พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 44 กระเพาะอาหารอักเสบฉับพลัน
“ประธานนัทธี”วารุณียืนขึ้นมา“คุณอยู่กับอารัณไอริณได้ไงคะ?”
“ตอนที่ผมกลับมา เห็นพวกเขาสองคนที่ชั้นล่างพอดี ก็เลยพาพวกเขามาที่บ้านพักของผม”นัทธีพิงไปที่กำแพงตรงทางเดิน ตอบกลับเสียงราบเรียบ
ไอริณยกมือเล็กๆขึ้นมา วาดวงกลมใหญ่ๆขึ้นมากลางอากาศ“หม่ามี๊ คุณอานัทธีนิสัยดีนะ พาหนูกับพี่ไปกินของอร่อยตั้งเยอะ แล้วยังพาไปเดินเล่นอีก”
“ไม่ผิด”อารัณก็พยักหน้า“พวกเราเพิ่งกลับมาจากเดินเล่น”
“แบบนี้นี่เอง”วารุณีได้ยินก็เข้าใจ ดึงลูกทั้งสองคนให้โค้งคำนับนัทธี“ประธานนัทธี ขอบคุณคุณที่ดูแลเด็กสองคนนี้นะคะ”
“ไม่ต้อง คุณต่างหาก ทำไมกลับมาดึกขนาดนี้?”นัทธีเงยตาขึ้น น้ำเสียงมีความไม่พอใจหน่อยๆ
เธอไม่กลัวว่าลูกสองคนอยู่บ้านลำพัง จะมีอันตรายหรือไม่!
วารุณีไม่รู้ว่าในใจนัทธีกำลังคิดอะไรอยู่ หัวเราะอธิบายว่า“ตอนบ่ายฉันไปโรงงานผ้าถึงสามที่ ก็เลยกลับมาช้า”
ได้ยิน นัทธีก็เม้มปากเล็กน้อย“เรื่องพวกนี้ให้แผนกจัดซื้อไปก็ได้ คุณไม่จำเป็นต้องไปเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ โครงการ Bath fire rebirth นี้สำคัญต่อฉันมาก ถ้าไม่ได้ดูแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องกันกับตา ฉันก็ไม่วางใจ”วารุณียกมือขึ้นเอาผมทัดไว้หลังหู
หางคิ้วนัทธีขยับเล็กน้อย สายตาหม่นลง
ตอนนี้ อารัณที่อยู่ข้างๆกำลังกระซิบกระซาบกับไอริณ จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนไป กุมท้องคุกเข่าลงไปที่พื้น แล้ว“อ้วก”อาเจียนออกมา
“พี่!”ไอริณอยู่ห่างอารัณใกล้ที่สุด ก็มองเห็นอารัณอ้วก ตกใจจนร้องเสียงดัง
ที่ตกใจเหมือนกันก็ยังมีวารุณี เธอมาตรงหน้าอารัณด้วยสายตาร้อนรน ถามเสียงสั่น“ลูกรัก เป็นอะไรไปลูก?”
