พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 466 ล้วนแต่เป็นแผนร้าย
ในเมื่อเด็กเกิดความผิดปกติ งั้นร่างกายของแม่ ก็อาจจะเกิดปัญหาบางอย่าง
ตอนนี้ที่เขากังวลที่สุดก็คือร่างกายของเธอ จะได้รับผลกระทบเพราะเด็กคนนี้
“ไม่ ยังดีอยู่เลย”วารุณีส่ายหน้าตอบกลับไป
นัทธีเห็นเธอไม่เหมือนพยายามให้ตัวเองดูเข้มแข็ง จึงพยักหน้าอย่างโล่งอก“งั้นก็ดี ไปเถอะ กลับไปคฤหาสน์ก่อน”
พูดไป เขาก็ใช้มือข้างหนึ่งลากกระเป๋าเดินทาง มืออีกข้างจูงมือของเธอ และเธอก็จูงเด็กทั้งสองคน สี่คนพ่อแม่ลูกจึงเดินไปที่โรงจอดรถของสนามบิน
แป๊บเดียว ก็กลับมาถึงคฤหาสน์
วารุณีให้เด็กทั้งสองคนไปนอน ปรับความต่างของเวลา
นัทธีไม่นอน แต่พาวารุณีไปโรงพยาบาล
การตรวจของหมอยังเหมือนกัน ทารกมีความผิดปกติ แนะนำให้เอาออก
นัทธีบีบฝ่ามือของวารุณี สุดท้ายจึงลงชื่อตกลงบนหนังสือผ่าตัด
การผ่าตัดเริ่มอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า
ทางโรงพยาบาลเตรียมพร้อมแล้ว
วารุณีกับนัทธีนั่งอยู่ตรงทางเดินด้านนอกห้องผ่าตัด รออยู่อย่างเงียบๆ
“ผ่าตัดเสร็จ ผมจะคุยกับทางเจ้าภาพการแข่งขัน หยุดแข่งขันครึ่งเดือน รอคุณบำรุงร่างกายดีแล้วค่อยดำเนินการต่อ”นัทธีจับมือของเธอ พูดเสียงอ่อนโยน
วารุณีกลับส่ายหน้าปฏิเสธ“ไม่ต้องหรอก เพราะว่าเรื่องครั้งที่แล้ว คุณก็ใช้สิทธิอำนาจนักลงทุนไปแล้วครั้งหนึ่ง ใช้สิทธิเพื่อฉันอีกครั้งคงไม่ดีนัก และการแข่งขันก็กำหนดไว้นานแล้ว มาเปลี่ยนกะทันหันคงไม่ดี จะทำให้ความน่าเชื่อถือของคุณลดลง”
“แต่ว่าร่างกายของคุณ”นัทธีขมวดคิ้ว
วารุณีเอาหน้าพิงไปที่ไหล่เขาแล้วยิ้ม “ไม่เป็นไร ช่วงเดือนยังน้อย ภายในสองสามวันก็ลงจากเตียงได้แล้ว วางใจเถอะ ไม่เป็นอะไรหรอก”
เธอยืนกรานเช่นนี้ นัทธีได้แต่ยอมแพ้ แต่ในใจกลับคิดว่ารอกลับไป ค่อยให้คนใช้ของคฤหาสน์คอยดูแลอยู่ข้างเธอตลอด ในครึ่งเดือนข้างหน้า
ไม่งั้น เขาก็ไม่อาจวางใจได้
