พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 398 ฆาตกรคือคนอื่น
หญิงวัยกลางคนมองด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงลองถามขึ้น “คุณผู้หญิงท่านนี้ คุณคือภรรยาของท่านประธานนัทธีเหรอค่ะ?”
“ใช่ค่ะ” วารุณีพยักหน้า จากนั้นจึงถามกลับ “คุณรู้จักนัทธีได้ยังไงค่ะ?”
ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งในย่านชุมชน พูดกันตามจริงแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักนัทธีได้
อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะรู้จัก แต่ยังคาดเดาตัวตนของเธอผ่านอารัณได้อีกด้วย นี่จะไม่ทำให้ตกใจได้ยังไง
ดูแล้ว หญิงวัยกลางคนคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย
หญิงวัยกลางคนหลับตาลง กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ผ่านไปไม่กี่วินาที จู่ๆเธอก็ร้องไห้ขึ้นมา “คุณหญิงวารุณีฉันขอร้อง คุณช่วยลูกสาวของฉันหน่อยนะคะ”
“เอ๊ะ?” วารุณีมึนงง
พวกเธอกำลังพูดถึงเรื่องว่ารู้จักนัทธีได้ยังไงไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ๆไปพูดถึงเรื่องช่วยคนได้
อารัณที่ยืนอยู่ข้างๆนึกอะไรออก จึงดึงชายเสื้อของวารุณี “หม่ามี๊ หม่ามี๊ไม่รู้สึกว่าชื่อของเจเจ มีลักษณะคล้ายกับชื่อของ ทารีนาเหรอครับ”
พอได้ฟังแบบนั้นแล้ว สีหน้าของวารุณีก็เปลี่ยนไป “ถ้าอย่างนั้น พวกคุณก็คือ……”
“นายน้อย พูดถูกแล้ว ทารีนาเป็นลูกสาวของฉัน เป็นพี่สาวของเจเจ” หญิงวัยกลางคน ก็คือคุณหญิงทารีนาเอื้อมไปจับมือของเจเจ
เจเจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความงงงวย
สีหน้าของวารุณีเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันก็จูงมือเด็กทั้งสอง “อารัณ ไอริณ พวกเรากลับ!”
เธอไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะเป็นคนในครอบครัวของทารีนา
สำหรับครอบครัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เกือบฆ่าเธอสองครั้ง เธอคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักใดๆ
แต่ทันใดนั้นคุณหญิงทารีนา ก็ตกลงมาจากรถวีลแชร์ นั่งกองอยู่บนพื้น หลังจากที่วารุณีและเด็กทั้งสองเพิ่งจะก้าวขาออกไปได้เพียงก้าวเดียว
แต่คุณหญิงทารีนาไม่ได้สนใจสภาพของตัวเองในตอนนี้ รีบยื่นมือออกไปเรียกวารุณีให้หยุด “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณหญิงวารุณี คุณเข้าใจผิดแล้ว ลูกสาวของฉันไม่ได้ฆ่าคุณ เธอถูกใส่ร้าย เธอรับผิดแทนคนอื่น!”
“อะไรนะ?” ม่านตาของวารุณีหดตัวลง หยุดเดินแล้วหันกลับมา “เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ เธอรับผิดแทนคนอื่น?”
คุณหญิงทารีนาพยักหน้าทั้งน้ำตา “ใช่ค่ะ ลูกสาวของฉันบริสุทธิ์ เพื่อพวกเรา เธอถึงได้รับผิดแทนคนอื่น”
เห็นได้ว่าคุณหญิงทารีนาไม่ได้โกหก วารุณีกุมขมับ มีเพียงความรู้สึกสับสนภายในใจเท่านั้น
เธอจำเป็นต้องเรียบเรียงเหตุการณ์ใหม่
ไม่กี่เดือนก่อน ทารีนากดน้ำทำให้เธอเกือบตายในห้องน้ำ แต่โชคดีที่มีผู้หญิงสองคนเข้ามาในห้องน้ำช่วยเธอไว้ได้
หลังจากนั้น ทารีนาก็ทำลิฟต์เสีย เพื่อจะพยายามฆ่าเธอ แต่ว่าทำไม่สำเร็จ หลังจากหลบหนีอยู่สักพักก็ถูกจับได้
แต่ตอนนี้ แม่ของทารีนาบอกว่าทารีนาไม่ได้เป็นคนทำเรื่องนี้ เธอรับผิดแทนคนอื่น
พอนึกถึงตรงนี้ วารุณีรู้สึกหวาดกลัว รู้สึกเสียวสันหลัง เย็นวาบขึ้นมา
ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้จริงๆ ถ้าอย่างนั้น ฆาตกรตัวจริงก็ยังลอยนวลอยู่ข้างนอก?
