พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 409 สิ่งของของนวิยา
ในฝัน เธอฝันถึงตัวเองใส่กระโปรงที่ดูดีมาก กำลังนั่งอยู่หลังเบาะของรถคันหนึ่งและเล่นตุ๊กตาหมีที่น่ารักมากอยู่
ส่วนแม่เธอกำลังนั่งขับรถอยู่เบาะคนขับและคุยโทรศัพท์กับใครสักคนอยู่
แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝั่งของสายนั้นเป็นใคร ยิ่งไม่รู้ว่าคนนั้นพูดเรื่องอะไร จากนั้นแม่ก็ทะเลาะกับคนนั้นขึ้นมาแล้ว สีหน้าดูแย่มาก ต่อไปสีหน้าของแม่เปลี่ยนไป เหยียบเบรกลงไปและจอดรถลงมา
จากนั้นแม่พาเธอลงจากรถ เห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ทั้งตัวเปื้อนเลือดอยู่หลังรถ ทันใดนั้นตกใจจนเสียขวัญ
“อ๊า!” วารุณีกรีดร้องขึ้นมาอย่างหวาดหวั่นและตกใจพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งบนเตียง สีหน้าซีดขาวมาก เหงื่อตรงหน้าผากไหลลงมาเป็นหยดใหญ่ๆ แม้กระทั่งบนตัวยังเหงื่อออกจนเปียกแล้วเช่นกัน เสื้อติดกับหลังรู้สึกเย็นมาก
วารุณีหอบเป็นคำใหญ่ๆ พยายามทำให้ตัวเองสงบลงจากความหวาดกลัวในใจ
ผ่านไปแล้วเนิ่นนานเธอถึงพอสงบสติลงได้เล็กน้อยแล้ว ยกน้ำที่อยู่บนหัวเตียงมาดื่มอย่างรวดเร็วจนหมดแก้ว จากนั้นพิงอยู่บนเตียงและนวดขมับขึ้นมา
“ทำไมฉันถึงฝันร้ายถึงเรื่องแบบนี้” วารุณีพูดพึมพำโดยในใจยังคงรู้สึกหวัดหวั่นจากเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่
ฝันนี้ชัดเจนเกินไปแล้วจริงๆ
ชัดเจนจนเธอคิดว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแล้ว
วารุณีก็นั่งอยู่บนเตียงแบบนี้ไปจนถึงฟ้าสว่าง จากนั้นถึงเปิดผ้าห่มออกและลงจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันและลงไปชั้นล่าง
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ลูกสองคนไม่ต้องไปโรงเรียน
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว วารุณีให้ลูกสองคนอยู่ในบ้านอย่างเชื่อฟัง ส่วนตัวเองขับรถไปที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป
วันนี้เธอได้นัดกับนัทธีไว้แล้ว จะไปดูหลักฐานอันที่เขานั้นบอก
ดังนั้นเธอจะต้องไปแน่นอน
วารุณีมาถึงบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป หลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้วก็เข้าไปในตึกเลย นั่งลิฟต์ที่เป็นของนัทธีโดยเฉพาะขึ้นไปชั้นบนสุด
มารุตกำลังออกมาจากออฟฟิศของนัทธีพอดี เมื่อเห็นเธอตาแอบกะพริบเล็กน้อย ยิ้มทักทายว่า “คุณหญิง”
ถึงแม้ท่าทีที่ประธานมีต่อเธอจะเย็นชาลง
แต่เขาก็ทำแบบนี้ไม่ได้ ควรเป็นท่าทียังไงยังคงต้องเป็นท่าทีอย่างนั้น
วารุณีพยักหน้าให้มารุตเล็กน้อย “เขาอยู่ข้างในไหม”
มารุตรู้ว่าเธอกำลังถามถึงนัทธีอยู่ ผลักแว่นตาและตอบว่า: “ประธานไม่อยู่ชั่วคราว กำลังประชุมอยู่ที่ห้องประชุมอยู่เลย คุณหญิงสามารถเข้าไปรอสักครู่ได้”
“ได้” วารุณีขยับมุมปากเล็กน้อย “งั้นถ้าเขาประชุมเสร็จแล้ว รบกวนคุณให้เขามาที่นี่เลย”
“ได้” มารุตตอบกลับคำหนึ่ง
