พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 309 บังเอิญเจอที่ผับ
คำว่า‘ล้วนแต่’ค่อนข้างมีความหมายลึกซึ้ง
ขยานีตกใจ แววตามีความตื่นตระหนกที่ไม่สังเกตเห็นง่ายๆแวบเข้ามา“เธอ……เธอพูดอะไรมั่วซั่ว ใครคลอดลูกนอกสมรสกัน?ฉันกับพ่อเธอแต่งงานกัน พิชญาเป็นลูกถูกกฎหมาย”
ยังเด็กนี่คงไม่ใช่ว่ารู้อะไรหรอกนะ?ไม่งั้นทำไมต้องพูดว่าล้วนแต่!
แต่จะเป็นไปได้ไง!
ตอนนั้น ในใจของขยานีก็กังวลและตื่นตระหนก สีหน้าซีดขาว
วารุณีมองความร้อนตัวของเธอออก จึงกอดอกขึ้นมาอย่างเย็นชา“ถึงแม้พิชญาจะมาเปลี่ยนตอนหลังแล้วจะยังไง ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้ ว่าเธอเป็นลูกนอกสมรสมาสิบกว่าปี!”
“แก……”ขยานีโกรธจนยกแขนจะขึ้นมาตบ
สุภัทรดึงเธอไว้ ใบหน้าแก่ๆนั้นดูแย่อย่างมาก“พอแล้ว เอะอะอะไรกัน ขายขี้หน้าคนอื่นเขา!”
“ขายขี้หน้า?”ขยานีสะบัดมือเขาออก“ฉันขายขี้หน้าตรงไหนเหรอ?ยัยเด็กนี่พูดจาแย่ ฉันสั่งสอนเธอไม่ได้เหรอไง?”
“ลูกสาวของฉัน ไม่ต้องให้เธอมาสั่งสอนลูก!”ขยานีพูดจบ เสียงของวรยาก็ดังอย่างเย็นชาขึ้นมาด้านหลังวารุณี
วารุณีหันกลับไปด้วยรอยยิ้ม“แม่ แม่มาแล้วเหรอ”
วรยาพยักหน้า เดินไปไม่กี่ก้าว เดินไปหยุดด้านข้างวารุณี จ้องขยานีเขม็งก่อน จากนั้นจึงเอาสายตามองไปที่วารุณี“ลูกรัก ชายหญิงระยำคู่นี้ไม่ได้รังแกลูกใช่ไหม?”
วารุณีโบกมือ“เปล่าค่ะ”
เธอรังแกพวกเขาต่างหาก
“เปล่าก็ดี”วรยาโล่งอก ใบหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย
สุภัทรมองเธอย่างซับซ้อน“วรยา ทำไมคุณต้องคิดว่าพวกเราเลวขนาดนี้ด้วย วารุณีเป็นลูกสาวผม ผมจะ……”
“คุณอย่ามาพูดกับฉันแบบนี้”วรยายิ้มมุมปากอย่างเย็นชา“ตอนนี้คุณกลับเห็นวารุณีเป็นลูกสาวของคุณ เจ็ดปีก่อนตอนที่ไล่พวกเราสามคนแม่ลูกไป ไม่เห็นเคยพูดแบบนี้”
สุภัทรอ้าปาก พูดไม่ออก
วรยาไม่อยากสนเขา จูงมือของวารุณี“ลูกรักพวกเราไปเถอะ อย่าใส่ใจพวกเขาเลย ต่อไปเห็นพวกเขาก็อยู่ห่างๆ อย่าแปดเปื้อนสิ่งไม่ดี”
“ฉันรู้”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
สองแม่ลูกค่อยๆเดินไปไกล แป๊บเดียวก็เข้าไปในศาล ด้านนอกประตูเหลือแค่สุภัทรที่มีใบหน้าหมองหม่นกับขยานีที่สีหน้าก็ดูไม่ดีนักเพียงสองคน
ขยานีบิดแขนของสุภัทร“ยังจะมองอีก พวกมันเดินไปไกลแล้ว ทำไม ตอนนี้มาเสียใจที่ตอนนั้นหย่ากับเธอ ไล่ลูกชายลูกสาวทั้งสองของคุณไปเหรอไง?”
