พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 329 ผลักลงไป
“คุณกลับไปพักผ่อนก่อน”นัทธีขยี้คิ้ว
วารุณีมองเขา“ทำไมล่ะ?”
“ผมมีประชุมทางวิดีโอจากต่างประเทศ ต้องไปที่ห้องทำงานสักพัก”
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง ได้ งั้นคุณทำงานเสร็จก็กลับห้องนะ”วารุณีพยักหน้า
นัทธีตอบอือ แล้วเดินไปที่ห้องทำงาน
วารุณีกลับไปที่ห้องทำงาน อาบน้ำแล้วนอนบนเตียง
แต่ตอนนี้เธอยังไม่ง่วง จึงหยิบสมุดออกแบบกับดินสอที่หัวเตียงมา แล้ววาดภาพออกแบบ
วาดไปได้สามสี่แผ่น ก็กระหายน้ำ วารุณีวางปากกาและสมุดออกแบบในมือลง เปิดผ้าห่มลงจากเตียง จะไปเทน้ำที่โต๊ะน้ำชาตรงข้ามเตียง
แต่พอมาถึงหน้าโต๊ะน้ำชา หยิบกาน้ำขึ้นมาจึงพบว่า ไม่มีน้ำแล้ว
ทำอะไรไม่ได้ วารุณีได้แต่วางกาน้ำลง เตรียมลงไปเทน้ำชั้นล่าง
ตอนที่วารุณีเดินออกไปจากห้องนอนหลัก เธอได้ยินเสียงเปิดประตู
เสียงดังมาจากตรงทางเดิน ตรงนั้นคือห้องทำงานของนัทธี
เธอคิดว่าเป็นนัทธีประชุมเสร็จกลับมา แต่พอหันหน้าไป สุดท้ายที่เห็น กลับเป็นฉากที่นวิยาสวมชุดนอนสายเดี่ยว ออกมาจากห้องทำงานของนัทธี
ฉากนี้ ทำให้วารุณีหรี่ตาลงทันที“คุณนวิยา!”
นวิยายังไม่เห็นวารุณี จู่ๆได้ยินเสียงของเธอ ก็ตกใจตัวสั่น หันหน้าไป
เห็นสีหน้าวารุณีไม่ดี ก็เข้าใจทันที จึงทัดวิกผมไปที่ข้างหู ยิ้มบางๆพูดไปว่า:“คุณวารุณี ดึกขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่นอนเหรอ?”
วารุณีปล่อยที่จับประตูลง เดินไปที่นวิยา“ดึกขนาดนี้แล้ว คุณนวิยาก็ยังไม่นอนเหรอ ยังจะมีอารมณ์ไปนั่นไปนี่ มานี่ห้องทำงานสามีฉันอีกนะคะ”
ฟังน้ำเสียงเยือกเย็นของวารุณีแล้ว นวิยาได้แต่รู้สึกสะใจ
เธอชูกาแฟในมือขึ้นมา“คือแบบนี้ค่ะ เมื่อกี๊ฉันกระหายน้ำ ลงมาเทน้ำชั้นล่าง เห็นนัทธียังมานอน ก็เลยช่วยเข้าต้มกาแฟแก้วหนึ่งแล้วเอาขึ้นไปให้ คุณวารุณีอย่าถือสาเลยนะคะ”
“ฉันไม่ถือสา!”วารุณีเอามือกอดอก“คุณนวิยายอมทำเรื่องของคนใช้แบบนี้ ฉันจะถือสาได้ไงคะ“
“คุณว่าฉันเป็นคนใช้เหรอ?”ดวงตาของนวิยาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ มองเธอเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
มุมปากวารุณียกขึ้น “ฉันไม่ได้พูดค่ะ คุณนวิยาพูดเองต่างหาก ฉันแค่บอกว่าคุณนวิยาชอบทำเรื่องของคนใช้เอง”
นวิยากำสองมือแน่น โกรธจนตัวสั่น
ชอบทำเรื่องของคนใช้ ไม่ได้บอกเหรอว่าเธอคือคนใช้!