แป๊บเดียว ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง พยาบาลแจ้งวารุณีว่าเข้าห้องผ่าตัดได้แล้ว
ถึงแม้ในใจวารุณีจะเตรียมพร้อมแล้ว แต่พอจะเข้าห้องผ่าตัดจริงๆ ตอนที่เอาเด็กในท้องออก ในใจของเธอยังคงอาลัยอาวรณ์อย่างหนัก
กระทั่งว่าเธอยังอยากจะหนีออกไป ไม่ทำการผ่าตัดแล้ว
แต่ว่าไม่ได้ เด็กคนนี้ จะเอาไว้ไม่ได้
คิดไป วารุณีก็สูดลมหายใจ ตั้งสติ มองนัทธีแวบหนึ่ง แล้วตามหลังพยาบาลเข้าไปในห้องผ่าตัด
พยาบาลให้เธอนอนบนเตียงผ่าตัด เตรียมวางยาสลบ
วารุณีมองเตียงผ่าตัดที่เยือกเย็น บีบฝ่ามือไว้ แล้วนอนลงไป
พยาบาลเริ่มฉีดยาสลบ หมอที่อยู่ข้างๆ ก็เตรียมเครื่องมือผ่าตัด
“คุณวารุณี ผ่อนคลายหน่อยนะคะ ตัวของคุณแข็งมาก เข็มของฉันแทงลงไปไม่ได้ค่ะ”พยาบาลบีบแขนที่แข็งของวารุณี แล้วพูดเตือนวารุณี
วารุณีฝืนยิ้มออกไป“ขอโทษนะคะ ฉันกังวลมาก ฉันจะพยายามผ่อนคลาย”
พูดไป เธอก็ปรับจังหวะลมหายใจไป ปรับหัวใจที่เต้นเร็วให้สม่ำเสมอไปด้วย
สองนาทีถัดมา ร่างของเธอก็ผ่อนคลายลง
พยาบาลก็รู้สึกว่ากล้ามเนื้อแขนเธอไม่แข็งมากอีกแล้ว จึงเอาเข็มแทงลงไป
แป๊บเดียววารุณีก็รู้สึกวิงเวียนและอ่อนแรง
เธอรู้ว่า ยาสลบเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
ตอนที่วารุณีสะลึมสะลือ ก่อนใกล้จะหมดสติไป จู่ๆเธอก็ได้ยินบทสนทนาของหมอกับพยาบาล
“แปลกจัง คุณผู้ชายด้านนอกคนนั้นคือสามีของคุณวารุณี งั้นคุณนิรุตติ์เมื่อก่อนหน้านี้คนนั้นคือใครกันล่ะ?”
“จะสนทำไมว่าเขาคือใคร เอาเงินของเขามาแล้ว ก็ทำงานให้เขา เด็กในท้องของคุณวารุณีต้องเอาออก ไม่งั้นก็รายงานผลกับคุณนิรุตติ์ไม่ได้ คุณดูสิว่าระดับยาสลบเป็นไงบ้าง?”
“อ้อ”
พยาบาลตอบรับ เข้าไปตรวจระดับยาสลบของวารุณี ถ้าวารุณีหมดสติเพราะยาสลบแล้ว ก็เริ่มลงแรงได้เลย
อย่างไรก็ตามตอนที่พยาบาลยื่นมือไปตรวจ จู่ๆวารุณีก็ลืมตา
พยาบาลตกใจ“คุณวารุณีคุณ……”
ดันยังไม่หมดสติไป ยังลืมตาได้อีก?
นี่ต้องใช้การควบคุมตัวเองแค่ไหนกันเนี่ย!
