พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 452 ผ้าคลุมผมพิเศษ
โสรยาจ้องมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะตอบเธออย่างสุภาพอ่อนโยน
“ก็พอได้อยู่”
เมื่อครู่เธอถามคนนั้นแล้ว คนคนนั้นบอก ว่าได้ลบร่องรอยทั้งหมดไปแล้ว ทางผู้จัดไม่มีทางหาเส้นผมของพวกเธอได้แน่ๆ
คนคนนั้นเป็นคนที่หนีออกมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นเลยนะ ในเมื่อพูดขนาดนี้แล้ว มันต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน
แถมคนคนนั้นยังบอกอีก ว่าในตอนที่ลบร่องรอยของพวกเธอ ยังทิ้งร่องรอยของนักออกแบบอีกคนเอาไว้อย่างตั้งใจด้วย เมื่อเป็นแบบนี้ ทางผู้จัดมีแต่จะหาเจอว่านักออกแบบอีกคนเป็นคนทำ
ดังนั้น เธอเลยอารมณ์ไม่เลวเลย
เพียงแต่ครั้งนี้ทำอะไรวารุณีไม่ได้อีกแล้ว และไล่วารุณีออกจากการแข่งขัน
แต่ผ่านไปไม่นาน เชอรีนกับวารุณีก็กลับมา
บนหัวของเชอรีนมีผ้าพันแผลอยู่ ใบหน้าซีดเซียว ดูท่าทีอ่อนแอเป็นอย่างมาก
พวกนักออกแบบกับเหล่านางแบบคนอื่นๆ ทยอยเข้ามาถาม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสอง
แต่วารุณีกับเชอรีนก็ตอบไปเล็กน้อย ก่อนจะส่งให้พวกเขาไป
“คุณวารุณี” วารุณีเพิ่งจะพาเชอรีนมานั่งตรงที่ ก่อนจะเตรียมแต่งหน้าให้เชอรีน แล้วโสรยาก็เดินเข้ามาหา
วารุณีขมวดคิ้วแน่น “คุณโสรยา มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“ไม่มีอะไร แค่มาเยี่ยมคุณเชอรีนน่ะ คุณเชอรีนไม่เป็นไรใช่ไหม?” โสรยามองเชอรีน ก่อนจะถามอย่างเป็นห่วง
เชอรีนมองไม่ออกว่าที่เธอกำลังเป็นห่วงอยู่นั้นมันจริงหรือเปล่า
เธอว่าดูเหมือนจะเป็นห่วงปลอมๆ มากกว่า
แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ เธอเองก็ไม่เปิดโปงอะไร พลางตอบเบาๆ “ไม่เป็นไร”
“ดีมากเลยล่ะ” โสรยาเหมือนจะดีใจกับเชอรีนเป็นอย่างมาก
วารุณีหยิบแปรงแต่งหน้าขึ้น “คุณโสรยา คุณออกไปก่อนได้ไหม ฉันยังต้องแต่งหน้าให้นางแบบของฉัน นางแบบของคุณเตรียมตัวเสร็จหมดแล้ว แต่ฉันเพิ่งเริ่มเอง”
“โอ๊ะ ขอโทษ งั้นฉันไปก่อนล่ะนะ” โสรยาเหมือนจะมีท่าทีว่าเพิ่งรู้ตัว เลยยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะหันตัวเดินไป
“วารุณี ฉันว่าเธอไม่ได้เป็นห่วงฉันจริงๆ หรอก แต่มาเพื่อหัวเราะเยาะฉันจะดูจริงเสียมากกว่า” เชอรีนบ่นพึมพำ
วารุณีเปิดตลับแป้ง “เอาล่ะ คนที่ไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจอะไร หลับตา เดี๋ยวฉันจะเริ่มแต่งหน้าแล้ว”
“อือ” เชอรีนพยักหน้า ก่อนจะหลับตาลง
เพียงไม่นาน วารุณีก็แต่งหน้าเสร็จ
เชอรีนมองตัวเองในกระจก ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้น “ก็ดูดีนะ แต่ว่าผ้าพันแผลบนหัวมันไม่เข้ากันเลย เกรงว่าคุณจะถูกหักคะแนนเรื่องภาพพจน์น่ะ”
วารุณีขบริมฝีปาก “คุณพูดถูก”
“เอาหมวกมาปิดหน่อยดีไหม?” เชอรีนเสนอขึ้น
วารุณีแววตาเป็นประกาย ก่อนจะตบบ่าของเธอ “คุณเชอรีน คุณนี่เป็นดั่งเทพแห่งความโชคดีของฉันจริงๆ เลย”
สิ่งนี้มันเตือนใจเธอ เสื้อผ้าที่เธอออกแบบ ตอนแรกมันเป็นชุดเจ้าสาวกับสูทมารวมกัน ด้านหน้าเป็นชุดเจ้าสาว แต่ด้านหลังกลับเป็นสูทของผู้ชาย
นี่เป็นเสื้อผ้าที่เธอออกแบบด้วยความเข้าใจในความรัก
ในเมื่อด้านหน้าเป็นชุดเจ้าสาว มันก็ใส่ผ้าคลุมผมได้
แต่ผ้าคลุมผมนั้นมันปิดทั้งหมดไม่ได้ เพราะด้านหลังนั้นเป็นสูท ดังนั้นผ้าคลุมผมเลยปิดได้เพียงด้านหน้า แต่ว่าด้านหลังนั้นจะไม่ปิดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผ้าพันแผลโผล่ออกมา
ดังนั้น เธอเลยคิดว่าด้านหลังจะใส่หมวกแจ๊ซ
เมื่อคิดไป วารุณีก็มองซ้ายมองขวา ก่อนจะหยิบหมวกหมวกแจ๊ซขึ้นมา พลางใช้กรรไกรตัดครึ่ง
เชอรีนมองท่าทีของเธอ ก่อนจะถามอย่างสงสัย “วารุณี คุณกำลังทำอะไรเนี่ย?”
