเชื่อว่าตั้งแต่วันนี้ไป สุภัทรกับขยานีทั้งสองคน คู่ที่ไม่เคยมีความแค้นต่อกันจะต้องมีความบาดหมางกันแน่ วันเวลาข้างหน้าของตระกูลศรีสุขคํา จะต้องเป็นไปอย่างครึกครื้นแน่นอน
ยิ่งคิดก็ยิ่งสะใจ ใบหน้าวารุณีอดไม่ได้ที่จะปรากฏรอยยิ้มอันสดใสออกมา
ตอนนี้นัทธีก็โทรศัพท์เสร็จพอดี หันไปมองเห็นเธอยิ้มอย่างมีความสุข เลิกคิ้วขึ้นมาถามว่า“เป็นอะไร?”
วารุณีก็ไม่ปิดบังเขา พูดถึงการกลั่นแกล้งเมื่อครู่ออกมา
นัทธีหัวเราะเหอะๆออกมา“ทำได้ไม่เลวเลยนะ”
จู่ๆเขาก็ชมขึ้นมา ทำให้วารุณีต้องแลบลิ้นออกไปอย่างเคอะเขิน
นัทธีมองลิ้นสีชมพูนุ่มๆของเธอ สายตาก็หม่นลงไป ลูกกระเดือกก็อดไม่ได้ที่จะขยับ
ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้เป็นงานศพของพิชญา ไม่ถูกกาลเทศะ เขาจะต้องโอบท้ายทอยของเธอมา แล้วจูบไปอย่างแรง
“ยังต้องอยู่นี่ต่อไปไหม?”นัทธีกำฝ่ามือแล้วเม้มริมฝีปากไอออกมาเบาๆ เปลี่ยนเรื่องคุย
วารุณีมองสถานที่ด้านนอก
ถึงจะบอกว่าตอนนี้เป็นงานศพของพิชญา แต่ความจริงแล้ว คนที่มาร่วมงานศพ ก็มีไม่กี่คนที่จริงใจ ต่างมาเพื่อสร้างคอนเนคชั่น ทุกที่เต็มไปด้วยลมหายใจของผลประโยชน์ทางธุรกิจ
อีกอย่าง เธอมาที่นี่ไม่ได้มาเพราะจะคบหาสร้างคอนเนคชั่น ไม่ได้มาร่วมงานศพ แค่อยากรู้จุดประสงค์ที่สุภัทรเชิญเธอ ตอนนี้รู้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไป
“ไม่ต้องหรอก พวกเราไปกันเถอะ”วารุณีส่ายหน้าแล้วตอบกลับ
นัทธีพยักหน้า จูงมือของเธอ แล้วออกไปจากตระกูลศรีสุขคําด้วยกันกับเธอ
ก่อนออกไป วารุณีก็เด็กดอกไม้สีขาวที่หน้าอกออก ทิ้งไว้ในถาดที่บริกรเสิร์ฟไวน์
นัทธีก็เช่นกัน
“ต่อไปจะไปไหน?”มาถึงหน้ารถ นัทธีจึงถามเธอ
วารุณีลูบขมับ“กลับไปที่สตูดิโอ”
“ขึ้นรถสิ”นัทธีเปิดประตูรถที่นั่งด้านคนขับให้เธอ
วารุณีหัวเราะ เข้าไปนั่ง
นัทธีปิดประตูรถ เดินผ่านหน้ารถ ไปนั่งที่นั่งคนขับ
หนึ่งชั่วโมงถัดมา ก็ถึงสตูดิโอ
วารุณีลงจากรถ ยืนอยู่ข้างถนน ก้มเอวจูบไปที่หน้านัทธี“เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“รู้แล้ว”ริมฝีปากของนัทธียกขึ้นเบาๆ เอากระจกรถขึ้นมาอย่างพึงพอใจ แล้วขับรถออกไป
วารุณีมองส่งเขาขับรถออกไปจนไกล จนกระทั่งมองไม่เห็นอีก จึงหันกลับเข้าไปในอาคาร
เดินเข้าไปสตูดิโอ ปาจรีย์ก็ออกมาต้อนรับเธอทันที“เธอร่วมงานศพเสร็จเร็วขนาดนี้เชียว?”
“เข้าร่วมไปได้กลางคันก็ออกมา”วารุณีวางกระเป๋าไป ตอบกลับไป
“ทำไมล่ะ?”ปาจรีย์ตามอยู่หลังเธอ ไม่ค่อยเข้าใจหน่อยๆ
วารุณีพูดแผนการของสุภัทรออกมา
ปาจรีย์ฟังจบ ก็ทำท่าจะอ้วกออกมา“นี่มันหน้าด้านมากเลยนะ?”