พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 451 แฟชั่นโชว์เลื่อนออกไป
เชอรีนหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตั้งสติพลางตอบกลับมา” แต่ว่าเมื่อหันกลับมา ฉันก็เห็นท่อนไม้หวดมาทางฉันแล้ว จากนั้นฉันก็เจ็บท้ายทอยเป็นอย่างมาก แล้วก็ไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ”
“ท่อนไม้……” วารุณีหายใจเข้าอย่างเย็นยะเยือก ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเย็นชา “ถึงกับใช้ท่อนไม้ เขาไม่กลัวว่าจะตายเลยเหรอไง?”
หัวของคนนั้นมันอ่อนมาก กระแทกเพียงนิดเดียว อาจจะทำให้ตายได้เลย ยิ่งมาใช้ท่อนไม้ด้วยแล้วละก็
ดังนั้นตอนนี้เชอรีนเลยยังมีชีวิตอยู่ ราวกับว่ายังมีโชคดีในโชคร้าย
นัทธีเงยหน้ามองเชอรีน “คนที่ทำร้ายคุณล่ะ เห็นไหมว่าคือใคร?”
เชอรีนห่มผ้าบนตัวให้แน่น ก่อนจะพยักหน้าพลางส่ายหัวอีก “ฉันเห็นเพียงเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ไอ้โม่ง ในนั้นมีผมสีทองแลบออกมา น่าจะเป็นชาวตะวันตก แต่นอกจากนี้ฉันก็ไม่รู้แล้ว ฉันไม่เห็นว่าหญิงคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร”
“ชาวตะวันตก” วารุณีหรี่ตาลง ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เชอรีนมองเธอ “วารุณี คุณว่าคนคนนั้น ใช่คนที่ขังคุณเอาไว้ในห้องน้ำหรือเปล่า?ที่ฉันไปห้องคุมกล้องวงจร ก็เพื่อไปดูกล้องวงจรปิดแล้วหาคนที่ขังคุณเอาไว้ในห้องน้ำ ดังนั้นฉันว่า ตอนที่คนคนนั้นทำร้ายจนฉันหมดสติไปในห้องคุมกล้องวงจรนั้น ต้องเป็นเพราะอยากทำลายกล้องวงจรปิด แล้วไม่ให้เราหาเธอเจอแน่ๆ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็ดื่มน้ำอุ่น ก่อนจะพูดต่อ” แต่เธอคิดไม่ถึงว่าฉันจะไปห้องคุมกล้องวงจรเร็วขนาดนั้น ดังนั้นเลยทำร้ายจนฉันหมดสติไป ด้วยความร้อนรนใจ”
ถึงอย่างไรใครๆ ก็รู้ ว่าเธอนั้นเป็นนางแบบของวารุณี
ดังนั้นหลังจากที่วารุณีถูกขังเอาไว้เธอก็ไปที่ห้องคุมกล้องวงจร มันก็เดาได้อย่างง่ายดายเลยว่าเพื่ออะไร
“ไม่ อาจจะไม่ใช่คนที่ขังฉัน” วารุณีส่ายหัว
เชอรีนกะพริบตาปริบๆ “ทำไมล่ะ?”
นัทธีเปิดปากพูด “ตอนที่คุณถูกทำร้ายจนหมดสติไป การแข่งขันมันเริ่มขึ้นแล้ว คนที่ขังภรรยาของฉัน มีเพียงนักออกแบบเท่านั้น เพราะมันจะเกิดการแข่งขันกันระหว่างนักออกแบบเท่านั้น”
“ใช่แล้วล่ะ” วารุณีพยักหน้า
เชอรีนเข้าใจขึ้นมา “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนคนที่ทำร้ายจนฉันหมดสติไป กับคนที่ขังวารุณีเอาไว้ จะไม่ใช่คนคนเดียวกันจริงๆ แต่มันจะเป็นไปได้ไหม ว่าคนที่ทำร้ายฉันจนหมดสติไปจะเป็นนางแบบ?ฉันว่าหญิงคนนั้นสูงไม่เบาเลย”
วารุณีไตร่ตรองเงียบๆ เล็กน้อย “ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ คนที่ทำร้ายจนหมดสติไป น่าจะไม่อยากให้คุณเห็นกล้องวงจร แล้วหาคนที่ขังฉันเจอ ดังนั้นพวกเขาเลยอาจจะเป็นพันธมิตรกันก็ได้”
“จริงสิวารุณี แล้วกล้องวงจรปิดล่ะ?” จู่ๆ เชอรีนก็คิดขึ้นมา เลยรีบถามขึ้น “กล้องวงจรปิดยังอยู่ไหม?”