อารัณไม่ตอบ ยังไม่หยุดอ้วก
นัทธีก็เดินเข้ามา คุกเข่าตรงหน้าอารัณด้วยสีหน้าตึงเครียด ยื่นมือไปลูบหน้ากับหน้าผากของเขา น้ำเสียงทุ้มต่ำ“ตัวเขาเย็นมาก แล้วยังมีเหงื่อเย็นๆไหล ต้องไปโรงพยาบาล”
พูดไป นัทธีก็อุ้มอารัณขึ้นมาอย่างไม่ลังเล รีบเดินไปที่ลิฟต์
วารุณีเห็นสถานการณ์ ก็รีบดึงไอริณตามไปด้วย
“หม่ามี๊ พี่จะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”ไอริณถามพร้อมกับร้องไห้
“แน่นอน พี่ชายเป็นซูเปอร์แมนตัวน้อย จะเป็นอะไรไปได้ไง!”วารุณีฝืนยิ้มปลอบใจลูกสาว แต่ความกังวลในดวงตานั้น กลับชัดเจนอย่างมาก
ระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล อารัณก็ไม่อาเจียนแล้ว แต่กลับตัวสั่นไม่หยุด และยิ่งสั่นหนักขึ้นเรื่อยๆ
วารุณีกังวลว่าแบบนี้ต่อไป เขาจะกัดลิ้นของตัวเอง
ดังนั้นรีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า ม้วนเป็นกลมๆใส่ปากอารัณ
“ประธานนัทธี!”วารุณีกอดอารัณไว้แน่น ตะโกนเสียงแหลมไปที่ชายหนุ่มที่ขับรถด้วยตาแดงก่ำ ในน้ำเสียงมีความอ้อนวอนอย่างชัดเจน
“ผมรู้”นัทธีมองไปที่กระจกมองหลัง รูม่านตาหดลง สองมือกำพวงมาลัยไว้แน่น แล้วเหยียบคันเร่งขั้นสุด
แป๊บเดียว ก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว
อารัณถูกส่งไปที่ฉุกเฉิน วารุณีดึงไอริณมายืนรออยู่นอกห้องฉุกเฉินอย่างกระสับกระส่าย
นัทธีลงทะเบียนเสร็จกลับมา ก็เดินไปยืนข้างๆเธอ มองหน้าประตูห้องฉุกเฉินไปกับเธอ“อย่ากังวล อารัณไม่เป็นอะไรแน่”
วารุณีส่ายหน้า เสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย“ฉันจะไม่กังวลได้ไง อารัณไม่เคยป่วยมาก่อนเลย จู่ๆเขาก็เป็นแบบนี้ ฉัน ……”
คำที่ตามมา เธอพูดไม่ออกแล้ว คุกเข่าลงไปที่พื้นร้องไห้อย่างหนัก
ไอริณก็มีผลกระทบจากเธอเช่นกัน เงยหน้าเล็กๆขึ้น แล้วร้องไห้ไปกับเธอ
สองคนแม่ลูกร้องไห้ด้วยกัน นัทธีได้ยินแล้วหัวใจเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก
ตอนที่เขาจะปลอบ ให้สองคนแม่ลูกไม่ร้องไห้ จู่ๆไฟที่ห้องฉุกเฉินก็ดับลง
นัทธีหรี่ตาลง รีบเดินเข้าไป ขวางหมอที่ออกมาจากด้านในไว้ ถามเสียงหม่นว่า“เด็กเป็นยังไงบ้างครับ?”
ได้ยินคำนี้ วารุณียืนขึ้นมาทันที เช็ดน้ำตา แล้วก็ตามไปถาม“หมอคะ ลูกชายฉันไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?”
“ไม่เป็นไรแล้วครับ”หมอถอดหน้ากากลงแล้วตอบ
วารุณีโล่งอก หัวเราะทั้งน้ำตา
นัทธีขมวดคิ้วแน่น และก็ผ่อนคลายขึ้นมา
ไอริณก็กระโดดด้วยความดีใจ
“หมอคะ ลูกชายฉันเป็นอย่างไรกันแน่?”ความกังวลในใจผ่อนคลายลง วารุณีจึงถามอาการของอารัณอย่างนึกขึ้นได้
“กระเพาะอาหารอักเสบฉับพลัน พวกคุณเป็นพ่อเป็นแม่ ต่อไปต้องระวังหน่อยนะครับ”พูดจบ หมอก็เดินผ่านพวกเขาไป
“กระเพาะอาหารอักเสบ……จะกระเพาะอาหารอักเสบได้อย่างไร?”ใบหน้าวารุณีมีแต่ความสงสัย
“เดี๋ยวผมไปถามที่ห้องแล็บก่อน”นัทธีตบไหล่ของเธอ
เขาไปไม่นานนัก อารัณก็ถูกส่งเข้าไปห้องธรรมดา
ไอริณร้องไห้เหนื่อยจนหลับไป ถูกวารุณีวางไว้อยู่ข้างอารัณ
วารุณีเดินไปนั่งลงหน้าโซฟาตรงข้ามเตียง มองไปที่เตียงคนไข้อย่างร่องรอย แล้วในใจก็โทษตัวเองที่ไร้ประโยชน์
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอตระหนักได้ถึงใบหน้าผิดปกติของอารัณแล้วแท้ๆ แต่ตอนนั้นเธอแค่คิดว่าเป็นเพราะแสงไฟ
เธอเป็นแม่ที่แย่จริงๆ!