สุภัทรไม่พูด ดวงตาเหี่ยวๆนั้นก้มลง
ตอนนี้เขาเสียใจมากจริงๆ ตอนนั้น เขาคิดว่าวรยาผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่ง อะไรก็เอาแต่ควบคุมเขา แม้แต่บริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปก็ยังมายุ่ง เขาไม่อาจยอมชีวิตแบบนี้ได้ ดังนั้นจึงหย่ากับวรยา แต่งขยานีเข้าตระกูลมา
คิดไม่ถึงว่าขยานีผู้หญิงคนนี้จะเป็นผู้หญิงที่เกาะผู้ชายกินอย่างเดียว นอกจากใช้เงินแล้วก็ทำอะไรไม่เป็น แวดวงคุณนายก็ยังเข้าไปไม่ได้ ไม่สามารถช่วยเหลือบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปกับเขาได้เลย และยังมีพิชญาลูกสาวอีกคน ไม่ง่ายเลยที่จะเอามาเป็นคู่หมั้นนัทธีแทนวารุณีได้ สุดท้ายห้าปีถัดมาก็คว้าหัวใจของนัทธีไม่ได้ และสุดท้ายก็ยังถูกวารุณีคว้าไป และแต่งงานด้วยแล้ว
ถ้ารู้ว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเขาก็คงไม่กระตือรือร้นอยู่ฝ่ายเดียว ฟังคำพูดกรอกหูของขยานีให้หย่ากับวรยา แล้วยังไล่ลูกสาวลูกชายออกไปจากบ้านอีก ไม่งั้นตอนนี้บริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ปก็จะไม่ล้มละลาย บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปก็จะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันปรองดองของสองตระกูลก็จะให้การสนับสนุนบริษัท ศรีสุขคํา กรุ๊ป
นึกถึงตรงนี้ สุภัทรจึงมองขยานีอีก แล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกชะตา
เขาคิดจากใจเลยว่า ทุกอย่างที่เป็นอย่างวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะว่าแต่งงานกับขยานี
แต่เขากลับไม่เคยคิดว่า ตัวเขาเองมีความผิดด้วย
ถึงแม้ขยานีเป็นสามีภรรยากับสุภัทรมาเจ็ดปี แต่คบกับถึงยี่สิบกว่าปีแล้ว เข้าใจคนอย่างสุภัทรดี แค่มองตาก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“ทำไม?ตอนนี้คุณจะมาโทษฉันเหรอ?”ขยานีโกรธจนหัวเราะออกมา
หน้าแก่ๆของสุภัทรหม่นลง“พอเถอะ ตอนนี้มาพูดเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ใกล้จะถึงเวลาพิจารณาคดีแล้ว เข้าไปเถอะ”
พูดจบ เขากับไม้เท้า เดินก้มหลังค่อมไปที่ประตูศาล
เขาต้องหาโอกาส หย่ากับผู้หญิงคนนี้ แบบนี้ยัยเด็กวารุณีนั่นก็เป็นไปได้ที่จะกลับไปที่ตระกูลศรีสุขคํา
ยังไงตอนนี้เธอก็แต่งงานกับนัทธีแล้ว เขาจะต้องเอาชนะใจเธอ
ขยานีจ้องแผ่นหลังของสุภัทรด้วยสายตาร้ายกาจ ในปากก็พึมพำอย่างเยือกเย็น:“ไอ้แก่ อยากจะสะบัดฉันออกเหรอ ไม่ดูเลยนะว่าฉันอยากปรนนิบัติแกไหม รอก่อนเถอะ รอฉันได้รายได้ทั้งหมดของแกมาไว้ในมือก่อน ไม่ต้องให้แกมาไล่ฉันหรอก ฉันนี่แหละจะเปลี่ยนแกคนแรกเลย หึ!”
