พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 412 ฆาตกรตัวจริงคือขงเบ้ง
พูดถึงตรงนี้ เธอก็ชะงักไปด้วยความเสียใจเล็กน้อย ถึงได้เอ่ยต่อ: “คุณแม่ของฉันกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะทำให้เป็นโรคซึมเศร้าหรือโรคออทิซึม ดังนั้นเลยได้เชิญนักสะกดจิต ทำให้ฉันลืมความทรงจำตอนนั้นไป”
เพื่อไม่ให้ความทรงจำของเธอขาดตอนไป คุณแม่ของเธอยังให้นักสะกดจิต สร้างเรื่องราวที่สวยงามให้กับเธอ รวมถึงเหตุการณ์ลวงตาที่แสดงให้เห็นว่าเธอกลัวสีแดง
“และนั่นก็หมายความว่า ฉันจำเรื่องราวทุกอย่างในวันนั้นขึ้นมาได้แล้ว ยังคงเป็นคำนั้น คนที่ชนพ่อแม่ของคุณ ไม่ใช่แม่ของฉัน” วารุณีจ้องมองนัทธี
“รถสีแดงคันนั้น คุณบอกผมว่าไม่ใช่?” ลูกกระเดือกของนัทธีขยับ น้ำเสียงค่อนข้างแห้ง
มีนาหลับตาลง “ไม่ใช่จริง ๆ แม่ของฉันเพียงแค่บังเอิญขับรถรุ่นเดียวกันกับคนร้ายแค่นั้นเอง รถรุ่นนั้นคือเบนซ์300 เป็นรุ่นที่ขายดีในตอนนั้น คนที่ซื้อรถรุ่นนั้นในจังหวัดจันทร์ ไม่ได้มีแค่แม่ของฉัน คุณสามารถไปตรวจสอบที่บริษัทรถยนต์ดูว่าคนที่ซื้อรถรุ่นนั้นมีใครบ้างกันแน่”
“แค่อาศัยหลักฐานพวกนี้ ก็ลบล้างข้อสงสัยของแม่ของคุณได้งั้นเหรอ?” นัทธีกล่าวเย้ยหยัน
วารุณีส่ายหัว “แน่นอนว่าไม่ใช่ วันนั้นเป็นวันแข่งขันเต้นระดับประถมศึกษาของฉัน คุณแม่ขับรถไปรับฉันกลับบ้าน ระหว่างทาง คุณแม่และสุภัทรได้ทะเลาะกันเพราะเรื่องอะไรบางอย่าง ดังนั้นเลยไม่ได้ดูถนน จึง……จึงได้ขับรถเหยียบคุณพ่อของคุณ”
เมื่อนัทธีได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เยือกเย็นขึ้นมาอย่างสุดขีด “งั้นคุณยังจะบอกอีกว่า……”
“ฉันบอกแล้ว ว่าขับเหยียบเท้า ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นพ่อแม่ของคุณได้ถูกชนตายไปแล้ว ตอนนั้นแม่ของฉันไม่รู้ ดังนั้นจึงรีบจอดรถ คิดจะลงไปช่วย แต่คนได้ตายไปแล้วจะให้ช่วยยังไงล่ะ?”
นิ้วมือของวารุณีชี้ไปที่หน้าอกของเอา “นัทธี คุณบอกฉันสิว่าจะให้ช่วยยังไง?”
ริมฝีปากบาง ๆ ของนัทธีขยับเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไร
วารุณีวางมือลง “ต่อมาคุณแม่ของฉันจำได้ว่านั่นคือคุณพ่อคุณแม่ของคุณ จากที่ตัวเองช่วยคนไม่ได้ ดังนั้นจึงรู้สึกผิดมาโดยตลอด นี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกวันที่เก้าเดือนตุลาคม คุณแม่ของฉันถึงได้ไปหาคุณปู่บรรพต”
“ไม่……” นัทธีตะโกนออกมาหนึ่งคำ บนใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เขาไม่ยินยอมที่จะเชื่อความจริงนั่น ที่มันตรงกันข้ามกับที่เขาเห็น
วารุณีดึงมุมปากเบา ๆ ด้วยความเย็นชา “ไม่อะไร? คิดว่าที่ฉันพูดไม่ถูกต้อง ดังนั้นคุณถึงรับมันไม่ได้?”
รูม่านตาของนัทธีสั่นเล็กน้อย จ้องมองไปที่เธอ
วารุณียิ้มเยาะ “แต่นี่คือความจริง คลิปวิดีโอของคุณเป็นของจริง แต่เห็นได้ชัดว่าปัญหาอยู่ที่คนถ่าย อันดับแรกคือรถที่ชนพ่อแม่ของคุณ และรถที่แม่ของฉันขับ คุณไม่สังเกตเห็นเหรอว่า คนที่ถ่ายไม่ได้ถ่ายให้เห็นป้ายทะเบียนของรถทั้งสองคัน?
นัทธีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
วารุณีพูดต่อ “ไม่เพียงแค่นั้น รถสีแดงที่ขับชนคุณพ่อคุณแม่ของคุณคันนั้น หลังจากที่ชนคนก็ไม่ได้จอด แต่ได้ขับหนีไป คนที่ถ่าย ทำไมถึงไม่ถ่ายรถคันนั้นต่อ แต่กลับหันเลนส์กล้องไปที่พ่อแม่ของคุณ และหลังจากนั้นรถของฉันและคุณแม่ถึงได้ปรากฏขึ้นมา”
“นอกจากนี้เมื่อกี้ฉันได้บอกไปแล้ว ในตอนที่คุณแม่ของฉันขับเหยียบขาพ่อของคุณ คุณพ่อคุณแม่ของคุณก็ได้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว งั้นภาพเหตุการณ์นี้ ทำไมในคลิปวิดีโอถึงไม่มีล่ะ สองเหตุผล ถ้าไม่ใช่ตัดต่อ ก็คือไม่ได้ถ่าย”
คำพูดเหล่านี้เป็นเหมือนกับค้อนหนัก ๆ ที่ตอกลงไปบนหัวใจนัทธีอย่างแรง
เขายืนกำหมัดด้วยร่างที่สั่นสะท้าน
ก็จริงนะ ช่องโหว่ที่ใหญ่ขนาดนี้ เขากลับไม่เคยมองเห็นมันเลย
“อีกอย่าง ยังมีข้อสงสัยที่สำคัญอีกจุดหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณเคยคิดมาก่อนหรือเปล่า” วารุณีมองไปที่เขา
ริมฝีปากบาง ๆ ของนัทธีขยับเบา ๆ “พูดมา”
“นั่นก็คือคุณปู่บรรพต ถ้าหากเป็นคุณแม่ของฉันที่ชนคุณพ่อคุณพ่อคุณแม่ของคุณจริง คุณคิดว่าคุณปู่บรรพตจะปล่อยคุณแม่ของฉันไปไหม? ทำไมถึงยังรับท่านเป็นลูกสาวบุญธรรมอีก” วารุณีกล่าวด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำ
นัทธีล้มนั่งลงไปบนโซฟาอย่างหมดแรง “ขอโทษ……”
เรื่องพวกนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริง ๆ
หลังจากที่เขาได้เห็นคลิปวิดีโอนั่น สติก็ได้ถูกความโกรธแค้นทับถมไปจนหมดสิ้น เขาไม่มีอารมณ์ที่จะไปคิดถึงจุดสำคัญในนั้นอย่างละเอียดเลยสักนิด
เป็นความผิดของเขา
วารุณีเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ในใจของเธอเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีนัก
แต่เธอจะไม่สงสารเขา เห็นใจเขา
เพราะช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่เขาทำร้ายเธอนั้น ทำให้เธอไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้
“ทุกสิ่งที่ฉันพูดมานั้นล้วนเป็นความจริง ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ไปสืบดูเองแล้วกัน อาศัยช่องโหว่พวกนี้ ฉันคิดว่าคุณน่าจะสืบหาความจริงออกมาได้ นอกจากนี้ ฉันจะให้เบาะแสกับคุณอีกหนึ่งอย่าง เกี่ยวข้องกับฆาตกร” วารุณีหยิบเอากระเป๋าบนโซฟาขึ้นมาและสะพายไว้บนบ่า
นัทธีเงยหน้าขึ้น “เบาะแสอะไร?”
“เมื่อสิบแปดปีก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่ง ฉันได้ยินแม่ของฉันพูด ความจริงตอนนั้นคุณปู่บรรพตรู้แล้วว่าฆาตกรเป็นใคร แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้ปล่อยฆาตกรไป แถมยังทำลายกล้องวงจรปิดบนถนนเส้นนั้นทั้งหมด รวมทั้งรถสีแดงทุกคันในบ้าน คนที่ทำให้คุณปู่บรรพตทำถึงขนาดนี้ได้ คงมีอยู่ไม่มากหรอก”
พูดจบ วารุณีก็จากไป
เธอรู้ว่า เขาต้องการสงบสติอารมณ์
ส่วนเธอเอง ก็ต้องการเหมือนกัน
หลังจากที่วารุณีจากไปไม่นาน นัทธีก็ได้ชกลงไปบนโต๊ะน้ำชา เลือดสด ๆ ไหลอาบอยู่บนมือทันที
แต่เขากลับเหมือนไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด และพูดออกมาตามไรฟันอยากโกรธแค้น “ขงเบ้ง!”