วารุณีผลักประตูออฟฟิศประธานเข้าไป เดินไปนั่งลงตรงโซฟา
หลังจากนั่งลงแล้ว เธอมองรอบๆ ออฟฟิศของนัทธีรอบหนึ่งเล็กน้อย เห็นว่าออฟฟิศของเขาไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วที่ได้เห็น
ในนออฟฟิศมีสิ่งของอย่างอื่นมาเพิ่ม โดยเฉพาะของเล่นฟิกเกอร์
วารุณีเห็นของเล่นฟิกเกอร์กับของกินเล่นที่วางอยู่บนโซฟาตรงข้าม ทันใดนั้นสีหน้าดูแย่ลงทันที
เธอแทบไม่พาอารัณกับไอริณมาที่นี่เลย เพราะฉะนั้นเขาที่นี่ไม่มีทางเอาสิ่งของที่อารัณกับไอริณชอบมาไว้ที่นี่แน่นอน
อีกอย่าง เธอเคยเห็นของเล่นฟิกเกอร์นั้น นั่นเป็นของนวิยา
ส่วนของกินเล่นนี้ก็น่าจะเป็นของนวิยาเหมือนกัน
วารุณีเม้มปากแดงไว้แน่น ในใจเปรี้ยวและฝาดมาก
นัทธีดีกับนวิยาจริงๆ เลย เอาออฟฟิศของตัวเองให้นวิยาทำเป็นห้องพักผ่อนแล้วใช่ไหม
ทันใดนั้นวารุณียังมีภาพที่ขณะที่นัทธีทำงานอยู่ ส่วนนวิยานอนเล่นของเล่นและกินของว่างอยู่บนโซฟาขึ้นมาในหัว ทำให้ในใจเธอมีไฟแห่งความโกรธเคืองลุกขึ้นมา
ขณะที่คิดอยู่ ประตูของออฟฟิศเปิดแล้ว นวิยาสวมใส่ชุดสูทยกถาดเข้ามา
“คุณวารุณี ได้ยินผู้ช่วยมารุตบอกว่าคุณมาแล้ว เป็นเรื่องจริงด้วย” นวิยายิ้มเดินเข้ามา เอากาแฟบนถาดวางไว้ข้างหน้าวารุณี “เชิญ”
วารุณีชำเลืองกาแฟที่มีควันร้อนออกมาแวบหนึ่งและพูดเสียงเย็นชาว่า: “ไม่ต้องแล้ว ฉันไม่กล้าดื่มที่แกเทให้หรอก กลัวมีพิษ”
นวิยาไม่คิดเลยว่าเธอพูดจายั่วคนโมโหเช่นนี้ สีหน้าดูไม่ดีครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มต่อ “คุณวารุณีล้อเล่นน่ะ ฉันจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงล่ะ”
“แกทำได้” วารุณีมองเธอ “สัญชาตญาณบอกฉันว่าแกทำลงคอได้”
รูม่านตาของนวิยาหดเข้าเล็กน้อย หัวใจกระตุกทีหนึ่งโดยสัญชาตญาณ
หรือว่าผู้หญิงคนนี้จะรู้อะไรแล้วหรือเปล่า
ไม่ คงไม่หรอก ผู้หญิงคนนี้ต้องยั่วให้เธอโมโหแน่ๆ
พอคิดแบบนี้ นวิยาก็กลับมาเป็นปกติและยิ้มต่อแล้ว “คุณวารุณีนี่ขบขันจริงๆ เลยนะเนี่ย”
วารุณีส่งเสียงไม่พอใจ ไม่ได้สนใจเธอ
นวิยาก็ไม่ได้โกรธ วางถาดลงไปบนโต๊ะกาแฟและนั่งลงเช่นกัน
วารุณีหรี่ตาลง “ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณนวิยาน่าจะเป็นเลขาฯใช่หรือเปล่า”
นวิยาไม่รู้ว่าทำไมเธออยู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ก็ยังพยักหน้าตามคำพูดของเธอและตอบกลับว่า: “ใช่”
“ถ้าเป็นเลขาฯ อย่างนั้นก็ขอให้คุณนวิยาทำงานที่เลขาฯ คนหนึ่งควรทำให้ดี ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน คุณเข้ามาส่งกาแฟไม่มีอะไรต้องตำหนิ แต่ส่งกาแฟเสร็จแล้วไม่ออกไปทำงานต่อ แต่กลับยังเหมือนเจ้าของคนหนึ่งนั่งลงมา คุณคิดว่าการกระทำของคุณนั้นถูกต้องไหม” วารุณีมองเธออย่างเย็นชา
สีหน้าของนวิยาแข็งทื่อ กำฝ่ามือขึ้นมา “คุณวารุณี…”
“ช่วยเรียกฉันว่าคุณหญิง อย่าลืมไปแล้วว่าฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของนัทธี” วารุณีแก้ไขอย่างเข้มข้น
