พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 445 กลยุทธ์ทุกข์กาย
ทีแรกเธออยากถาม ตอนนี้นวิยายังมีชีวิตอยู่ไหม
ทว่าพอนึกถึงแบบนี้ไม่มีมารยาท จึงเปลี่ยนเป็นถามว่านวิยาไม่เป็นไรใช่ไหม
นัทธีอยากรู้คำตอบนี้มาก มองไปยังมารุต
มารุตตอบกลับ “คุณนวิยาไม่เป็นอันตรายใดๆ ยามสังเกตเห็นตรงเวลาพอดี ตอนที่สังเกตเห็นเธอ เธอยังกรีดข้อมือได้ไม่นาน”
ได้ยินแบบนี้ ใบหน้าบึ้งตึงของนัทธีก็ดีขึ้นมาก
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเกลียดนวิยาอย่างมากก็ตาม
ทว่ากลับไม่อยากให้นวิยาตาย
วารุณีก็ได้ยินคำตอบของมารุต ก็รู้สึกโล่งอก “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
เธอกลับไม่ได้สนใจนวิยา เธอแค่เป็นห่วงว่านวิยาตาย นัทธีต้องรับผิดชอบชีวิตหนึ่งชีวิต
ยังไงคนที่กักขังนวิยาก็คือเขา
“ผมจะไปดูเธอก่อน ค่อยคุยกันตอนดึกนะ” นัทธีนวดขมับ แล้วคุยกับคนที่อยู่ในสาย
วารุณีตอบอืม “ได้ คุณไปเถอะ”
พอคุยจบ นัทธีวางมือถือลง เงยหน้าเดินไปที่ประตูใหญ่ออฟฟิศ
มารุตก็ตามไป
ไม่นาน ก็ถึงวิลล่าตระกูลแก้วสุทธิ
นัทธีลงจากรถ มียามคนหนึ่งเดินมา ก็คือคนที่สังเกตเห็นวิยาด้วยตัวเอง
“คนล่ะ?” นัทธีเดินไปด้านในวิลล่าไปด้วย และก็ถามด้วยเสียงเย็นชา
ยามตามหลังเขา แล้วตอบกลับด้วยความเคารพ “คุณนวิยากินยาแล้ว ตอนนี้น่าจะหลับไปแล้ว”
นัทธีพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถามขึ้นอีกครั้ง “ตอนที่นายเห็นเธอฆ่าตัวตาย เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“น่ากลัวมากครับ” ยามสั่นไปทั้งตัว แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ตอนที่ผมเข้าไปในห้องอาบน้ำ เห็นเลือดเต็มพื้น คุณนวิยาพิงอยู่ขอบอ่าง มือข้างที่ถูกกรีดแช่ไว้ในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำ ทำให้น้ำกลายเป็นสีแดงขึ้นมาทันที”
นัทธีทำสีหน้าหม่นหมอง “ฉันรู้แล้ว นายกลับไปเฝ้าไว้ก่อนเถอะ”
“ครับ” ยามตอบกลับสั้นๆ ยืนอยู่ตึกล่างไม่ยอมไปไหน
นัทธีและมารุตขึ้นตึก
เดินถึงบนตึก มารุตก็ช่วยเขาเปิดประตูห้อง
ไฟของห้องเปิดออก นัทธีเข้าไปด้านใน ก็เห็นนวิยาบนเตียงนอน
นวิยาไม่ได้เหมือนยามที่หลับไปแบบนั้น แต่พึงอยู่บนหัวเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว ตาทั้งสองข้างมองประตูด้วยความหม่นหมอง
พอเห็นนัทธีเข้ามา นัยน์ตาของนวิยาเปล่งประกาย ทว่าไม่นานก็หายไปทันที ในน้ำเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยการดูหมิ่น “นายมาเจอฉันแล้วเหรอ?”
นัทธีไม่พูดไม่จา เดินหน้าไปข้างเตียงทันที แล้วก้มหน้าเล็กน้อย ดูข้อมือของเธอที่ทำแผลเสร็จแล้ว “ทำไมต้องฆ่าตัวตายด้วย?”
นวิยายกข้อมือที่กรีด แล้วพูดอย่างเย้ยหยัน “ทำไม นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ฉันในตอนนี้ ไม่มีแรงขับเคลื่อนที่จะอยู่ต่อเลยสักนิด
“อ้อ?” นัทธีหรี่ตาลง “เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?”