กำลังคิดอยู่นั้น ประตูห้องคนไข้ก็เปิดออก นัทธีเข้ามาจากด้านนอก เอาผลแล็บยื่นให้วารุณี“ผลแล็บของอารัณออกมาแล้วครับ กระเพาะอาหารอักเสบเป็นเพราะอาหารทะเล”
“ทะเล?”วารุณีตะลึงไปก่อน จากนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างงงๆ“ฉันไม่ได้ให้อารัณกินอาหารทะเลนะ?”
“ผมเอง”นัทธีก้มหน้าลง“คืนนี้ผมพาพวกเขาสองคนพี่น้องไปกินอาหารทะเล ขอโทษมากๆนะ ผมไม่รู้ว่าจะทำให้อารัณแพ้”
ที่แท้ก็แบบนี้เอง!
วารุณีหัวเราะอย่างลำบากใจ“ไม่โทษประธานนัทธีหรอกค่ะ”
จากที่เธอเข้าใจลูกทั้งสองคนนี้ของตัวเอง อาหารทะเลมื้อนี้ อารัณต้องขอแน่ๆ โทษคนอื่นไม่ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น คืนนี้นัทธียังช่วยอุ้มมาอีก เธอจึงโทษเขาไม่ได้เลย
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อารัณป่วยก็เกี่ยวข้องกับผมโดยตรง ผมจะรับผิดชอบเอง”นัทธีถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนอ้วกบนตัว นั่งลงข้างๆวารุณี
วารุณีลูบแก้ม แล้วพยายามมีชีวิตชีวา“ประธานนัทธี ดึงมากแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ ถ่วงเวลาคุณต้องมากขนาดนี้ ขอโทษจริงๆนะคะ รออารัณดีขึ้นแล้ว ฉันจะขอบคุณคุณอีกครั้งดีๆนะคะ”
“ไม่เป็นไร ผมอยู่นี่เอง ถ้าต่อไปอารัณต้องตรวจอะไรอีก คุณทิ้งไอริณที่ห้องคนไข้ลำพังอย่างสบายใจได้เหรอ?”นัทธีมองไปทางเธอเล็กน้อย
วารุณีอ้าปาก ไม่มีอะไรจะพูด
ใช่ โรงพยาบาลเทียบกับบ้านไม่ได้
โรงพยาบาลมีทั้งคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน ถ้าไอริณถูกคนพาไปจะทำไง
คิดแบบนี้ วารุณีจึงยอมรับข้อเสนอของนัทธี ทั้งสองคนจึงนั่งบนโซฟาเงียบๆแบบนี้ ปกป้องเด็กสองคน
เวลาผ่านไปไวมาก พริบตาเดียวก็เที่ยงคืนแล้ว
วารุณีเริ่มหาว ใบหน้ามีแต่ความเหนื่อยล้า
นัทธีวางโทรศัพท์ลง เหลือบมองเธอ“อยากหลับล่ะก็ ไปขอเตียงที่เคาน์เตอร์พยาบาลได้เลยนะ ตรงนี้ผมเฝ้าเอง”
“ไม่ได้หรอก”วารุณีสูดหายใจ แล้วตอบอย่างซึมๆ“อารัณยังไม่ตื่น ฉันนอนไม่ได้!”
“แล้วแต่คุณ”นัทธีเอาสายตามองไปที่โทรศัพท์อีกครั้ง แล้วอ่านรายงานต่อ
จากนั้นยังไม่ทันรอเขาอ่านรายงานฉบับนี้จบ ก็รู้สึกว่าหนักที่ไหล่
การกระทำเลื่อนหน้าขอของนัทธีหยุดลง หันหน้าไปมองเล็กน้อย มองเห็นวารุณีกำลังหลับตา นอนหลับพิงไหล่ของเขา