เสียงของเธอไม่เบาเลย นักออกแบบกับนางแบบข้างๆ ได้ยิน เลยหันมามองพร้อมกัน
หนึ่งในนั้นก็มีโสรยาด้วย
โสรยามองท่าทีของวารุณีอย่างสงสัย โดยที่ไม่เข้าใจว่าวารุณีกำลังทำอะไรจริงๆ
วารุณีเองก็ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะเอาหมวกแจ๊ซทั้งสองครึ่งวางบนโต๊ะ จากนั้นก็สยายผ้าชีฟองออกมา ก่อนจะใช้กรรไกรตัดเป็นทรงออกมา
จากนั้น เธอก็เอาเข็มกับด้ายออกมา พลางเอาผ้าชีฟองกับหมวกแจ๊ซครึ่งหนึ่งมาเย็บเข้าด้วยกัน สุดท้ายก็เย็บดอกไม้ใส่บนผ้าชีฟองสองด้วยก่อนจะเอาเศษเพชรเม็ดเล็กๆ มาจัดแต่ง
เมื่อเป็นแบบนี้ มันก็เกิดผ้าคลุมผมที่พิเศษขึ้นมาแล้ว
แม้การรวมตัวของผ้าชีฟองกับหมวกแจ๊ซมันเกินความคาดหมายมากแล้ว แต่มันไม่ได้ดูแย่เลยแม้แต่น้อย แต่กลับดูมีเอกลักษณ์ไม่น้อยเลย
วารุณีเอาผ้าคลุมผมนี้มาใส่ให้เชอรีน
ผ้าคลุมผมกับหมวกแจ๊ซมันไม่เพียงปกปิดผ้าพันแผลบนหัว แต่มันยังทำให้เธอดูเป็นเจ้าสาวที่สวยงามมากขึ้นอีก แถมยังดูเป็นเจ้าบ่าวที่หล่อเหลาและสง่างามด้วย
หลังจากที่เหล่านักออกแบบคนอื่นๆ เห็นแล้ว ก็มีเสียงชื่นชมขึ้นมาเป็นอย่างมาก
“วารุณี คุณนี่เจ๋งจริงๆ เลย คิดอะไรที่แปลกใหม่ขนาดนี้ออกมาได้ด้วย”
“นั่นสิ เซนส์เรื่องแฟชั่นที่ดีขนาดนี้ มันทำให้น่าอิจฉาจริงๆ เลย”
“ฉันรับประกันได้เลย ลิขสิทธิ์ผ้าคลุมผมนี้เดี๋ยวจะต้องมีคนสนใจแน่นอน”
วารุณีส่งเสื้อผ้าให้เชอรีน เพื่อให้เธอไปเปลี่ยน ก่อนจะยิ้มและพูดคุยถามไถ่กับเหล่านักออกแบบ
ห่างไปไม่ไกล โสรยามองท่าทีพวกเขาพูดคุยกันอย่างรื่นรมย์ ก็อดไม่ได้ที่จะต้องกัดเล็บนิ้วโป้งขึ้นมา แววตาก็มีความอิจฉาที่ยากที่จะปิดบังเอาไว้ได้
สุชาดาเองก็พูดอย่างกลับตาลปัตรไปหมด “มีแต่คนชื่นชมเธอนะเนี่ย”
โสรยาหรี่ตาลง
นั่นสิ วารุณีได้รับความนิยมชมชอบ เธอรู้มาตั้งนานแล้ว
เพราะพรสวรรค์ของวารุณี เพราะใบหน้าของวารุณี
แต่ทั้งสองอย่างนี้ เธอเทียบไม่ได้เลยสักอย่าง
โสรยาลูบใบหน้าของตัวเอง ก่อนจะผลุบตาลง เพื่อปกปิดความเกลียดชังภายในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ผ่านไปสักพัก เธอก็วางมือลง ก่อนจะพูดเสียงทุ้มต่ำ “เดี๋ยวหลังจากที่การแข่งขันจบลง คุณหาวิธีไปอยู่ต่อหน้าวารุณี แล้วยั่วให้เธอโกรธหน่อยนะ”
“ได้เลย” สุชาดาพยักหน้า
จากนั้นสิบกว่านาที แฟชั่นโชว์ก็เริ่มแล้ว
การออกแบบของวารุณีในครั้งนี้ มันทำให้ทุกคนตาลุกวาว
เพราะไม่มีใครคาดถึง ว่าชุดเจ้าสาวกับสูทมันจะมารวมกันได้
ตอนที่เชอรีนเดินขึ้นมาข้างหน้านั้น ทุกคนก็มองเห็น เป็นเจ้าสาวที่ใส่ชุดเจ้าสาวแล้วก็ถือช่อดอกไม้ พลางมีผ้าคลุมผมปิดอยู่
แต่เมื่อเธอถึงจุดหมุนตัวเพื่อเดินกลับมา สิ่งที่ทุกคนมองเห็น คือเจ้าบ่าวที่ใส่สูท แล้วก็สวมหมวกแจ๊ซ