วารุณีกับนัทธีสบตากันเล็กน้อย
จากนั้นวารุณีก็ส่ายหัว “ไม่มีอยู่แล้วล่ะ หลังจากที่คนนั้นทำร้ายคุณจนหมดสติไป ก็เอาคลิปกล้องวงจรปิดไปแล้วแน่นอน”
ดังนั้นถ้าอยากจะหาหญิงสองคนนั้นจากกล้องวงจรนั้น มันดูจะเป็นไปไม่ได้เท่าไหร่
สิ่งเดียวที่สามารถพึ่งได้ในตอนนี้ มีเพียงไม้กวาดอันนั้นเท่านั้น
“คุณเชอรีน ไม้กวาดยังอยู่ไหม?” วารุณีถามขึ้น
เชอรีนส่ายหัว “ฉันไม่รู้ ก่อนที่ฉันจะถูกทำร้ายจนหมดสติไป ไม้กวาดมันอยู่ในมือฉันตลอด แต่ว่าหลังจากที่ไม่ได้สติไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าไม้กวาดมันถูกเอาไปหรือเปล่า”
“ให้คนไปหาหน่อยไหม?” นัทธีเปิดปากพูด
วารุณีตอบรับเบาๆ “ทำได้เพียงเท่านี้แหละ”
ถ้าพวกเขาหาไม้กวาดไม่เจอ เลยทำได้เพียงมาสืบจากทางผู้จัดแล้วล่ะ
แต่ว่านักออกแบบมีเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น เลยเชื่อว่าทางผู้จัดจะหาได้
“จริงสิ นางแบบของโสรยาเป็นชายหรือหญิงกันน่ะ?” ในตอนนั้นเอง จู่ๆ นัทธีก็เปิดปากพูดขึ้น
วารุณีมองไปทางเขา “ที่รัก คุณกำลังสงสัย……”
นัทธีพยักหน้ารับ “ฉันกับพวกอารัณดูคลิปการแข่งขันอยู่ในห้องพักผ่อนตลอด ระหว่างนั้นอารัณเห็นว่าแววตาที่โสรยามองคุณมันไม่ดีเลย ดังนั้นฉันเลยสงสัยว่าคนที่ขังคุณไว้ในห้องน้ำจะเป็นเธอ ถ้านางแบบของเธอเป็นหญิงผมทอง งั้นผลมันก็น่าจะออกมาได้แล้วล่ะ”
วารุณีถอนหายใจ “อันที่จริงตอนแรกฉันก็สงสัยโสรยา แต่ว่าอารมณ์ของโสรยานั้นดูปกติมาก ฉันมองไม่ออกเลยว่าเธอได้ทำหรือเปล่า แต่ว่าเมื่อครู่ที่ได้ยินคุณเชอรีนบอกว่าคนที่ทำร้ายเธอจนหมดสติไปคือหญิงผมทอง ดังนั้นฉันเลยแทบจะไม่ได้สงสัยโสรยาแล้วล่ะ”
“เพราะนางแบบของโสรยาเป็นคนตะวันออก ผมสีดำ สูงกว่าคนที่ทำร้ายฉันเล็กน้อย” เชอรีนพูดต่อ
นัทธีหรี่ตาลง “ถ้าเป็นแบบนี้ นักออกแบบที่อิจฉาคุณอยู่ในใจก็คงไม่น้อยเลยนะ”
“ก็จริง วารุณีของเรามีความสามารถขนาดนี้ การที่พวกเขาจะอิจฉาก็ไม่แปลก” เชอรีนยกยอ
วารุณีไม่รู้จะทำสีหน้าอย่างไร “นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังจะมาอวยกันอีก”
เชอรีนหัวเราะแหะๆ จากนั้นก็เบิกตาโพลง พลางลุกขึ้นมา
แต่เมื่อยืนขึ้นทันที ก็เริ่มมึนหัว จากนั้นก็เซ แล้วก็กลับไปนั่งแบบเดิม
“คุณทำอะไรน่ะ?” วารุณีตกใจเพราะเธอ ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงเธอ เพื่อไม่ให้เธอหมดสติไป
เชอรีนกุมหน้าผาก ก่อนจะพูดอย่างเบลอๆ” ขอโทษๆ ฉันคิดขึ้นได้ทันที แฟชั่นโชว์มันเริ่มแล้วหรือเปล่า วารุณี ฉันทำให้การแข่งขันของคุณถูก……”
เมื่อรู้ว่าเธอจะพูดอะไร วารุณีเลยมีแววตามืดดำไป จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาอย่างไม่แคร์อะไรมากมาย “ไม่เป็นไรหรอก ยกเลิกการแข่งขันไปก็ได้ แค่คุณไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
การแข่งขันนั้นมันสำคัญมาก แต่ว่าชีวิตคนนั้นสำคัญกว่า
ถึงการแข่งขันในวันนี้จะมีได้เท่านี้ แต่ปีหน้าก็ยังมีหนิ เอาไว้เธอค่อยทำใหม่ก็ได้
“วารุณี ขอโทษ ฉัน……”
“แฟชั่นโชว์ยังไม่เริ่มเลย” จู่ๆ นัทธีก็เปิดปากพูด
เชอรีนกับวารุณีอึ้งไปในเวลาเดียวกัน
“ที่รัก เมื่อกี้คุณพูดอะไรเหรอ?” วารุณีมองเขาอย่างตื่นตัว
เชอรีนเองก็เหมือนกัน “ประธานนัทธี เมื่อครู่คุณบอกว่า แฟชั่นโชว์ยังไม่เริ่มงั้นเหรอ?”