บ่นเสร็จ เธอก็สูดหายใจ ปรับอารมณ์กับอาการแสดงออกเสร็จ จึงก้าวเท้าเดินตามไป
การพิจารณาคดีจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตามไม่ถึงสองชั่วโมงก็จบลง
เพราะว่าการพิจารณาคดีครั้งนี้ ถึงแม้สุภัทรจะเป็นในฐานะโจทก์ แต่ก็ไม่ใช่ฝ่ายที่ได้เปรียบ
ยังไงตอนนั้นก็เป็นเขาเองที่ขอหย่า ไล่ศรัณย์ออกไปจากตระกูล ตอนนี้ยังอยากจะเอาอำนาจในการปกครองของศรัณย์กลับมาอีก นี่มันไร้เหตุผลอยู่แล้ว ดังนั้นศาลจึงตัดสินให้มีทบทวนใหม่ครั้งที่สอง
แต่ระยะเวลาทบทวนครั้งที่สอง คืออีกสามวันข้างหน้า
ออกมาจากศาล อารมณ์ของวรยานั้นดีอย่างมาก เชิดหน้าขึ้นสูง ตอนที่จูงวารุณีเดินผ่านสุภัทรกับขยานีไป ก็ทำน้ำเสียงเย่อหยิ่งใส่พวกเขา
สุภัทรโกรธจนหายใจหอบ ปิดหน้าอกไว้แล้วกลอกตาใส่
บนรถ วรยาตบขาหัวเราะเสียงดัง หัวเราะจนน้ำตาไหล“ลูกรัก ลูกเห็นสภาพของไอ้แก่ตอนนั้นไหม สะใจมากจริงๆฮ่าๆๆ แม่ไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อน เขาคิดว่าเขาเป็นใครเหรอ ตอนนั้นไม่อยากได้พวกเราก็ทิ้งพวกเรา ตอนนี้อยากแย่งศรัณย์กลับคืนมาอีก หึ ไม่มีทางซะหรอก!”
พูดถึงตรงนี้ เสียงหัวเราะของเธอค่อยๆหยุดลง กลับเป็นเสียงร้องไห้เสียงดังขึ้นมา
วารุณีกำลังขับรถอยู่ ไม่กล้าหันหน้าไป ได้แต่ใช้หางตาเหลือบมองไปที่วรยาอย่างเป็นห่วง“แม่ ไม่ต้องร้องไห้แล้ว”
“แม่ไม่ได้ร้องไห้ นี่แม่กำลังดีใจ”วรยาหยิบกระดาษออกมาจากกระเป๋าแล้วเช็ดน้ำตาพูดออกไป
วารุณีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“อ้อใช่ๆๆ งั้นแม่ทำต่อไปเถอะ”
วรยาก็ทำต่อจริงๆ ร้องไห้ไปหัวเราะไป สักพักถึงหยุดลง
“ลูกรัก เดี๋ยวลูกว่างไหม?”วรยาถาม
วารุณีส่ายหน้า“ว่างค่ะ”
“งั้นไปดื่มเหล้ากับแม่หน่อย วันนี้แม่มีความสุข จะฉลองสักหน่อย”วรยาพูด จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปที่ผับ
โอกาสที่วารุณีจะปฏิเสธไม่มี ได้แต่กลับรถขับตามที่อยู่ของผับที่เธอส่งมาให้ อย่างทำอะไรไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะว่าอยากระบายความสุขในใจออกมา วรยาจึงดื่มเหล้าเยอะมาก จนสุดท้ายก็เมาล้มลงไปที่เก้าอี้นั่ง
วารุณีวางน้ำผลไม้ในมือ มองแม่ที่นอนบนโต๊ะ ในปากยังพึมพำสมน้ำหน้าสุภัทรไม่หยุด ในใจก็ไม่สบอารมณ์
เธอรู้ว่า ตอนนั้นเธอรักสุภัทรจริงๆ ดังนั้นตอนที่ถูกหย่า ถูกทิ้งไป ถึงได้แค้นเขามากขนาดนั้น และดังนั้น วันนี้สุภัทรแพ้เธอ เธอจึงมีความสุขมาก ดีใจจนดื่มให้ตัวเองเมา
วารุณีลุกขึ้น เสยผมที่หน้าของวรยา เตรียมจะประคองเธอขึ้นมาแล้วกลับไป
ตอนนี้เอง โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้นมา
หมดหนทาง วารุณีได้แต่ปล่อยแขนของวรยา แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า มองเห็นสายที่โทรมา เธอก็รีบกดรับ“ฮัลโหล นัทธี”
นัทธีได้ยินเสียงดังมาจากเธอ และเสียงดนตรีที่ดังก้องหู หางตาก็กระตุก ถามหน้าบึ้งเสียงหม่นไปว่า:“คุณอยู่ที่ไหน?”
“ฉันอยู่ที่ผับ”วารุณีมองไปรอบๆแล้วตอบ
ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มขึ้นมา“คุณไปทำอะไรที่ผับ?”
เขาไปรับเธอที่บริษัทของเธอ แต่ได้รับแจ้งว่าเธอไม่ได้กลับมาที่บริษัทเลยตั้งแต่ และที่ศาลก็ปิดศาลไปนานแล้ว ดังนั้นจึงโทรหาเธอ
คิดไม่ถึงว่าเธอจะทำตัวเก๋ ไปที่ผับ