พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 465 ไม่มีผลกระทบ
ครั้งที่แล้วขงเบ้งโกรธจนเป็นโรคหลอดเลือดสมอง แต่รักษาทันเวลา เลยไม่เป็นไร
ครั้งนี้ เขาก็จะให้ขงเบ้งเป็นโรคหลอดเลือดสมองจริงๆ กลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก แก้แค้นให้ลูกของเขา
กำชับเสร็จ มารุตก็ทำตามทันที
มารุตเอารูปและคลิปของคุณหญิงอัณณ์กับไอดอลวัยรุ่นส่งให้ขงเบ้ง ขงเบ้งดูเสร็จ ก็โมโหจนหมดสติ พอฟื้นมาก็เป็นโรคหลอดเลือดสมองอีกครั้ง
ยังไงครั้งที่แล้วเขาก็เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองอีกครั้งก็สูงมาก
ครั้งที่แล้วขงเบ้งรักษาทันเวลา แป๊บเดียวก็ฟื้นตัวกลับมาได้ ครั้งนี้มารุตจงใจดึงเวลาไม่ให้คนส่งขงเบ้งไปโรงพยาบาล ผ่านไปนาน ขงเบ้งพลาดเวลารักษาที่ดีที่สุดไป จึงอัมพาตครึ่งซีก ยืนไม่ได้อีก ได้แต่นั่งรถเข็น
ทั้งๆที่เมื่อวานยังเป็นคนครบองค์ประกอบ ห่างกันแค่คืนเดียวก็อัมพาตแล้ว ต้องบอกว่า สรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยงจริงๆ
มารุตทำภารกิจของตัวเองเสร็จ ก็เดินยิ้มออกมาจากโรงพยาบาล ตอนที่ไป ยังได้ยินเสียงทะเลาะของคุณหญิงอัณณ์กับขงเบ้ง
เนื้อหาที่ทะเลาะกันนั้น ก็คือเรื่องรักระหว่างคุณหญิงอัณณ์กับไอดอลวัยรุ่น
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ตอนแรกที่มารุตเห็น ก็ตะลึง ใครไม่รู้บ้างว่าคนที่คุณหญิงอัณณ์รักที่สุดคือขงเบ้ง มักจะเสียน้ำตากับกิ๊กของขงเบ้งข้างนอก และออกข่าวบ่อยๆ
ทุกคนต่างบอกว่าคุณหญิงอัณณ์คลั่งรัก แต่คิดไม่ถึงว่า คุณหญิงอัณณ์ที่คลั่งรัก จะมีรักใหม่ลับหลังขงเบ้งข้างนอกซึ่งเป็นเรื่องจริง
ได้แต่บอกว่า ครอบครัวคนรวยนั้นคาดไม่ถึงเสียจริง
“ประธาน ผมกลับมาแล้ว”มารุตทำหน้าที่เสร็จจึงกลับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป พูดสถานการณ์ของขงเบ้งออกมา
นัทธีฟังจบ ริมฝีปากบางๆนั้นยกขึ้นอย่างเย็นชา
ที่จริง เขาไม่พอใจเลยสักนิด กับผลลัพธ์แบบนี้ของขงเบ้ง
เพราะเดี๋ยวลูกเขาจะไม่อยู่แล้ว ส่วนขงเบ้งยังมีชีวิตรอด
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวขงเบ้งเองยังแบกชีวิตของพ่อแม่เขาไว้ ดังนั้นขงเบ้งเป็นอัมพาตจะพอได้อย่างไร
กระทั่งว่าเขายังตัดสินใจด้วยว่า ถ้าสุดท้ายหาพินัยกรรมไม่เจอจริงๆ เขาจะไม่เดินทางด้านกฎหมาย ให้กฎหมายตัดสินโทษประหารขงเบ้งแล้ว แต่ตัวเองจะแอบดำเนินการเอง
อย่างมากเขาทำให้สะอาดสักหน่อย ให้คนสืบไม่ได้ว่าเขาทำก็ได้แล้ว ซึ่งไม่ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้
ความคิดนี้พอแวบเข้ามาแล้ว ก็เหมือนรากของต้นไม้ใหญ่ ยิ่งแทงลึก ก็ยิ่งดึงไม่ออก
นัทธีตัดสินใจว่าจะให้เวลาตัวเองครึ่งปี ถ้าภายในครึ่งปีหาพินัยกรรมไม่เจอ เขาจะฆ่าขงเบ้งให้ตายแล้วจริงๆ
เขาไม่อยากให้ขงเบ้งมีชีวิตอยู่อีกยาวนานต่อไป ควรลงไปขอโทษพ่อแม่ได้แล้ว
“คุณลงไปก่อนเถอะ แล้วก็ช่วยผมนัดพิชิตหน่อย ตอนบ่ายผมจะไปหาเขาที่โรงพยาบาล”นัทธีส่ายมือ
มารุตตอบ แล้วหันกลับออกไป
พอเขาไป นัทธีจึงเปิดลิ้นชัก หยิบจดหมายเก่าๆหนึ่งฉบับออกมาจากด้านใน ซึ่งก็คือครั้งที่แล้ว ที่เขาเอาออกมาจากห้องของคุณปู่ จดหมายนั้นเขียนคำขอโทษของปู่ และที่อยู่ของพินัยกรรม
ด้านบนเขียนว่า พินัยกรรมอยู่ข้างกายพ่อแม่เขา
ข้างกายพ่อแม่เขานี้ มันหมายถึงอะไรกันแน่?
