พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 455 การร่วมงานใหม่
“ใช่สิ แต่ทางฝ่ายนิตยสารจ่ายไปมาก เพื่อเชิญนักร้องเหล่านี้ หนึ่งในนั้นคือเรื่องเสื้อผ้า ทางฝ่ายนิตยสารเหมาหมดเลย ดังนั้นทางฝ่ายนิตยสารเลยอยากหานักออกแบบ มาเพื่อออกแบบเสื้อผ้าให้นักร้องถ่ายนิตยสารโดยเฉพาะ ตอนแรกพวกเขาจะเลือกนักออกแบบที่โด่งดังระดับสูง แต่……”
“ถูกปฏิเสธเหรอ?” วารุณีถาม
เชอรีนพยักหน้า “ก็ประมาณนั้นล่ะ เพราะมีการรวมตัวของเหล่านักออกแบบชั้นยอด เลยไม่มีเวลามาออกแบบเสื้อผ้าให้ทางฝ่ายนิตยสารแน่นอน ดังนั้นเลยปฏิเสธกันหมดเลย”
“ฉันรู้ ทุกปีจะมีการรวมตัวแลกเปลี่ยนกันของนักออกแบบชั้นยอด พูดได้เพียงว่าครั้งนี้ทางฝ่ายนิตยสารบังเอิญชนกันพอดีจริงๆ ” วารุณีพูดอย่างยิ้มแย้ม
เชอรีนดื่มน้ำ “ดังนั้นทางฝ่ายนิตยสารเลยเลือกเอาอันดับสอง คือการอยากหานักออกแบบที่มีความสามารถไม่เลย ตอนที่พวกเขามาหาฉัน ฉันกำลังใส่เสื้อผ้าแฟชั่นโชว์ของคุณ ดังนั้นพอฉันถ่ายนิตยสารเสร็จ พวกเขาเลยติดต่อฉัน แล้วอยากให้ฉันช่วยติดต่อคุณกับพวกเขาให้หน่อย”
“เดี๋ยวก่อน” วารุณียกมือขึ้น “ดังนั้นกำลังจะบอกว่า พวกเขาเลือกฉัน แล้วอยากให้ฉันไปออกแบบเสื้อผ้างั้นเหรอ?”
“ใช่สิ พวกเขาบอกว่าการออกแบบในการแข่งขันของคุณสองครั้งนี้ไม่เลวเลย เลยอยากจะลองมาหาคุณ วารุณี คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ?” เชอรีนมองเธอ
วารุณีอดไม่ได้ที่จะใจเต้นรัว
เชอรีนมองออก เลยจับมือของเธอ “วารุณี ลองดูก็ได้ การออกแบบเสื้อผ้าให้นักร้องดังๆ ครั้งเดียวแบบนี้ มันแทบจะไม่มีโอกาสเลย คุณจะต้องเอามันมาให้ได้”
เมื่อได้ยินคำให้กำลังใจของเธอ หลังจากที่วารุณีหายใจเข้าลึกๆ ก็พยักหน้า “โอเค งั้นฉันจะลองดู”
“ดีจริงๆ เลย ฉันจะตอบกลับทางฝ่ายนิตยสารทันทีเลย” พูดไป เชอรีนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะโทรออก
วารุณีดื่มชาอย่างเงียบๆ
เมื่อผ่านไปสองสามนาที เชอรีนก็คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว
“ทางฝ่ายนิตยสาร บอกให้ฉันพาคุณไปคุยเรื่องสัญญาการร่วมงานกัน” เชอรีนพูดขึ้น
วารุณียิ้มพลางตอบ” ได้สิ พรุ่งนี้คุณมาเรียกฉันได้เลย”
“อือๆ ” เชอรีนพยักหน้าหงึกๆ
วารุณีวางถ้วยน้ำชาลงก่อนจะลุกขึ้น “เอาล่ะ ฉันขึ้นไปข้างบนก่อนนะ”
“เถอะๆ” เชอรีนโบกมือ
วารุณียิ้มพลางเดินไปด้านบน
เด็กๆ ทั้งเล่นอยู่ในห้องของตัวเอง หลังจากที่วารุณีมองพวกเขาแล้ว ก็ไม่ได้รบกวนอีก เลยปิดประตูห้องของพวกเขาเบาๆ ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องนอนหลัก
“กลับมาแล้วเหรอ?” เมื่อเดินเข้ามา ก็มีเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายดังขึ้นมา
วารุณีพยักหน้า “กลับมาแล้ว”
“คุยอะไรกันเหรอ?” นัทธีเดินเข้ามา
วารุณียืดเส้นยืดสาย ก่อนจะบอกเรื่องที่คุยกัน
นัทธีเลิกคิ้วขึ้น “นิตยสารนี้ไม่เลวเลย เป็นหนึ่งในนิตยสารที่มีอิทธิพลระดับโลก คุณออกแบบเสื้อผ้าให้นักร้องเหล่านั้น ถือเป็นการออกจากคอมฟอร์ดโซนและโดดเด่นในวงการออกมา แล้วจากนี้ก็จะมีนักแสดงและนักร้องคนอื่นจะมาให้คุณออกแบบเสื้อผ้าให้อีก”