การออกแบบแบบนี้ มันแปลกใหม่มาก แล้วก็ทำให้น่าตกใจอีกด้วย
คนที่มีเซนส์ทางแฟชั่นที่ดีหน่อย นิตยสารแฟชั่น แล้วก็บริษัทเสื้อผ้าตัดสินในแบบแอบๆ แล้ว หลังจากที่การแข่งขันจบลง จะซื้อการออกแบบนี้
ครั้งนี้ นอกจากการออกแบบของวารุณี ยังมีการออกแบบของโสรยา ที่ทำให้คนตื่นเต้นไม่น้อยเช่นเดียวกัน
การออกแบบของโสรยานั้น คือกระโปรงสั้นสายเดี่ยว ที่มีหลายชั้น มาพับซ้อนกันเหมือนกับกระโปรงบานๆ และก็เหมือนกระโปรงพองๆอีกด้วย
กระโปรงนั้นเป็นสีชมพู แล้วก็มีกลิตเตอร์ด้วย สามารถเอากลิตเตอร์มาใช้ประโยชน์ได้มากขนาดนี้ มันก็หมายความว่า นักออกแบบมีความสามารถเป็นอย่างมาก
เพียงแค่การตัดและการเย็บนั้น กลับไม่ค่อยเหมาะกับกระโปรงนี้เท่าไหร่ แต่ยังดีที่มันไม่ใช่เสื้อผ้าสำเร็จ ขอแค่ออกแบบได้ดีมากพอ ส่วนเทคนิคในการตัดเย็บนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะปล่อยบ้างไม่ได้เลย
เมื่อเป็นแบบนี้ ผลสุดท้ายของการแข่งขันคือ วารุณีอยู่ในทีมAต่อ ส่วนโสรยา ก็เข้ามาในทีมAได้ฉลุย
“วารุณี จากนี้ เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว จากนี้ก็สามารถวัดความสามารถในทีมเดียวกันได้แล้วล่ะ” ก่อนจะออกจากสนามการแข่งขัน โสรยาเข้ามาหาวารุณี ก่อนจะยิ้มให้วารุณีพลางพูดขึ้น
วารุณียิ้มขึ้นพลางพยักหน้า “เช่นเดียวกันๆ”
“งั้นเรามาตั้งตาคอยการแข่งขันรอบต่อไปในสามวันข้างหน้าเถอะ” เมื่อพูดจบ โสรยาก็เดินออกไป
วารุณีมองเงาของเธอ แต่ก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมนานเท่าไหร่ ก่อนจะออกจากการแข่งขันไป เพื่อไปที่ห้องพักแล้วหานัทธี
“การแข่งขันจบแล้วเหรอ?” นัทธีมองหญิงที่เข้ามาอย่างมีความสุข แววตาเองก็ดูอ่อนโยนขึ้นเป็นอย่างมาก
วารุณีพยักหน้า “เสร็จแล้ว ฉันยังอยู่ทีมA”
“ฉันรู้แล้วล่ะ” นัทธีจัดแจงผมที่รุงรังของเธอก่อนจะตอบอีก “ความสามารถของคุณ ฉันรู้ดี ฉันเชื่อว่าคุณจะไปได้ถึงท้ายที่สุด”
วารุณียิ้มพลางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของพวกเขา “ขอบคุณนะที่รัก”
นัทธีใช้มือหนึ่งโอบเอวเธอ ก่อนจะเอามือลูบผมของเธอ พลางตอบรับเบาๆ
ในตอนนั้นเอง เสียงของไอริณก็หัวขึ้นมาจากด้านล่างของทั้งสองคน “พ่อแม่น่าอายๆ มากอดกันอีกแล้ว”
วารุณีหน้าแดง ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดของนัทธี พลางก้มหน้ามองลูกสาว “ตื่นแล้วเหรอ?”
ตอนที่เธอเพิ่งเข้ามานั้น สาวน้อยยังนอนอยู่บนโซฟาอยู่เลย
“อือๆ ฉันได้ยินเสียงของหม่ามี๊ ดังนั้นเลยตื่นขึ้น แต่พี่ยังไม่ตื่น ดังนั้นไอริณเลยขยันฉับไวกว่าพี่ชายใช่ไหม?” ไอริณมองนัทธีกับวารุณีตาปริบๆ