นัทธีจ้องคำนั้น สีหน้าก็หม่นหมอง
ตอนบ่าย เขามาที่โรงพยาบาล เจอพิชิต
ช่วงนี้เพราะเรื่องของนวิยา พิชิตจึงมีสภาพจิตใจไม่ดีนัก หมอจึงไม่ให้เขาขึ้นเตียงผ่าตัด ดังนั้นเขาจึงมีเวลามาเจอนัทธี
“แกมาได้ไง?”พิชิตถามอย่างอารมณ์ไม่ดี
นัทธีมองเขา“วารุณีท้อง”
พิชิตตะลึง“เธอท้องเหรอ?”
นัทธีพยักหน้า
พิชิตหัวเราะ“งั้นก็ยินดีกับแกจริงๆ อาการป่วยของแกเพิ่งดี เธอก็ท้องแล้ว จะเห็นว่าความสามารถที่แกให้ตั้งท้องได้นั้นแข็งแกร่งมาก”
ใบหน้าหล่อเหลาของนัทธีหม่นลง“พอแล้ว ฉันมาหาแก เพราะอยากถามแกว่า เมื่อก่อนยาพวกนั้นที่ฉันกินไป จะส่งผลกระทบต่อเด็กในท้องของเธอไหม?”
เพราะเด็กนั้น ท้องขึ้นในช่วงที่เขาทานยา
ดังนั้นเหตุผลที่เกิดความผิดปกติ เป็นไปได้ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้
เขามาที่นี่ ก็เพราะอยากแน่ใจสักหน่อย
อย่างไรก็ตามพิชิตกลับส่ายหน้า“ไม่มีทางมีผลกระทบ ยานั้น รักษาเรื่องหมันของแกอยู่แล้ว ทำให้การเคลื่อนไหวอสุจิของแกดีขึ้น ไม่มีทางส่งผลกระทบต่อเด็กในท้องวารุณี”
“จริงเหรอ?”นัทธีหรี่ตาลงถาม
“จริงสิวะ ฉันจะหลอกแกทำไม”พิชิตก็รู้สึกว่าเขาแปลกมาก
ได้ยินคำนี้ ก็ไม่ใช่ว่าควรโล่งอกแล้วดีใจเหรอ?กลับกันทำไมถึงยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น
นัทธีกัดฟันกรามแน่น สีหน้าดูแย่อย่างมาก
พิชิตรู้สึกงงงวย“แกเป็นอะไร?”
นัทธีกำฝ่ามือตอบกลับว่า:“เด็กในท้องวารุณีเกิดความผิดปกติ ฉันสงสัยว่าเป็นเพราะยาพวกนั้นที่ฉันกิน แต่แกบอกว่าจะไม่เกิดสถานการณ์อย่างนั้น ดังนั้นฉันกำลังคิดถึง สาเหตุของความผิดปกติของเด็ก”
“แกบอกว่าเด็กในท้องของวารุณีมีความผิดปกติ?”พิชิตพูดเสียงสูง
นัทธีพยักหน้า
พิชิตขยี้หัว“เป็นไปไม่ได้ ยังไงซะไม่มีทางเป็นเพราะยาแน่ งั้นก็คงเป็นเพราะวารุณี”
“ไม่น่าใช่เธอ”นัทธีปฏิเสธอย่างแน่วแน่“เธอเคยมีลูก ไม่มีทางไม่รู้ว่าช่วงท้องต้องระวังอะไร ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเธอ”
“งั้นแปลกจัง เด็กในท้องของเธอ ทำไมถึงมีความผิดปกติได้?”พิชิตก็หมดหนทาง
นัทธีเงียบลงแป๊บหนึ่ง“วันหยุดฉันจะไปที่ต่างประเทศ ไปเข้าใจสถานการณ์สักหน่อย”
“ได้”พิชิตพยักหน้า
นัทธีหันกลับ เตรียมออกไป
เขามาที่นี่ ก็เพื่อมาถามผล
ผลก็ได้มาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตามพิชิตกลับดึงเขาไว้“นัทธี เดี๋ยวก่อน ฉันไปดูนวิยาได้ไหม?”