“ฉันรู้ ดังนั้นฉันเลยรับมาแล้ว” วารุณีตอบ
นัทธีถามอีก “ไปเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้”
นัทธีขมวดคิ้ว “พรุ่งนี้ฉันกับเด็กๆ ทั้งสองจะกลับประเทศแล้ว”
“ฉันรู้แล้วล่ะ มะรืนนี้ก็วันจันทร์แล้วล่ะ” วารุณีเอาหัวซุกในอกของเขา
นัทธีลูบผมของเธอ “ฉันให้มารุตจองตั๋วเครื่องบินแล้ว แล้วตอนเช้าฉันจะไปกับคุณ”
เมื่อใกล้เวลาจะกลับประเทศ เขาเองก็อยากอยู่กับเธออยู่จนถึงท้ายที่สุด
เพราะครั้งนี้ จะไม่ได้เจอกันนานเลยล่ะ
วารุณีเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ พลางตอบรับเบาๆ
วันที่สอง นัทธีกับวารุณีให้เด็กๆ ทั้งสองอยู่ที่คฤหาสน์ต่อ แล้วอยู่กับเชอรีน ก่อนจะขับรถไปที่ทางฝ่ายนิตยสาร
เมื่อได้พูดคุยกันแล้ว วารุณีก็ทำสัญญาร่วมงานกับทางฝ่ายนิตยสารอย่างผ่านฉลุย
เพราะเธอยังต้องเข้าแข่งขัน ดังนั้นทางฝ่ายนิตยสารก็เข้าใจเป็นอย่างมาก เลยให้เวลาวารุณีครึ่งเดือน เพื่อให้เธอวาดออกแบบออกมา
ส่วนด้านการจัดทำเสื้อผ้า ทางฝ่ายนิตยสารก็ไม่รบกวนวารุณีแล้ว เลยจะเอารูปแบบไปหาคนตัดเย็บ
จุดนี้ วารุณีเองก็ไม่ได้เห็นต่างอะไร ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีเวลาจริงๆ
เมื่อทำสัญญากันเสร็จ พวกวารุณีก็จากทางฝ่ายนิตยสารไป
บนรถนั้น นัทธีได้รับสายจากมารุต “ท่านประธาน คุณหนูนวิยาเข้าโรงพยาบาลแล้วล่ะ”
นัทธีไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ปลายสายพูดสักเท่าไหร่
นวิยาไม่กินอะไรเลย แถมร่างกายของเธอก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่อยู่แล้ว ยังไงก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ดี
“ฉันรู้แล้วล่ะ” ดังนั้นนัทธีเลยตอบเพียงสี่คำเท่านั้น โดยที่ไม่ได้พูดคำอื่นอีก
มารุตกระแอมเล็กน้อย แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว สุดท้ายเลยพูดเพียง “คุณหมอพิชิตเหมือนจะโกรธมากเลยล่ะ”
นัทธีตอบรับเบาๆ “เขาโทรมาแล้วล่ะ”
เมื่อพูดจบ พวกเขาก็วางสายจากมารุต ก่อนจะรับสายพิชิต
พิชิตเปิดปากพูดทีก็ถามเสียงดัง “นัทธี นวิยาหิวจนเข้าโรงพยาบาลแล้วคุณรู้ไหมเนี่ย?”
“รู้” นัทธีเอามือจับพวงมาลัยมือเดียวพลางตอบ
วารุณีนั่งอยู่ที่นั่งด้านข้างคนขับ เมื่อเห็นเขาคุยโทรศัพท์ ก็ไม่ได้พูดอะไร
เชอรีนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ก็ไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมาเหมือนกัน
พิชิตพูดต่อ “นัทธี คุณเคยบอกว่าจะไม่ทำให้ถึงชีวิตนวิยา แต่จะขังนวิยาเอาไว้เท่านั้น แล้วเป็นอย่างไรล่ะ ตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไร นวิยาไม่ได้แค่หิวจนหมดสติ แต่มือยังบาดเจ็บเป็นแผลยาวด้วย”
“แล้วไง?” นัทธีสีหน้าไร้อารมณ์
พิชิตโกรธจนเบิกตาโพลง “แล้วไงงั้นเหรอ?ท่าทีของคุณ ตอนนี้นวิยาดู……”
“เธอหาเรื่องเอง” นัทธีตัดบทพวกเขา “ฉันแต่ให้คนขังเธอเอาไว้ นอกจากนี้ ก็ไม่ได้ทำอะไรเธออีก ส่วนข้อมือของเธอที่เจ็บ เธอพยายามฆ่าตัวตายเอง การเป็นลมไป ก็เพราะเธออดอาหารเอง”
“อะไรนะ?” พิชิตอึ้งไป “นวิยาทำเองเหรอ?”