นัทธีพยักหน้ารับ “ฉันให้ทางผู้จัดเลื่อนออกไปชั่วโมงหนึ่ง”
เชอรีนกะพริบตาปริบๆ “ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม”
“อือ คุณไม่ได้ฟังผิดไป” วารุณีตาเป็นประกาย จากนั้นก็ปรี่เข้าไปในอ้อมกอดของชายคนนี้ “ที่รักขอบคุณนะ”
นัทธียิ้มมุมปากขึ้น
แต่จากนั้น วารุณีก็ผลักเขาออก ก่อนจะเลิกทำหน้าตาเซอร์ไพรส์ พลางมองอย่างเป็นกังวล “ที่รัก คุณทำแบบนี้ มันจะเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือเปล่า?”
เธอรู้ว่าชายของตัวเองนั้นเป็นคนที่ลงทุนในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
“ไม่หรอก” นัทธีกับเธอสบตากัน “ฉันแค่เลื่อนแฟชั่นโชว์ออกไป มันไม่ทำให้เหล่านักออกแบบขาดกำไรหรอก ดังนั้นไม่ถือว่าใช้อำนาจในทางที่ผิด”
“งั้นก็ดี” เมื่อได้ยินพวกเขาพูดแบบนี้ เธอวางใจเถอะ
ในตอนนั้นเอง ภายในห้องแต่งหน้า นักออกแบบกับเหล่านางแบบทั้งหมดกำลังรอให้แฟชั่นโชว์เริ่มขึ้น แต่เมื่อเวลามาถึง ก็ไม่มีใครมาบอกให้นางแบบขึ้นโชว์ มันทำให้ทุกคนต่างร้อนใจขึ้นมา
โสรยาเองก็ขมวดคิ้ว นอกจากความร้อนรนในใจแล้ว ยังมีความไม่สบายใจด้วย
ทำไมถึงเวลาแล้วแต่ยังไม่เริ่มแฟชั่นโชว์?
ตอนที่กำลังคิดอยู่ ประตูของห้องแต่งหน้าก็เปิดออก จากนั้นพิธีกรก็เข้ามา พลางประกาศว่าแฟชั่นโชว์จะเลื่อนออกไปอีกหนึ่งชั่วโมง
นักออกแบบกับเหล่านางแบบทั้งหมดต่างลุกฮือขึ้น พลางทยอยถามถึงเหตุผล
โสรยามีม่านตาหดลง สีหน้าก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ในใจของเธอนั้นไม่สบายใจเป็นอย่างมากจริงๆ การแข่งขันเลื่อนออกไปหนึ่งชั่วโมง มันจะเกี่ยวกับเรื่องของวารุณีหรือเปล่านะ?
เพียงไม่นาน ความคาดเดาของเธอก็ถูกยืนยันแล้ว
พิธีกรกวาดตามองใบหน้าของนักออกแบบกับเหล่านางแบบ พลางพูดเสียงทุ้ม “คนในพวกคุณ มีใครสักคนทำร้ายนางแบบของวารุณี ตอนนี้นางแบบของวารุณีกำลังไปรักษา หลังจากที่เธอรักษาเสร็จแล้ว แฟชั่นโชว์ก็จะเริ่มต่อไป แต่เรื่องนี้ทางผู้จัดเริ่มสืบเสาะหาแล้ว ฉันหวังว่าก่อนที่ผลจะออกมา ฆาตกรจะมอบตัวเอง ไม่อย่างนั้นหลังจากที่ผลออกมาแล้ว……”
คำพูดจากนั้น พิธีกรไม่ได้พูดอะไร เพียงพึมพำเสียงเย็นชาก่อนจะหันตัวเดินออกไป
แต่เหล่านักออกแบบกับเหล่านางแบบในห้องแต่งหน้านั้น ต่างเข้าในความหมายของเขา ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะพูดจอแจขึ้นมา
สีหน้าของโสรยาซีดเซียว มือทั้งสองก็กำขึ้นอย่างแน่น ในใจก็ร้อนรนขึ้นมา
วารุณีหาเชอรีนเจอแล้วงั้นเหรอ!
นี่มันเรื่องใหญ่แล้ว ทางผู้จัดเริ่มทำการตรวจสอบ ถ้าเกิดหาเจอว่า……
โสรยาไม่กล้าจะคิดต่อไป ก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เธอก็กลับมา
ความร้อนรนในใจนั้นมันหายไปหมดจด จากนั้นก็ยิ้มขึ้นเบาๆ เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้กังวลการตรวจสอบของทางผู้จัดเลย แถมยังฮัมเพลงขึ้นมาด้วย
สุชาดารีบปรี่เข้าหา “นักออกแบบโสรยา คุณอารมณ์ดีมากเลยเหรอ?