คุณพ่อของเขาเสียชีวิตไป ขงเบ้งก็จะกลายเป็นลูกชายคนเดียวของคุณปู่ ดังนั้นมีเพียงขงเบ้ง ที่ทำให้คุณปู่ปกป้องขนาดนี้ได้
ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ทำไมคุณปู่ถึงได้ทำลายรถสีแดงทุกคันในบ้าน
นัทธีรู้ว่าวารุณีไม่ได้พูดมั่วซั่ว
เพราะเรื่องทำลายรถสีแดง เขาเองก็รู้เรื่องนี้ เพียงคี่ไม่รู้สาเหตุเท่านั้นเอง
ตอนนี้เขาคิดผสานทุกอย่างได้แล้ว
เป็นขงเบ้งที่ส่งคนไปชนพ่อแม่ของเขา ก็เพื่อสิทธิ์ในการเป็นทายาทสืบทอดบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปนั่นเอง
เพราะเมื่อสิบแปดปีก่อน คุณปู่เกิดป่วยขึ้นมา และได้ถอยลงจากบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป และคิดจะให้คุณพ่อเป็นผู้สืบทอด
ในตอนนั้นขงเบ้งเองก็ได้พยายามต่อสู้เพื่อตำแหน่งนั่นอยู่เหมือนกัน แต่ได้ถูกคุณปู่กดเอาไว้ เกรงว่าขงเบ้งจะขุ่นเคืองจากเรื่องนี้ ถึงได้ลงมือฆ่าคุณพ่อคุณแม่ของเขา เพราะว่ามีเพียงคุณพ่อของเขาตาย ขงเบ้งก็จะกลายเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของคุณปู่ บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปเองก็จะมีขงเบ้งเป็นคนสืบทอด
แต่คิดไม่ถึงว่า คุณปู่จะทนความเจ็บปวดและบริหารบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปต่อไป ไม่ได้มอบบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปให้กับขงเบ้ง รอจนเขาบรรลุนิติภาวะ ก็จะมอบบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปให้เขา
และในระหว่างนี้ ไม่ใช่ว่าขงเบ้งจะไม่คัดค้าน แต่ก็ถูกคุณปู่กดเอาไว้ทุกครั้ง
เมื่อก่อนเขาไม่เข้าใจมาโดยตลอด เห็นได้ชัดว่ามีหลายครั้งที่ขงเบ้งจะเอาชนะคุณปู่ได้ แต่สุดท้ายกลับละมือ เกรงว่าคงเป็นเพราะคุณปู่ใช้เรื่องที่เขาฆ่าคุณพ่อคุณแม่ข่มขู่เขา ถึงได้ทำให้กดทับขงเบ้งได้ง่ายแบบนี้
“เหอะ ๆ ……” นัทธียกแขนขึ้นมาปิดตาเอาไว้ ปากก็ส่งเสียงทุ้มต่ำที่ทำให้คนรู้สึกหวาดผวาออกมา
เขาคิดว่า เขารู้คร่าว ๆ แล้วว่าพินัยกรรมของคุณปู่คืออะไร
นั่นก็คือหลักฐานที่ขงเบ้งฆ่าคุณพ่อคุณแม่ของเขานั่นเอง ดังนั้นครอบครัวของขงเบ้ง ถึงได้อยากได้พินัยกรรมอย่างไม่คิดชีวิตแบบนี้
เยี่ยม เยี่ยมไปเลยจริง ๆ ครอบครัวของขงเบ้ง และยังมีคุณปู่ พวกเขาต่างก็สุดยอดไปเลยจริง ๆ
เสียงหัวเราะของนัทธีค่อย ๆ ดังขึ้นมา ในเสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเศร้ารันทด
เขารู้ว่าครอบครัวของขงเบ้งไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า พวกเขาจะเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณพ่อคุณแม่
ขงเบ้งเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของคุณพ่อของเขาเชียวนะ ทำไมถึงทำได้ลงคอ
แน่นอนว่า ที่ทำให้นัทธีผิดหวังที่สุด ก็คือคุณปู่บรรพต
เพื่อปกป้องลูกชายคนเดียวอย่างขงเบ้ง กลับเลือกที่จะเมินเฉยต่อการตายของลูกชายอีกคน
มิน่าตอนที่คุณปู่ฆ่าตัวตาย ถึงได้บอกว่าทำผิดต่อเขามากที่สุด
“อ้าก!” นัทธีเอามือลงมาจากตาราวกับบ้าคลั่ง จากนั้นก็ปัดทุกสิ่งทุกอย่างบนโต๊ะน้ำชาลงไปบนพื้น อย่างท้อแท้ใจ
เสียงของแตกกระจายดังเพล้ง
กระจกเครื่องลายครามแตกกระจายอยู่เต็มพื้น
เมื่อมารุตที่อยู่ด้านนอกได้ยินเข้า นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงรีบวิ่งเข้าไปตรวจดูทันที
“ท่านประธานครับ……” มารุตตะลึงงัน เห็นนัทธียืนอยู่ด้านหน้าโซฟา ก้มหน้าลง รัศมีความวังเวงแผ่ซ่านออกมารอบ ๆ ร่างกาย ทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
“ท่านประทาน ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” มารุตรวบรวมความกล้าและเอ่ยถาม
ริมฝีปากบาง ๆ ของนัทธีขยับเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นยะเยือกไร้อารมณ์ “ฉันต้องการพบเลขาของคุณปู่”
“ครับ ผมจะไปจัดการทันที” มารุตไม่ถามสาเหตุเลยสักนิด เขารับพยักหน้ารับคำทันที