“ใช่” นวิยาวางมือลง “ชาตินี้ฉันรักแค่นายคนเดียว นายเป็นความหวังและแรงขับเคลื่อนให้ฉันมีชีวิตต่อ แต่ตอนนี้นายเกลียดฉันแล้ว ไม่ได้รักฉันและเป็นห่วงฉันเหมือนแต่ก่อน ดังนั้นฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม?”
นัทธีเม้มริมฝีปากบางขึ้น “ที่แท้เธอคิดแบบนี้เองเหรอ เธอเอาชีวิตตัวเองฝากไว้กับคนอื่น หรือว่าเธอไม่เคยคิดจะพึ่งพาตัวเองเลยเหรอ หรือว่าในความคิดของเธอ ชีวิตนี้มีแค่ความรัก ไม่มีอย่างอื่นเลยเหรอ?”
นวิยาหลับตาลง “ไม่มี ชาตินี้ฉันเห็นความรักสำคัญมากๆ มากจนฉันเดินออกมาไม่ได้ ดังนั้นนัทธี นายก็อย่ากล่อมฉันอะไรเลย ให้ฉันไปตายเถอะ แบบนี้ ฉันจะได้ไม่ต้องคอยขัดขวางนายกับคุณวารุณี”
นัทธีทำสีหน้าหม่นหมอง “เธอกำลังข่มขู่ฉันอยู่เหรอ?”
“ฉันไม่ได้ข่มขู่นาย ฉันพูดความจริง ฉันที่เสียนายไป ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ”
พูดถึงตรงนี้ นัยน์ตาที่ชุ่มน้ำตาของนวิยามองเขาอยู่ “ดังนั้ยนัทธี ถ้านายอยากให้ฉันอยู่ต่อ นายทำเหมือนแต่ก่อนกับฉันได้ไหม ฉันรู้ว่าผิดไปแล้ว ฉันไม่หวังว่านายจะอยู่กับฉัน ฉันแค่หวังว่าฉันจะสามารถเป็น้องสาวของนายได้อีก”
“เธอคิดว่ามีความเป็นไปได้หรือไง?” นัทธีมองเธอด้วยความเย็นชา “คำพูดแบบนี้ ก่อนที่เธอกับพิชิตจะคบกันก็ได้บอกแล้ว ดังนั้นฉันเลยไม่ค่อยระมัดระวังกับเธอมาตลอด แต่สุดท้าย เธอก็ทำยังไงอีก ดังนั้นฉันจะเอาอะไรมาเชื่อเธออีก อีกอย่างทำไมฉันต้องอภัยให้คนที่วางยาฉัน และจ้องจะหาเรื่องฉันด้วย”
นวิยาทำสีหน้าที่ยิ่งซีดเซียว แล้วยิ้มอย่างขมขื่น “นายพูดถูก ฉันเองที่คิดเพ้อฝันที่ไม่เป็นจริง ขอโทษนะนัทธี ฉันทำให้นายผิดหวังแล้ว”
พูดจบ เธอก้มหน้าลง แล้วใช้มือข้างนั้นไปดึงผ้าที่อยู่บนข้อมืออีกข้าง
เธอใช้แรงดึงอย่างแรง ไม่นายผ้าก๊อซก็มีเลือดซึมทันที
นัทธีเห็น เส้นเอ็นบนขมับปูดขึ้น “เธอทำอะไร?”
“นายจะสนว่าฉันทำอะไร ฉันพูดแล้ว ไม่มีนาย ฉันไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อ ดังนั้นตอนนี้ฉันจะไปตายเดี๋ยวนี้!” นวิยาตอบทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น
นัทธีทำสีหน้าที่เปลี่ยนไป “คุณยังบอกว่าไม่มีอะไรที่จะข่มขู่ผม อีกอย่างเธอนึกว่าเธอทำแบบนี้ แล้วฉันจะยอมเหรอ?”
