พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 291 ครอบครัวขงเบ้งมีส่วนเกี่ยวข้อง
ในที่สุดนัทธีก็ลืมตาขึ้น มองดูแหวนบนนิ้วมือของเธอ ใบหน้าที่เย็นชาก็ถึงได้คลายลง
เขากุมไปที่มือของเธอ แล้วบีบมันแน่น“ไม่มีครั้งหน้าอีก!”
“ได้”วารุณีพยักหน้าให้อยู่ซ้ำๆ
แน่นอนว่าเธอรู้ตัวเองดีว่าเธอจะเป็นแบบนี้ไปอีกไม่ได้แล้ว ท่าทีที่เย็นชาของเขาในครั้งนี้ ทำเธอตกใจมาก
เธอจะกล้าทำแบบนี้อีกได้ยังไง แล้วถ้าหากเขาไม่ต้องการเธอขึ้นมาจริงๆละ
วารุณีครุ่นคิดอย่างทอดถอนใจ
นัทธีปล่อยมือเธอ แล้ววางมันลงบนตักของตัวเอง ลูบหลังมือเธอไปมา ดวงตามืดมน ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปราวๆครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่บริษัท
วารุณีลงจากรถ แล้วบอกลากับนัทธี จากนั้นก็เดินเข้าตัวอาคารไป
เมื่อเขามาถึงที่ทำงาน ทันทีที่ปาจรีย์เห็นเธอ ก็พูดหยอกไปด้วยรอยยิ้มว่า “โอ้ นี่มันเที่ยงแล้วนะทำไมถึงเพิ่งมา เมื่อคืนประธานนัทธีแผลงฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม เลยทำให้เธอตื่นเช้ามาไม่ได้ ? ”
วารุณีกลอกตาใส่ “ไปให้พ้นเลยนะ พูดอะไรเนี่ย”
“ฉันไม่ได้พูดเหลวไหลนะ นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย เธอไม่เคยสังเกตเลยเหรอว่าฉันไม่เคยโทรไปหาเธอในตอนเช้า เพื่อจะถามเธอว่าเธอจะมาทำงานไหม ? ” ปาจรีย์เบะปากพูดขึ้นมา
แววตาของวารุณีโศกเศร้าขึ้นมาแวบหนึ่ง
ตอนเช้าที่ไม่ได้มาทำงาน ไม่ใช่เพราะตื่นไม่ไหว แต่เป็นเพราะเธอคิดว่าตัวเองตั้งท้อง
น่าเสียดาย ที่เธอไม่ได้ท้อง
“วารุณีเธอเป็นอะไรไป ? ”เมื่อรับรู้ได้ถึงอาการจิตตกที่วารุณีแสดงออกมา ปาจรีย์ก็สำรวมขึ้น แล้วเอ่ยถามไปด้วยความเป็นห่วง
วารุณีส่ายหน้า “ ฉันไม่เป็นไร เรามาคุยธุระกันเถอะ”
เธอเปลี่ยนเรื่องคุย
ปาจรีย์มองออก ว่าเธอมีเรื่องบางอย่างในใจ แต่ไม่ยอมที่จะพูดมันออกมา
ในเมื่อวารุณีไม่คิดจะบอก ปาจรีย์ก็ไม่ได้ต้องการที่จะรู้เรื่องให้ได้ ยื่นเอกสารในมือให้เธอ“นี่เป็นลำดับการเข้าแข่งขันของนานาชาติ ทางสมาคมเป็นคนส่งมาให้ เธอลองเอาไปดูก่อน แต่เพราะเป็นขั้นตอนของการเตรียมการเบื้องต้น เพราะฉะนั้นก็เอาไปทำความเข้าใจดู ”
“อืม เข้าใจแล้ว ขอบคุณประธานวรวีแทนฉันด้วย ”วารุณียื่นมือรับเอกสารมา
“วางใจเถอะ ฉันขอบคุณแทน…..เดี๋ยวก่อน!” ราวกับเห็นอะไร ปาจรีย์ดวงตาเบิกกว้าง คว้าไปที่ข้อมือของเธอ
“เป็นอะไร?”วารุณีถึงกับตกใจในพฤติกรรมของปาจรีย์
ปาจรีย์พลิกหลังมือเธอดู มองไปที่แหวนบนนิ้วกลางของเธอ และอ้าปากค้าง “ฉันดูไม่ผิดจริงๆ เธอสวมแหวนจริงๆด้วย เป็นแหวนที่นิ้วกลางข้างซ้ายอีกด้วย นี่มันแหวนขอแต่งงานนะ วารุณี ประธานนัทธีขอเธอแต่งงานแล้วเหรอ ? ”
วารุณีไม่คิดว่าการสังเกตของปาจรีย์นั้นจะแหลมคมได้ขนาดนี้ เพียงพริบตาเดียวก็คาดเดาทุกอย่างได้หมด พยักหน้าให้ด้วยใบหน้าที่เห่อแดง
การคาดเดาของปาจรีย์ได้รับการยืนยัน และแม้จะเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ครั้งนี้เธอก็ตกใจอยู่มากเช่นกัน
“พระเจ้า ถูกขอแต่งงานแล้วจริงๆเหรอ พวกเธอเพิ่งจะคบกันได้ไม่นานเองนะ!” เธออ้าปากกว้างอย่างใจหาย
วารุณีสัมผัสไปที่แหวน ใบหน้ามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนปรากฏ ไม่ได้พูดตอบอะไร
ปาจรีย์หายใจเข้าออกลึกๆอยู่หลายเฮือก ถึงได้สงบสติอารมณ์ที่ตกใจเมื่อครู่ลงได้“วารุณี แล้วเธอกะจะแต่งเมื่อไร ? หมั้นหมายกันไปก่อน หรือว่าจะแต่งงานกันเลย ?”