“คุณพี่เล่าให้ฉันฟังอย่างละเอียดสิ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไงกัน?” วารุณีพยุงคุณหญิงทารีนาลุกขึ้น
เรื่องต่อจากนี้ ไม่เหมาะที่จะให้เด็กๆฟัง
วารุณีจึงสั่งให้เด็กๆขึ้นไปรอบนรถ เจเจ ก็ไปด้วย
เหลือเพียงวารุณีและคุณหญิงทารีนาเท่านั้น
คุณหญิงทารีนาปาดน้ำตา หลังจากอารมณ์คงที่แล้ว จึงค่อยๆเล่าว่า “ตอนแรกฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ วันนั้นที่ลูกสาวของฉันโดยจับ ฉันรู้สึกว่าโลกทั้งใบมันพังทลายลง ตำรวจบอกว่า ด้วยความหึงหวงประธานนัทธี แห่งบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ลูกสาวฉันจึงคิดจะฆ่าคนที่ประธานนัทธีชอบ นั่นก็คือคุณ แต่ว่า มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่า……”
“เพราะว่าอะไรค่ะ?” วารุณีมองเธอ
คุณหญิงทารีนา สะอึกสะอื้น “เพราะว่า คนที่ลูกสาวฉันชอบไม่ใช่ประธานนัทธี แต่เป็นลูกชายคนเล็กตระกูลวัฒนะศักดา ดังนั้น จะฆ่าคนด้วยความ หึงหวงได้ยังไงล่ะ แต่ว่า ลูกสาวฉันไม่ได้อธิบายอะไร และไม่อยากให้ฉันยื่นอุทธรณ์ จึงถูกตัดสินโทษแบบนี้”
“ดังนั้น ถึงตรงนี้ คุณแค่รู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำ แต่ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นคนทำผิดหรือเปล่าใช่ไหมค่ะ?” วารุณีหรี่ตา
คุณหญิงทารีนาพยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว ที่ฉันไปเยี่ยมทารีนาในคุก จู่ๆ ทารีนาก็ถามฉันว่า พวกทวงหนี้ยังมาทวงหนี้พวกเราอีกไหม คุณก็น่าจะรู้ว่าเมื่อก่อนพวกเราตระกูลไวยนพก็เป็นคนมีเงินใช่ไหม?”
“รู้ค่ะ” วารุณีตอบ
ดังนั้น เมื่อกี้ที่เธอเห็นคุณหญิงทารีนา เธอถึงได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายดูมีออร่าไม่เหมาะสมกับที่นี่เอาเสียเลย
“หลังจากตระกูลไวยนพของพวกเราล้มละลาย หนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีทางหาคืนได้หมด ดังนั้น พวกทวงหนี้จึงมักจะมาหาพวกเราที่บ้านทวงเงินเสมอๆ เป็นเพราะพวกเราหาเงินมาคืนไม่ได้ จึงมักจะพูดขู่พวกเราว่าจะฆ่าพวกเรา” คุณหญิงทารีนา ยิ้มเศร้า “เพราะแบบนี้ ทารีนาถึงได้รับผิดแทนคนอื่น”
“ฆาตกรตัวจริงรับปากว่าจะช่วยทารีนาใช้หนี้ให้ตระกูลไวยนพ? ” วารุณีขมวดคิ้ว
“ใช่ค่ะ ทารีนาจึงรับปากว่าจะรับผิดแทน ดังนั้น ทารีนาจึงถามฉันเมื่อเดือนที่แล้วว่าพวกทวงหนี้ยังมาอีกไหม”
“แล้วยังมาอีกไหมค่ะ?” วารุณีถาม
ความเกลียดชังปรากฎขึ้นบนใบหน้าของคุณหญิงทารีนา “แน่นอน ว่าผ่านไปไม่นานก็มาแล้วค่ะ เพราะฆาตรกรตัวจริงไม่ได้ใช้หนี้แทนพวกเรา ดังนั้น หลังจากที่ทารีนารู้เรื่อง จึงบอกความจริงกับฉัน ฉันอยากจะช่วยทารีนามาตลอด แต่ฉันไม่รู้จะช่วยยังไง จนกระทั่ง วันนี้ฉันได้มาเจอคุณ ”
ขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมไปจับมือของวารุณี “คุณผู้หญิงค่ะ เห็นแก่ทารีนาของพวกเราที่เป็นผู้บริสุทธิ์ คุณช่วยฉันหน่อยนะคะ ช่วยลูกสาวของฉันด้วย ขอร้องล่ะค่ะ”
เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น