หลังจากนวิยาให้อาหารทางสายอาหารเสร็จแล้ว ก็ถูกส่งกลับคฤหาสน์ตระกูลแก้วสุทธิอีกครั้ง
บางทีเธออาจรู้สึกเจ็บปวดจากการที่หิวแล้วหมดสติไป เธอจึงไม่อดอาหารอีกเลยอย่างน่าแปลกใจ
นัทธีมองพิชิตสักพัก สุดท้ายก็ตกลง “ทุกวันวันละครึ่งชั่วโมง”
“โอเค ขอบใจแกนะนัทธี”พิชิตขอบคุณอย่างดีใจ
ถึงครึ่งชั่วโมงจะสั้น แต่ได้เจอนวิยาก็ทำให้เขาพอใจแล้ว
สุดท้ายก็เป็นผู้หญิงที่เขารัก เขาถูกขังไว้ เขาไม่ไปดูเธอไม่ได้
นัทธีไป พิชิตจึงลากับทางโรงพยาบาล ขับรถไปดูนวิยา
สองสามวันถัดมา เขาก็ไปตรงเวลาทุกวัน
ไปได้สามครั้ง พิชิตก็รู้สึกผิดปกติ เหมือนกำลังพัวพันกับอะไรอยู่
นัทธีไม่รู้ ตอนนี้เขากำลังพาเด็กทั้งสองคนไปหาวารุณี
วารุณีแข่งขันเสร็จ จึงไปรับสามคนพ่อลูกที่สนามบิน
เชอรีนไม่เป็นก้างขวางคือ จึงไม่มา
วารุณีรออยู่ที่สนามบินประมาณสิบกว่านาที เห็นสามคนพ่อลูกออกมาจากช่องเข้าออกVIP
“หม่ามี๊”เด็กทั้งสองคนเห็นวารุณี จึงปล่อยมือของนัทธีทันที แล้ววิ่งไปที่วารุณี
วารุณีย่อตัวลง เอาเด็กสองคนมากอดไว้ในอ้อมแขน“ลูกรัก หม่ามี๊คิดถึงพวกหนูมาก”
“พวกเราก็คิดถึงหม่ามี๊”เด็กทั้งสองคนตอบกลับอย่างสนิทสนม
วารุณีจูบพวกเขา ยืนขึ้นมา แล้วจึงมองชายหนุ่มตรงข้าม
ชายหนุ่มเดินเข้ามา ปล่อยกระเป๋าเดินทางในมือ จับข้อมือของเธอไว้ เอาเธอเข้ามาในอ้อมแขน กอดไว้แน่น
เด็กทั้งสองคนยืนมองดูหัวเราะเจ้าเล่ห์อยู่ข้างๆ
“พี่ เดี๋ยวพ่อกับหม่ามี๊จะจูบอีกแล้วใช่ไหม?”จู่ๆไอริณก็ถามอารัณที่อยู่ข้างๆ
มุมปากอารัณกระตุก“น่าจะนะ”
เพิ่งพูดจบ เด็กสองคนนี้ก็เห็นผู้ใหญ่สองคนจูบกัน
อารัณรีบปิดตาของเด็กสาว ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ปิดตาตัวเองไว้
“อย่ามอง เดี๋ยวเป็นตากุ้งยิง”ที่จริงเด็กสาวไม่พอใจเล็กน้อย อยากเอามือของอารัณออกไป แต่ได้ยินอารัณพูดแบบนี้ ก็ไม่กล้าขยับมั่วทันที
นัทธีกับวารุณีจูบกันอยู่สองสามนาที จึงหยุดลง
วารุณีพิงอยู่ที่หน้าอกเขา หอบเล็กน้อย
นัทธีกลับลูบท้องของเธอ“สองสามวันนี้ ไม่สบายท้องบ้างไหม?”