นวิยาหยุดการกระทำไป
แต่ไม่นาน ก็กระชากผ้าก๊อซต่อ
พอเห็นว่าผ้าก๊อซกำลังถูกกระชากจนหมด นัทธีก็โบกมือขึ้น
มารุตที่นิ่งเงียบมาโดนตลอด ใช้มีดตีนวิยาจนสลบไปเลย
ก่อนนวิยาจะหลับตา นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยความไม่น่าเชื่อ
มารุตวางนวิยาที่เป็นลมบนเตียง จากนั้นแกะผ้าก็อซของเธอออกแล้วพันกลับไปต่อ
หลังจากพันเสร็จ มารุตกลับไปด้านหลังของนัทธี “ท่านประธาน ผมว่าคุณนวิยากำลังจะใช้กลยุทธ์ทุกข์กายอยู่”
“ฉันรู้” นัทธีผงกหัวเล็กน้อย
เขาจะดูไม่ออกได้ยังไงว่าเธอไม่อยากตาย หากเธออยากตายจริงๆ ก่อนที่เขาจะมาเธอก็หาวิธีตายได้
อย่างเช่นกรีดแขนใหญ่ กระโดดตึกหรือวิ่งชนกำแพงและอื่นๆ
ยังไงยามไม่มีทางเข้าห้องมาดูเธอตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเธอมีโอากาสเอยะ ทว่าเธอกลับไม่ได้ทำแบบนั้น นี่แสดงว่าเธอกำลังรอเขามาจริงๆ แล้วจงรักทุกข์กายตัวเองให้เขาดู
ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอจงใจทำ ทว่ากลับไม่สามารถปล่อยให้เธอเกิดอะไรขึ้นได้
“งั้นท่านประธาน วันข้างหน้าพวกเราควรทำยังไง คุณนวิยาเป็นแบบนี้ เกรงว่าวันข้างหน้าคงจะโวยวายฆ่าตัวตายมาขู่ข่มท่านอี” มารุตจับผมแล้วพูดด้วยความปวดหัว
นัทธีนิ่งงันสักพัก แล้วหรี่ตาลง “เดี๋ยวนายสั่งให้คนใช้ผู้หญิงสองคนเข้ามาจับตามองเธอไว้ตลอดเวลา ให้เธอหาโอกาสโวยวายฆ่าตัวตายไม่ได้อีก อีกอย่าง ของใช้ในบ้านย้ายออกไปให้หมด เปลี่ยนเป็นของเติมลมทั้งหมด ของใช้แหลมคมห้ามมีในห้องเด็ดขาด หน้าต่างและระเบียงก็ให้ปิดหนึ่งครึ่ง”
มารุตได้ยิน จึงยกนิ้วโป้งขึ้น “ท่านประธาน ความคิดนี้ของท่านไม่เลวเลยจริงๆ ”
นัทธีแค่นเสียงฮึดฮัด แล้วหันหลังและเดินไปทางฝั่งประตู
มารุตไม่ได้ตามไป แต่เอามือถือออกมา แล้วมอบหมายเรื่องนี้ให้เสร็จ
ผ่านไปไม่นาน รอให้นวิยาฟื้นขึ้นมา ก็เห็นทุกอย่างในห้องเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่คนที่เฝ้าอยู่ข้างเตียงเป็นคนใช้สองคนที่ทำสีหน้าไร้อารมณ์
นวิยาฉลาดมาก แต่ก็ตอบสนองกลับได้โดยตรง พวกนี้เป็นสิ่งที่นัทธีเอามาป้องกันไม่ให้เธอได้ฆ่าตัวตายอีก
เธอเครียดจนทุบเตียงอย่างต่อเนื่อง กลับไม่รู้ว่าจะทำยังไงกันแน่
เวลาผ่านไปเร็วมาก ถึงสุดสัปดาห์แล้ว
นัทธีพาเด็กสองคนมาถึงประเทศที่วารุณีไปร่วมเข้าประกวด
เด็กสองคนลงจากรถก็วิ่งไปในสถานที่จัดการประกวดทันที
นัทธีเดินอยู่ด้านหลังเด็กคนนี้ แล้วมองพวกเขาด้วยความรักใคร่
“พ่อ เร็วเข้า” ไอริณวิ่งไปหลายก้าว พอเห็นนัทธีตามไม่ทัน ก็หยุดลงแล้วตะโกนเรียก
นัทธีมองลูกสาว หัวใจก็แทบจะหลุดลงออกมาอีกรอบ แล้วก้าวฝีเท้าเดินหน้าเร็วมากขึ้น “เอาเถอะ”
พ่อลูกสามคนต่างก็เข้าประตูไป
นัทธีเอาบัตรเข้าชมยื่นไป ยามก็ปล่อยให้เข้าไป
ทั้งสามพ่อลูกเข้าไปในงาน
เด็กสองคนจูงมือกัน แล้วมองซ้ายแลขวา
“พี่ชาย หม่ามี้อยู่ไหนเหรอ?” ไอริณถาม
ไอริณปล่อยมือของเขา แล้ววิ่งไปข้างๆนัทธี ดึงแขนเสื้อของเขา “พ่อ รีบโทรหาหม่ามี๊เถอะ บอกว่าเธอพวกเรามาถึงแล้ว ฉันคิดถึงหม่ามี๊จะตายแล้ว