วารุณีถอนหายใจ “ฉันรู้ค่ะ ฉันจะช่วย ฆาตกรที่ฆ่าฉันยังลอยนวลอยู่ข้างนอก บางทีเขาอาจยังรอโอกาสฆ่าฉันอยู่ ฉันพูดอะไรไปก็ปล่อยเธอออกมาไม่ได้ มีเพียงจับฆาตกรตัวจริงได้ ลูกสาวของคุณก็จะถูกปล่อยตัวออกมาเอง”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากค่ะ!” คุณหญิงทารีนาซาบซึ้งจนน้ำตาไหลพราก
วารุณีดึงมือกลับมา “ลูกสาวของคุณทำข้อตกลงกับฝ่ายตรงข้าม น่าจะรู้เรื่องอะไรบางอย่างของฝ่ายตรงข้าม พรุ่งนี้ฉันอยากจะไปเยี่ยมลูกสาวของคุณหน่อยค่ะ”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะขอเข้าเยี่ยมในฐานะคนในครอบครัว” คุณหญิงทารีนาพูด
วารุณีหยิบนามบัตรในกระเป๋าของเธอออกมาแล้วส่งให้ “ถ้ายื่นเรื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว โทรหาฉันนะคะ ฉันจะรีบไปทันที”
“รับทราบค่ะ” คุณหญิงทารีนาถือนามบัตรไว้ในมือแน่นราวกับสมบัติล้ำค่า
หลังจากนั้น วารุณีก็ขับรถพาลูกทั้งสองออกไป
ระหว่างทาง เธอรู้สึกหนักใจมาก
เธอไม่คิดเลยว่าคนที่เธอเข้าใจว่าเป็นฆาตกร กลับไม่ใช่ ฆาตรกรตัวจริงยังหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล
พูดแล้ว เธอก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ทารีนาถูกจับ ครั้งแรกที่เธอเห็นทารีนา เธอเห็นเด็กผู้หญิงที่ดูอ่อนโยนและบริสุทธิ์ จะเป็นฆาตรกรฆ่าคนจริงๆเหรอ? รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าสัญชาตญาณของเธอตอนนั้นถูกต้อง
นอกจากนี้ คนที่เผาโกดังของเธอ ชนพงศกรและอารัณได้รับบาดเจ็บ ก็น่าจะเป็นฆาตกรคนนี้เหมือนกัน
เธอถึงได้ว่า ทำไมเธอถึงได้มีศัตรูมากมายขนาดนี้
ระหว่างทาง วารุณีไม่พูดไม่จา
เด็กทั้งสองเห็นว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงไม่ได้รบกวน บรรยากาศจึงอึมครึมแบบนี้จนกระทั่งถึงคฤหาสน์
หลังจากวารุณีส่งเด็กทั้งสองขึ้นบ้านแล้ว ก็ไปที่ห้องครัว “ป้าส้ม ฉันอยากรู้ว่านัทธีพักอยู่ที่ไหนค่ะ?”
ป้าส้มได้ยินสิ่งที่เธอถาม ก็หันหลังมา “คุณผู้หญิงจะไปหาคุณผู้ชายเหรอค่ะ?”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขาค่ะ” วารุณีตอบ
ป้าส้มนึกว่าเธออยากจะไปคุยเรื่องเมื่อคืนกับคุณนัทธีต่อ จึงบอกที่อยู่เธอไป
ยังไงฉันไม่บอกก็ไม่ได้
วารุณีได้ที่อยู่มาแล้วก็ยิ้มให้ป้าส้มด้วยความตื้นตัน “ขอบคุณค่ะป้าส้ม งั้นเดี๋ยวฉันไปหาเขาก่อนนะคะ ฝากป้าส้มดูแลเด็กๆทั้งสองคนด้วยนะคะ”
“สบายใจได้เลยค่ะคุณผู้หญิง ป้าจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี” ป้าส้มพยักหน้า
วารุณีหันหลังจากไป ขับรถออกไปอีกครั้ง
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ก็ถึงที่พักของนัทธี
วารุณีเดินออกมาจากลิฟต์ หาเลขห้องของนัทธีเจออย่างง่ายดาย แล้วกดกริ่งประตู
ประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว นวิยาถามด้วยความสงสัย “คุณเป็นใครค่ะ?”
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” วารุณีมองนวิยา หน้าถอดสี รู้สึกโกรธ