“ฉันไม่รู้ ”วารุณีส่ายหน้า “เขายังไม่ได้พูดอะไร”
“เหรอ แต่ไม่ว่ายังไง วารุณี ฉันขอให้เธอมีความสุขนะ”ปาจรีย์จับไปที่มือของเธอ แล้วเอ่ยพูดออกมาอย่างจริงจัง
วารุณีพยักหน้าให้ ตอบรับอืมกลับไปคำหนึ่ง “ฉันจะต้องมีความสุข ขอบใจนะ ปาจรีย์ ”
“ขอบจงขอบใจอะไร เราเป็นเพื่อนกันนะ โอเค ไม่คุยด้วยแล้ว ฉันยังต้องไปที่โรงงานอีก”ปาจรีย์โบกมือให้
“ไปเถอะ”วารุณีส่งยิ้มให้
พอปาจรีย์ไปแล้ว วารุณีก็กลับมาวุ่นอยู่กับงานเช่นกัน
ยุ่งจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน นัทธีก็มารับเธอ เธอที่เพิ่งจะบิดขี้เกียจไป ก็ลุกแล้วออกจากที่ทำงานไป
ในตอนค่ำ หลังจากที่กินอาหารมื้อค่ำเสร็จ พิชิตก็มา
วารุณีเห็นทั้งสองคนเดินไปที่ห้องหนังสือ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย
สองคนนี้ มีความลับอะไรกัน?
ที่โรงพยาบาลในตอนกลางวัน ก็ทำตัวลับๆล่อๆ แล้วทำไมตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่อีก ?
“คุณวารุณี ดื่มนมสักแก้วนะคะ”ป้าส้มยื่นนมแก้วหนึ่งมาให้วารุณี
วารุณีกักเก็บความคิดที่มีแล้วคืนสติ รับแก้วนมจากป้าส้มมา ยิ้มให้ป้าส้มอย่างรู้สึกผิด “ขอโทษนะคะป้าส้ม หนูไม่ได้ตั้งท้อง ทำให้ป้าผิดหวังเลย ”
“เฮ้ย ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ”ป้าส้มยกยิ้มแล้วโบกมือให้ “ตอนนี้ยังไม่ท้อง ค่อยท้องทีหลังก็ได้ค่ะ ขอแค่คุณวารุณีไม่ได้เป็นอะไรก็พอ ”
ในใจของวารุณีทั้งซึ้งใจและอบอุ่นใจ ถือแก้วนมเอาไว้แน่น “ขอบคุณป้าส้มนะคะ ”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ คุณวารุณีนั่งลงก่อน เดี๋ยวป้าจะเอากาแฟไปให้คุณนัทธีกับคุณชายพิชิตก่อน” ป้าส้มกล่าว
วารุณีพยักหน้าให้ “ค่ะ”
ป้าส้มถือถาดขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน
วารุณีไม่ได้อยู่ในห้องรับแขกนานนัก ดื่มนมหมดแก้วแล้ว ก็ขึ้นไปยังชั้นบน เพื่อจะไปดูลูกทั้งสองคนสักหน่อย
เมื่อขึ้นมาถึงที่ชั้นบน เธอเหลือบมองไปยังห้องหนังสือแวบหนึ่ง จากนั้นก็ถึงได้เปิดประตูเข้าไปยังห้องของเด็กน้อยทั้งสองคน
ภายในห้องหนังสือ หลังจากที่ป้าส้มเอากาแฟมาเสิร์ฟ นัทธีก็ถึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นด้วยเสียงเข้ม“ ผลการตรวจของฉันออกมาแล้วเหรอ?”
“ออกมาแล้ว”พิชิตยื่นรายงานซึ่งเต็มไปด้วยศัพท์ทางการแพทย์มากมายให้เขา
นัทธีเหลือบมองไปแวบหนึ่ง ดูไม่ค่อยรู้เรื่อง ดังนั้นก็จึงโยนมันลงไปที่โต๊ะ“นายบอกมาเลยฉันเป็นอะไรกันแน่ ?”