สีหน้าของนวิยาบิดเบือนชั่วครู่ แต่ยังคงพยายามคงสีหน้าบนหน้าไว้ “ค่ะ คุณหญิง ฉันนึกว่าฉันกับคุณหญิงเป็นเพื่อนกัน เพราะฉะนั้นจึงนั่งลงมาพูดคุยกับคุณหญิง ไม่คิดว่าคุณหญิง…”
“คุณมีสิทธิ์คุยกับฉันด้วยเหรอ” วารุณีพูดแทรกนวิยาอีกครั้ง
ตอนแรกเธอก็ไม่ได้คิดจะหาเรื่องนวิยาอย่างตอนนี้
แต่การที่นัทธีกับนวิยาตัวติดกันตลอดเวลาในช่วงนี้ทำให้เธอรู้สึกกระแนะกระแหนมาก
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ เธอยังคงไม่ได้ไปเอาเรื่องนวิยาอยู่ดี
แต่ตอนนี้สิ่งของของนวิยาวางไว้ในออฟฟิศของนัทธีอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ตอนนี้เป็นของเล่นกับของกินเล่น ครั้งหน้าก็จะเป็นเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่
เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว แม้เธอใกล้จะหย่ากับนัทธีแล้วก็ตาม แต่ตอนนี้ยังไม่ได้หย่ากันเลย เธอยังคงเป็นภรรยาของนัทธีอยู่ งั้นเธอก็จะใช้สิทธิ์ที่เธอเป็นภรรยา จะไม่ให้นวิยาบินขึ้นไปบนหัวเธอเด็ดขาด
เธอจะไม่เหมือนแม่เด็ดขาด ต่อหน้ามือที่สามได้แต่อดทนตลอดเวลา หลังจากนั้นก็ถูกสุภัทรย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านโดยไม่ได้อะไรเลย
เมื่อนวิยาเผชิญหน้ากับความกดดันที่ไม่หยุดของวารุณีก็แสดงต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว รอยยิ้มร้ายกาจโผล่ขึ้นมาบนหน้า “สิทธิ์เหรอ”
“หรือว่าฉะนพูดผิดแล้วหรือเปล่า” วารุณีจ้องมองเธอ “อยู่ที่นี่ คุณเป็นลูกน้อง ฉันเป็นภรรยาของเจ้านายคุณ คือเจ้านายหญิงของคุณ คุณเคยเห็นเจ้านายหญิงคนไหนคุยเรื่อยเปื่อยกับลูกน้อง ถึงจะมี นั่นก็เป็นเจ้านายหญิงให้ลูกน้องคุยเป็นเพื่อนด้วย แต่ไม่ใช่ลูกน้องมาขอเจ้านายหญิงคุยด้วย คุณเข้าใจไหม”
“แก…” นวิยาไม่รู้ว่าวันนี้วารุณีเป็นบ้าอะไร ทำไมอยู่ๆ กลายเป็นเก่งขนาดนี้ ทั้งคนโมโหจนตัวสั่น
“สิ่งเหล่านั้นเป็นของคุณใช่ไหม” วารุณีไม่คิดจะปล่อยเธอไปเลย ชี้ของเล่นกับของกินเล่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและพูด
นวิยามองวารุณีอย่างระมัดระวัง “แกจะทำอะไร”
วารุณีโค้งปากอย่างเย็นขา “เป็นลูกน้องคนหนึ่ง เอาสิ่งของตัวเองมาไว้ในออฟฟิศของเจ้านาย ฉันยังอยากถามเลยว่าคุณจะทำอะไร คือจะบอกคนอื่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจ้านายไม่ธรรมดาเหรอ หรืออยากบอกทุกคนว่าคุณก็คือภรรยาของเจ้านาย”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของนวิยาเปลี่ยนไป อ้าปากค้างไว้พูดอะไรไม่ออก
วารุณีเห็นแล้ว ดูตาของเธอเต็มไปด้วยความกระแนะกระแหน “สงสัยฉันจะพูดถูกแล้ว”
“ไม่ใช่ ฉันก็แค่ออฟฟิศของตัวเองไม่พอวาง จึงเอามาวางที่นัทธีตรงนี้ อีกอย่าง นัทธีเป็นพี่บุญธรรมของฉัน ฉันเอาของฉันมาไว้ที่นี่เป็นอะไรเหรอ” นวิยาพูดอย่างไม่พึงพอใจ
วารุณีเสยผมเล็กน้อย “ช่างเป็นคู่พี่น้องบุญธรรมเลยจริงๆ ฉันยังไม่เคยเห็นน้องสาวบุญธรรมคนไหนที่มีความคิดอย่างอื่นกับพี่ชายบุญธรรมเลยเหมือนกัน คุณทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดต่อคุณหมอพิชิต”