“คุณวารุณี คุณไม่คิดเหรอว่าคุณพูดจาแบบนี้ มันเกินไปหน่อย?”เบ้าตาของนวิยาค่อยๆแดงขึ้น มองวารุณีอย่างโกรธๆ
วารุณีละสายตาลงแล้วหัวเราะ“ฉันเกินไป?ฉันจะเทียบกับคุณนวิยาได้ไงกันคะ ดึกขนาดนี้คุณนวิยายังไม่นอน สวมชุดแบบบนี้มาที่ห้องทำงามสามีคนอื่น สรุปว่าเอากาแฟมาให้ หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นกันแน่ ฉันว่าในใจคุณนวิยาน่าจะรู้ดี เชื่อว่าไม่ต้องให้ฉันพูดออกมาหรอก”
สายตานวิยาสั่นคลอน จากนั้นก้มหน้าลง“ที่แท้คุณวารุณีมีกิริยากับฉันแบบนี้ เพราะชุดที่ฉันสวมนี่เอง ขอโทษค่ะคุณวารุณี ฉันสวมแบบนี้ ก็เพื่อเตรียมนอนจริงๆค่ะ ไม่มีความหมายอื่นเลยจริงๆ ดังนั้นคุณวารุณี คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ”
“พอเถอะ ฉันก็ไม่อยากเถียงกับคุณแล้วว่าชุดนอนของคุณนั้นเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ ฉันแค่หวังว่าต่อไปคุณนวิยาจะระวังตัวหน่อย อย่าสวมชุดแบบนี้มาที่ห้องทำงานสามีของฉัน อีกอย่าง ห้องของคุณนวิยาอยู่ชั้นสอง ต่อไปไม่มีอะไร กรุณาอย่ามาชั้นสามบ่อย ขอบคุณค่ะ”
พูดคำนี้จบ วารุณีก็ไม่มองเธออีก ละสายตากลับ ลงไปด้านล่าง
แต่คำพูดเธอนี้ กลับเหมือนหนามแหลมคม แทงเข้าในใจนวิยา ทำให้นวิยาอึดอัดใจสุดๆ
เพราะวารุณีพูดสิ่งน่าละอายที่เธอปกปิดไว้ออกมาแล้ว และยังพูดว่าต่อไปห้ามให้เธอขึ้นมาชั้นสามอีกอย่างตรงไปตรงมา ถ้าขึ้นมาอีกครั้ง นั่นก็คืออ่อยนัทธีจริงๆ
เคล็ดลับนี้ ต้องบอกว่าโหดจริงๆ!
นวิยามองแผ่นหลังของวารุณีลงไปชั้นล่าง มือทั้งสองข้างก็กำแน่น ในหัวมีความคิดบ้าคลั่งแล่นเข้ามา
นั่นก็คือผลักวารุณีลงไป แค่วารุณีตกบันได ระดับความสูงขนาดนี้ ตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่
แค่วารุณีตาย งั้นนัทธีก็กลับมาอยู่ข้างกายเธอแล้วไม่ใช่เหรอ?
ความคิดแบบนี้ ค่อยๆครอบงำสติของเธอ และทำให้ท่าทางของเธอยิ่งดูเหยเก สายตายิ่งบ้าระห่ำและดุร้ายมากขึ้น
เธอกลั้นหายใจ เดินเบาๆไปที่บันได อยากตามวารุณี แล้วผลักวารุณีลงไป
ตอนที่นวิยาเดินไปด้านหลังวารุณี ยื่นมือออกไป ใกล้จะแตะโดนหลังของวารุณี เสียงของนัทธี ทันใดนั้นดังขึ้นมาจากด้านหลังเธอ“ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมพวกคุณยังไม่นอนอีก?”
รูม่านตาของนวิยาหดลง สติคืนกลับมา รีบชักมือกลับเอาไว้ด้านหลัง หันกลับไป กลั้นความตื่นตระหนกในใจ แล้วฉีกยิ้มออกไป“นัทธี คุณประชุมเสร็จแล้ว?”
วารุณีก็หยุดฝีเท้าลง หันกลับไป ถึงแม้จะประหลาดใจที่นวิยามาอยู่หลังเธอเมื่อไหร่ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก มองนัทธี พยักหน้าเล็กน้อย“ใกล้นอนแล้ว ลงมากินน้ำ คุณยุ่งเสร็จแล้วเหรอ?”