“คุณคิดว่าฉันจะให้คนไปกรีดข้อมือเธอ แล้วไม่ให้เธอกินข้าวเหรอ?” นัทธีมีความแดกดันออกมาจากแววตา “ฉันไม่ได้ไร้ความเป็นคนขนาดนั้น แล้วจะใช้วิธีแย่ๆ มาแก้แค้นใคร ถ้าฉันจะแก้แค้นใครสักคน ก็จะทำให้เธอไม่มีวันได้กลับมาอีกเลย เข้าใจไหม?”
“……” พิชิตพูดอะไรไม่ออก เลยไม่ได้พูดอะไรออกมา
ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็ถามอย่างเสียงแหบแห้ง “นวิยา ทำไมต้องฆ่าตัวตายด้วย?”
“มารยาถึงเลือดถึงเนื้อก็แค่นั้น” นัทธีพูดเสียงเย็นชา
พิชิตได้ฟังคำนี้ ก็เข้าใจอะไรขึ้นมา
นวิยากลัวว่าจะใช้การฆ่าตัวตาย มาบังคับนัทธี ไม่ก็แลกมากับการให้อภัยของนัทธี หรือไม่ก็อยากให้นัทธีกับวารุณีหย่ากัน แล้วคบกับเธอ
แต่เมื่อเห็นท่าทีของนัทธี พวกเขาเลยเดา ว่ามันน่าจะเป็นอย่างที่สอง
ดังนั้นนวิยา เลยยังไม่ได้สติจนถึงตอนนี้
“คุณยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?” นัทธีเห็นพิชิตไม่พูดอะไร ริมฝีปากบางก็ขยับ พลางถามเบาๆ
พิชิตถึงกับขมขื่นในลำคอ “ไม่มีแล้ว ขอโทษนะ ฉันคิดว่าคุณเป็นคนทำนวิยาแบบนั้น”
นัทธีพึมพำเสียงเย็นชา “เอาล่ะ ในเมื่อคุณกับนวิยาเลิกกันแล้ว งั้นทางเธอ คุณก็ไม่ต้องสนใจอย่างอื่นแล้ว”
“……โอเค” พิชิตก้มหน้าลง
นัทธีตัดสายไป จากนั้นยังไม่ทันรอให้วารุณีถาม ก็บอกเรื่องที่คุยกันทางโทรศัพท์
เมื่อวารุณีได้ฟัง ก็เบ้ปาก นอกจากความดูแคลนนวิยาในใจแล้ว ก็ขี้เกียจจะพูดอะไรไปมากกว่านั้นแล้ว
กลับเป็นเชอรีนที่อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูด “วารุณี นวิยาอะไรนั่น ขีดจำกัดต่ำไปจริงๆ ในเมื่อรู้จักกับประธานนัทธี ก็ต้องเป็นคนร่ำรวยไม่น้อยเลย แล้วการเป็นคนร่ำรวย ในตากลับมาแต่ผู้ชาย เพื่อผู้ชายคนหนึ่ง ถึงกับทำให้ตัวเองไม่เป็นผู้เป็นคนแบบนี้ น่าละเหี่ยใจจริงๆ”
แม้เธอจะไม่เคยเจอนวิยา
แต่เมื่อได้ยินคำอธิบายจากประธานนัทธีเมื่อครู่ ก็รู้แล้ว ว่าในสมองมีแต่เรื่องรัก
วารุณีเห็นใบหน้าดำคร่ำเครียดของนัทธี พลางปิดปากหัวเราะ “คุณเชอรีน ผู้ชายที่คุณพูดอยู่ คือเจ้านายคุณ สามีฉันนะ”
“ห๊ะ?” เชอรีนงงเป็นไก่ตาแตก พลางมองนัทธีด้วยความไม่อยากเชื่อ
เมื่อเห็นใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของนัทธี เชอรีนก็กลืนน้ำลายอึก ก่อนจะยิ้มแห้งๆ ออกมา “ฮ่าๆ ประธานนัทธี คือฉันไม่รู้ ใครให้คุณพูดไม่ชัดเจนเล่า ฉันคิดว่าคุณพูดถึงชายคนอื่นเสียอีก