“ก็อย่างที่ฉันพูดไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน นายกินของที่ไม่ควรกินเข้าไป ทำให้นายมีภาวะไม่เจริญพันธุ์” พิชิตดึงเก้าอี้ตรงหน้าออกแล้วนั่งลง
นัทธีกัดฟันกรามแน่น “นี่มันอะไรกัน?”
“มันเป็นยาชนิดหนึ่ง แต่เป็นยาอะไรนั้นฉันก็ไม่รู้ เพราะมันก็นานมากแล้ว ตรวจเช็กไม่ได้ รู้เพียงว่ายานั้นนอกจากทำให้นายตายด้านเฉพาะส่วน อย่างอื่นก็ไม่ได้ส่งผลร้ายอะไร เพราะฉะนั้นนายถึงไม่เคยรู้ว่าไอนั้นของนายมันมีปัญหา”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าที่น่ารักและอ่อนเยาว์ของพิชิต ก็เผยความยินดี “ยังดีที่ครั้งนี้วารุณีท้องลมขึ้นมา ฉันถึงได้พบปัญหาที่แท้จริงของนาย ไม่งั้นหากปล่อยไว้เป็นเวลานาน ไอนั้นของนายก็คงจะรักษาให้หายไม่ได้แน่ ”
ดวงตาของนัทธีมีประกายไหววูบ ร่างกายก็พลันนั่งหลังตรง“ นายหมายความว่า ฉันสามารถรักษาหายได้ ?”
“ใช่ แต่มันต้องใช้เวลานาน”พิชิตพยักหน้าให้อย่างมั่นอกมั่นใจ
ใบหน้าที่ตึงเครียดของนัทธีก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ไม่เป็นไร ขอแค่รักษาให้หายได้ก็พอ ”
“วางใจเถอะ ฉันจะรักษานายให้หายเอง ในส่วนของแผนการรักษาเบื้องต้นนั้นฉันได้เตรียมเอาไว้แล้ว แต่นายควรคิดดูก่อนว่า นายไปกินยาเหล่านั้นได้ยังไง จากผลการตรวจของนาย เป็นยาที่นายกินไปเมื่อห้าปีก่อน”พิชิตประสานมือเข้าด้วยกันแล้ววางลงบนโต๊ะ
“ห้าปีก่อน?”เมื่อได้ยินคำนี้ ดวงตาของนัทธีก็หรี่ลง นัยน์ตาเผยให้เห็นความคิดอันชั่วร้าย
ของที่เขากิน โดยส่วนใหญ่แล้วป้าส้มเป็นคนจัดเตรียมให้ และป้าส้มก็ไม่มีทางวางยาแบบนี้กับเขาแน่นอน
แต่คนที่จะวางยากับเขาได้ ก็ต้องเป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขา แล้วจะเป็นใครกัน ?
ในตอนที่นัทธีกำลังครุ่นคิดว่าใครเป็นคนวางยาเขานั้น จู่ๆพิชิตก็ขยับแว่นตาของตัวเอง “นัทธี ฉันจำได้ เมื่อห้าปีก่อนนายอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ไชยรัตน์เป็นเวลานานมากเลยไม่ใช่เหรอ?”
นัทธีพยักหน้ารับ จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงกำหมัดแน่น จนข้อต่อเกิดเสียงดังขึ้นมา“ นายจะพูดว่า เป็นพวกขงเบ้งเหรอ?”
“ใช่ พวกเขาต่างก็ต้องการบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปมาโดยตลอด แต่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปกลับตกอยู่ในมือนาย พวกเขาสู้นายไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีสกปรก ดังนั้นฉันคิดว่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะทำเรื่องแบบนี้จริงๆ เพราะหากนายไม่มีทายาท ที่สุดแล้วของของนายก็จะตกมาอยู่ในมือของพวกเขา”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ พิชิตก็ยักไหล่ “แน่นอน นี่เป็นเพียงการคาดเดาของฉันเท่านั้น”
“บางที การคาดเดาของนายอาจจะถูกก็ได้ ” ริมฝีปากบางของนัทธียกหยักโค้งขึ้นอย่างเย็นชา
เขานึกขึ้นมาได้แล้ว ตอนที่วารุณีพาอารัณมาที่นี่ครั้งแรก ขงเบ้งก็มาด้วย ตอนนั้นทันทีที่ขงเบ้งเห็นอารัณ ก็นึกว่าอารัณเป็นลูกของเขา พูดอย่างประหลาดใจว่า‘นายมีลูกได้ยังไง’
ในตอนนั้น เขาไม่คิดว่าคำพูดนี้มันผิดปรกติตรงไหน แต่มาตอนนี้มันผิดปรกติมากจริงๆ