พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 454 นิตยสารบ้าคลั่ง
วารุณีหันหัวมา ก่อนจะกลอกตาใส่ชายคนนี้ “คุณทำให้ฉันตกใจหมดเลย”
ชายคนนี้พึมพำอย่างหน้าด้านเล็กน้อย พลางก้มหน้ามากัดคอของเธอเบาๆ
เขาไม่ได้กัดแรงมาก ดังนั้นวารุณีเลยไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร แต่รู้สึกจักจี้มากกว่า
เธออดไม่ได้ที่จะหดคอลง “เอาล่ะ คุณรีบปล่อยฉัน ฉันยังต้องอาบน้ำอยู่นะ”
นัทธีปล่อยคอของเธอ ก่อนจะปิดหูของเธอเอาไว้ พลางพูดเสียงแหบแห้ง “คุณอาบของคุณไป”
คำพูดนี้มันคือ คุณก็อาบของคุณไป ฉันก็จะจูบของฉันไป มันไม่ขัดกันหรอก
วารุณีมองบนใส่ “พอได้แล้วล่ะ คุณตัวติดอยู่ตรงนี้ ฉันจะตั้งใจอาบน้ำได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ นัทธีก็หยุดลง ก่อนจะผลุบตาลงเหมือนกับกำลังคิดถึงสิ่งที่เธอพูด
ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็เอาฝักบัวอาบน้ำออกมาจากบนหัวของเธอ “ฉันอาบให้คุณก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีสมาธิแล้ว”
“……” วารุณีพูดอะไรไม่ออก ทั้งโมโหและตลก “คุณจะหมายความว่า ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะไม่ออกไปใช่ไหม?”
นัทธีไม่ปฏิเสธ “ฉันไม่ได้แตะต้องตัวคุณมานานมากแล้ว คิดถึงคุณแล้วล่ะ”
วารุณีมองเขา และเห็นความน้อยใจในแววตาของเขา
เธอนวดหน้าผากอย่างไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี “ฉันก็อยากอยู่กับคุณเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันตั้งท้องแล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้ หรือไม่……คุณก็แก้ปัญหาด้วยตัวเองซะสิ?”
เธอทำได้เพียงให้เขาจัดการด้วยตัวเอง
แต่จะไม่ใจกว้างจนยอมให้เขาหาหญิงคนอื่น
นัทธีแววตาเป็นประกายเล็กน้อย “คุณช่วยฉันสิ”
“……” วารุณีอยากจะปฏิเสธ แต่เห็นความตั้งตารอคอยจากชายคนนี้
ในตอนนั้นเอง เธอพูดอะไรไม่ออกเลย
ช่างเถอะ เรื่องแบบนั้น เธออยู่กับเขาไม่ได้แบบนี้ มันทำให้ติดค้างเขาจริงๆ
ช่วยเขาสักหน่อยก็แล้วกัน
เมื่อคิดถึงหน้าที่ของตัวเองแล้ว วารุณีก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะยื่นมือออกมา แล้วปลดเข็มขัดของชายคนนี้ออก
ลูกตาของชายคนนี้เป็นประกายขึ้นมาทันที
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน วารุณีก็สะบัดข้อมือที่เมื่อยล้าของตัวเอง พลางมองชายคนนี้ด้วยความโอดครวญ “ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว คุณนี่ก็นานเกินไปนะ”
ชายคนนี้ยิ้มเบาๆ “ไม่ชอบเหรอไง?”
วารุณีสำลักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้ว
ก็ได้ ตอนที่ทำกับเรือนร่างของเธอได้ เธอก็ชอบอยู่ไม่น้อย
เมื่อคิดได้แบบนี้ สีหน้าของเธอก็อดไม่ได้ที่จะแดงขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงกระแอมเบาๆ ก่อนจะผลักชายคนนี้ออก “โอเค คุณเองก็จัดการเสร็จแล้ว รีบออกไปเถอะ ฉันยังต้องอาบน้ำต่ออยู่นะ”
“ฉันอาบกับคุณด้วยสิ” นัทธีเอาตัวเข้าแนบ เพราะยังไม่อยากออกไป
วารุณีมุมปากกระตุกเล็กน้อย และขี้เกียจจะสนใจแล้ว เลยตามใจเขา
สรุปแล้ว ตอนแรกที่ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็อาบน้ำเสร็จ เมื่อมีเขามาร่วมด้วย มันทำให้วารุณีต้องอยู่ในห้องอาบน้ำนานสองชั่วโมงถึงจะออกมาได้
หลังจากออกมาแล้ว วารุณีก็นอนลงบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า และไม่อยากขยับตัวอีก
สุดท้ายผมของเธอ นัทธีก็เป็นคนเป่าให้
แต่ตอนที่เขากำลังเป่าผมให้เธออยู่นั้น เธอก็ค่อยๆ หลับไปแล้ว
นัทธีมองตอนที่เธอหลับ แววตาก็อ่อนโยนเป็นอย่างมาก
จากนั้น เขาก็ปิดไดร์เป่าผมก่อนจะก้มลงมา จูบที่หน้าผากของวารุณี ก่อนจะห่มผ้าให้เธอ “ฝันดี”
วารุณีขยับปากเบาๆ ราวกับว่าเป็นการตอบรับ
นัทธียิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะวางไดร์เป่าผมไว้ด้านข้าง พลางปิดไฟ ก่อนจะโอบเธอเอาไว้ในอ้อมกอด
วันที่สอง หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ครอบครัวสี่คนก็ออกเดินทาง เตรียมตัวไปเที่ยวเล่นข้างนอก
เพราะวันนี้วารุณีไม่ต้องแข่ง นัทธีเองก็ไม่ต้องทำงาน เด็กๆ ทั้งสองก็ไม่ต้องไปโรงเรียน ดังนั้นเลยมีเวลาว่างกัน
เด็กๆ ทั้งสองดีใจเป็นอย่างมาก เลยตื่นเต้นกันอยู่บนรถ ก่อนจะคุยกันว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนดี
สุดท้ายเด็กๆ ทั้งสองก็ตัดสินใจว่าสถานที่แรก คือลานกว้าง แล้วไปให้อาหารนกพิราบ
เมื่อนัทธีได้ยิน ก็ขมวดคิ้วแน่นตามเดิม ดูเหมือนไม่อยากไปเป็นอย่างมาก
ตามที่พวกเขามองดู นกพิราบนั้นมันสกปรกมาก ขี้ไปทั่ว มีแต่ของเสียบนพื้นเต็มไปหมด ไม่แน่ว่าตอนที่บินขึ้นไป มีเสียงแพรดออกมา มันขี้จากบนท้องฟ้า ตกลงมาบนตัว แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว
แต่เมื่อเห็นเด็กๆ ทั้งสองที่ตั้งตารอคอย พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ยังดีที่ตอนที่ให้อาหารนกพิราบเสร็จ มันไม่ได้แย่เหมือนที่เขาคิดขนาดนั้น พวกเขาไม่ได้เหยียบโดนของเสียของนกพิราบ นกพิราบเองก็ไม่ได้ขี้โดนตัวเขา นอกจากความเหม็นๆ แล้ว อย่างดื่นก็ดีทั้งหมด ดังนั้นสีหน้าของนัทธี หลังจากที่ออกจากลานกว้างนั้น เลยค่อยๆ ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
“จากนั้นก็หาที่กินข้าวเที่ยงเถอะ เด็กๆ น่าจะหิวหมดแล้ว” วารุณีหยิบทิชชู ก่อนจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้นัทธี พลางเปิดปากพูด
นัทธีพยักหน้า “ได้ ขึ้นรถไปก่อนเถอะ”
“อือ” วารุณีพยักหน้า
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ครอบครัวทั้งสี่คนนี้ก็มาถึงที่ร้านอาหารที่ดูอบอุ่นแห่งหนึ่ง
ภัตตาคารนี้ไม่ได้ใหญ่มาก ดังนั้นเลยไม่มีห้องรับรอง ทำให้ต้องกินในโถงใหญ่
นัทธีเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ถ้ามองลงไป ก็จะเห็นสถาปัตยกรรมโบราณในยุคกลางด้านนอก วิวไม่เลวเลยทีเดียว
“อยากกินอะไรเหรอ?” นัทธีส่งเมนูอาหารให้วารุณี
วารุณีเอาเมนูให้เด็กๆ ทั้งสอง “ให้เด็กๆ สั่งเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปห้องน้ำ”
“รีบไปรีบมาล่ะ” นัทธีมองเธอพลางพูด
วารุณียิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกจากไป
หลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จ เธอก็ก้าวเท้าเดินกลับไปที่ภัตตาคาร
เพิ่งจะเข้าไปในภัตตาคาร หางตาของเธอก็เห็นโต๊ะหนึ่งที่ห่างออกไปไม่ไกล แล้วก็มีเงาที่คุ้นเคยอยู่
โสรยา!