นัทธีตอบอือ
มือของนวิยายังคงสั่น ใจเต้นแรงมาก ยังไม่สงบลงมา
เธอกลัวว่าเดี๋ยวตัวเองจะแสดงข้อบกพร่องออกมา ทำให้ทั้งสองคนสงสัย จึงรีบละสายตาลงและก้มหน้า“เอ่องั้น นี่ก็ดึกมากแล้ว นัทธีคุณวารุณี ฉันลงไปพักผ่อนก่อนนะ”
“อือ”นัทธีพยักหน้า
วารุณีหันข้างเปิดทางบันไดให้ ให้นวิยาลงไป
นวิยาดูรีบร้อน แป๊บเดียวก็หายไปที่บันไดชั้นสาม
วารุณีมองร่างของเธอ แล้วหรี่ตาลง
ไม่รู้ว่ามองผิดไปไหม ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่านวิยาดูตื่นตระหนกและกลัวอะไร
หรือว่าเมื่อกี๊นวิยาจะทำเรื่องไม่ดีลับหลังเธอ?
คิดไป สายตาวารุณีก็หม่นลง ในใจก็ยิ่งสงสัย ตัดสินใจว่าเดี๋ยวดูกล้องวงจรปิด ดูว่านวิยาจะทำอะไรกันแน่
“ไปเถอะ”นัทธีเดินไปด้านข้าง จูงมือของวารุณี
วารุณีเงยมองเขา“ไปไหน?”
นัทธีเลิกคิ้วขึ้น“ไม่ใช่ว่าคุณจะดื่มน้ำเหรอ?”
“อ้อใช่ เกือบลืม คุณก็จะดื่มเหรอ?”วารุณีถูกเขาจูงมือลงมา
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย“นวิยาต้มกาแฟใส่น้ำตาลไป หวานมาก กระหายน้ำ”
วารุณีพูดอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม:“คุณนี่โชคดีเสียจริง ดึกขนาดนี้ก็มีคนมาต้มกาแฟให้คุณ มีเสน่ห์จากสาวๆไม่เบาเลยนะ”
ได้ยินความไม่พอใจในน้ำเสียงของหญิงสาวแล้ว นัทธีก็หัวเราะเบาๆ“ผมไม่ชอบกาแฟที่นวิยาต้ม”
“ถ้าคุณนวิยาได้ยิน จะเสียใจมากแน่”ถึงวารุณีจะพูดแบบนี้ แต่ใบหน้ากับยิ้มขึ้นมา
นัทธีบีบจมูกของเธอ
วารุณีตบมือเขาออกอย่างไม่พอใจ“อย่าบีบสิ บีบจนแบนหมดแล้ว!”
“ไม่เลย สวยมาก”นัทธีมองปลายจมูกที่แดงของเธอแล้วพูด
จมูกของเธอทั้งเล็กและเป็นสัน ละเอียดลออมาก สวยงามมากจริงๆ
นอกจากนี้แล้ว ใบหน้าส่วนอื่น ทั้งหูตาปากที่สวยงามขนาดนี้มาอยู่บนใบหน้านี้ ไม่แปลกเลยที่เธอจะหน้าตาดีมากแบบนี้
ได้ยินคำชมของชายหนุ่ม หน้าเล็กๆของวารุณีก็แดงขึ้นมา ก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่กล้ามองเขา
แต่ท่าทางเหนียมอายพวกนี้ปรากฏในสายตาของนัทธี ทำให้สายตาของนัทธีหม่นลงไป ลูกกระเดือกก็ขยับ
จากนั้น เขายื่นมือออกไป บีบคางของวารุณีเบาๆ เงยคางเธอขึ้นมา แล้วค่อยๆก้มลงไป
วารุณีก็รู้ว่าเขาจะทำอะไร ตัวก็โน้มไปด้านหลังเล็กน้อย พิงไปที่เคาน์เตอร์ในครัว หลับตาลง แล้วรอชายหนุ่มจูบลงมา
แต่ตอนที่ปากของชายหนุ่ม สัมผัสปากของวารุณีแล้ว จู่ๆไฟที่ครัวก็ถูกคนเปิดขึ้นมา
ร่างที่สะลึมสะลือของป้าส้มปรากฏตัวที่หน้าประตู มองเห็นทั้งสองคนที่เคาน์เตอร์ครัว ทันใดนั้นก็ได้สติคืนมา ตาเบิกโต“โอ๊ะ คุณผู้ชายคุณผู้หญิง?”