เธอมาอยู่ที่นี่เหมือนกันนี่เอง
แถมคนข้างๆ ยังมีอีกคนหนึ่ง เป็นหญิงที่ใส่หมวกปีกกว้าง ใส่กระโปรงสีดำยาวแบบเฮบเบิร์น ไม่เห็นหน้าชัดเจน
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
วารุณีขมวดคิ้วแน่น พลางจ้องไปทางโสรยากับหญิงคนนั้น
เมื่อมองอยู่หลายนาที หญิงคนนั้นกับโสรยาก็เช็กบิล ก่อนจะลุกออกไป
ตั้งแต่แรกจนสุดท้าย วารุณีก็ยังมองไม่เห็นหน้าตาของคนคนนั้น
แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เลยคิดว่าเธอเป็นเพียงเพื่อนของโสรยา ก่อนจะผลุบตาลงแล้วกลับไปหานัทธีกับเด็กๆ ทั้งสอง
“อะนี่” เมื่อนั่งลง นัทธีก็ยื่นแก้วนมอุ่นๆ ให้
วารุณีรับพลางยิ้มมา “ขอบคุณนะที่รัก”
นัทธีเอาเมนูส่งให้เธออีกครั้ง “โอเค สั่งอาหารเถอะ”
วารุณีตอบรับเบาๆ หลังจากทื่ดื่มนมแล้ว ก็เริ่มสั่งอาหาร
ตอนบ่ายๆ ทั้งครอบครัวก็ไปเดินเล่นบนถนนโบราณยุคกลาง จากนั้นก็ไปซื้อของมากมายที่ห้าง จนกระทั่งฟ้าใกล้จะมืดแล้ว เลยกลับไปที่คฤหาสน์
เชอรีนกลับมาตอนบ่ายๆ และรอวารุณีอยู่ตลอด
เมื่อเห็นวารุณีกลับมา เลยรีบลุกขึ้น “วารุณี ประธานนัทธี พวกคุณกลับมาแล้วเหรอ”
นัทธีพยักหน้ารับเบาๆ เป็นการตอบรับ
วารุณีมองเชอรีน “หัวหายดีหรือยัง?”
“ดีขึ้นมากแล้ว หายบวมไปครึ่งหนึ่งแล้วล่ะ อีกไม่นานก็คงจะหายแล้ว” เชอรีนลูบผ้าพันแผลบนหัวพลางตอบ
วารุณีพยักหน้า “งั้นก็ดีแล้ว”
“จริงสิวารุณี ฉันมาหาคุณเพราะมีเรื่องนิดหน่อย” จู่ๆ เชอรีนก็คิดอะไรขึ้นได้ เลยพูดขึ้น
นัทธีจูงมือของเด็กๆ ทั้งสอง “ฉันพาพวกเขาขึ้นไปก่อนดีกว่า”
วารุณีรู้ ว่าพวกเขาอยากเปิดที่ให้เธอกับเชอรีนได้คุยกัน ก่อนจะยิ้มพลางตอบ “เอาล่ะ เดี๋ยวคุยกันเสร็จ แล้วฉันจะไปหาพวกคุณ”
นัทธีตอบรับเบาๆ จากนั้นก็พาเด็กๆ ทั้งสองขึ้นไปด้านบน
เชอรีนยิ้มแหะๆ “วารุณี ประธานนัทธีเคยเรียนคลาสสุภาพบุรุษเหรอ?ทำไมเอาใจเก่งขนาดนี้”
วารุณีไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร “เอาล่ะ เข้าเรื่องเลย”
“คือแบบนี้ เมื่อวานฉันรับงานถ่ายจากนิตยสารใช่ไหม มันเป็นนิตยสารที่มีอิทธิพลในวงการเพลงเป็นอย่างมาก ช่วงนี้นิตยสารนั้นเตรียมเปิดโปรเจคใหญ่ คือการเตรียมรับนักร้องที่ดังที่สุดยี่สิบอันดับของโลก แล้วออกนิตยสารที่ไม่เคยมีออกมา”
วารุณีเข้าใจแล้ว
ความหมายก็คือว่า ทางฝ่ายนิตยสาร คิดจะรวบรวมนักร้องยี่สิบคนในโลกมาอยู่ในนิตยสารเล่มเดียว
“นิตยสารนี้ทะเยอทะยานจริงๆ เลย” วารุณีเลิกคิ้วขึ้นพลางพูด
รวบรวมนักร้องที่ดังที่สุดยี่สิบอันดับของโลก แต่หลังจากที่คิดว่านิตยสารสัปดาห์หน้าจะออก จะต้องขายดีเป็นอย่างมาก