“ที่พวกคุณพูดเมื่อกี๊ พวกคุณรับเงินของนิรุตติ์มาแล้ว เพื่อเอาลูกของท้องฉันออกไปเหรอ?”เสียงของวารุณีอ่อนแรงลง แต่ปกปิดคำถามที่โมโหนั้นไม่อยู่
พยาบาลกับหมอคิดไม่ถึงว่าบทสนทนาของตัวเองจะถูกเจ้าตัวได้ยิน เวลานั้นจึงอับอายมาก
“เอ่อ……คุณวารุณี ที่จริงพวกเรา……”
“เห็นสภาพร้อนตัวของพวกคุณแล้ว เรื่องนี้ท่าจะจริงนะ กลัวว่าแม้แต่เด็กในท้องที่มีความผิดปกติก็คงเป็นเรื่องโกหกของพวกคุณ เพื่อให้ฉันยอมเอาเขาออก พวกคุณเป็นถึงหมอ แต่ดันรับเงินมาทำร้ายคนไข้ นี่มันเสียสติไปแล้ว!”วารุณีดิ้นรนยันเตียงผ่าตัดเพื่อนั่งขึ้นมา
หมอเห็นแบบนี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไป“แย่แล้ว เธอจะหนี กดเธอไว้ แล้วฉีดยาสลบไปอีก”
พยาบาลลังเลเล็กน้อย“แต่ยาสลบนั้นกำหนดปริมาณตายตัวแล้ว ถ้าฉีดอีกเข็มก็จะเกินปริมาณ เป็นไปได้ที่จะเกิดผลตามมา”
“แล้วไงล่ะ ตั้งแต่ตอนนั้นที่พวกเราได้รับผลประโยชน์ ก็หมดคุณธรรมไปแล้ว ถ้าเธอไม่ได้ยินก็ดี พวกเราก็ผ่าตัดให้เธอดีๆ แต่ตอนนี้เธอได้ยินแล้ว และคิดจะหนีอีก ถ้าเธอหนีไปพวกเราจบเห่แน่ ดังนั้นพวกเราจะใจอ่อนไม่ได้!”หมอมองวารุณีอย่างเยือกเย็นแล้วพูดออกไป
ทุกคำพูด ต่างทำให้ร่างของวารุณีหนาวสั่น รู้สึกกลัว
พยาบาลก็ถูกโน้มน้าวเพราะคำพูดหมอ กัดฟัน หยิบยาสลบขึ้นมาใหม่ มองมาทางวารุณี “ขอโทษนะ คุณวารุณี อย่าโทษฉันเลย ถ้าจะโทษต้องโทษที่คุณนิรุตติ์คนนั้น”
พูดจบ เข็มในมือพยาบาล ก็จะแทงไปที่วารุณี
รูม่านตาวารุณีหดลง ในใจตื่นตระหนก
ไม่ได้ เธอจะถูกฉีดยาสลบอีกไม่ได้
ตอนนี้เธอใกล้จะหมดสติแล้ว แค่ใช้การข่มใจตัวเองมายืนหยัดอย่างขมขื่น
เพราะว่าเธอรู้ ถ้าตัวเองไม่ยืนหยัดต่อไป เด็กในท้องก็จะเก็บไม่อยู่
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เธอจะหมดสติไปไม่ได้ และก็ถูกยาสลบอีกครั้งไม่ได้
คิดไป วารุณีก็กัดลิ้นแรงๆ ความเจ็บมหาศาลทำให้สีหน้าเธอซีดขาวขึ้นมา เหงื่อที่หน้าผากไหลออกมา กลิ่นสนิมกระจายทั่วปาก
แต่เธอไม่สนใจพวกนี้ เธออยากเก็บเด็กไว้
มองปลายเข็มที่ใกล้จะสัมผัสผิวหนังของตัวเอง วารุณีหายใจเข้า พลิกตัว พลิกตัวลงไปจากเตียงผ่าตัด ล้มไปที่พื้น หลบปลายเข็มของพยาบาล
พยาบาลตะลึง ชัดเจนว่าคิดไม่ถึงว่าเธอจะยังมีแรงดิ้นรน
แม้แต่หมอก็ยังนับถือวารุณี
ยังไงก็ให้ยาสลบวารุณีแล้ว เป็นเธอที่ทำด้วยตัวเอง จากสถานการณ์ปกติแล้ว เธอต้องหมดสติไปนานแล้ว อยู่ในช่วงผ่าตัด
แต่เพราะเธอกลับอยากเก็บเด็กไว้ จึงรอดมาได้อย่างกะทันหัน
การข่มใจตัวเองที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้แต่ชายหนุ่มก็ไม่แน่ว่าจะมี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่สาวตะวันออกตัวเล็ก
น่าเสียดาย ถึงทำให้คนนับถือแค่ไหน เขาก็ใจอ่อนตอนนี้ไม่ได้
“จับเธอกลับไปที่เตียงผ่าตัด”หมอสั่ง
พยาบาลตอบ แล้วเดินไปที่วารุณี
วารุณีได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลังจากแววตานั้นมีความหมดหวัง ใช้แรงตะโกนไป“นัทธี ช่วยฉันด้วย นัทธี ช่วยฉันด้วย!”
“ปิดปากเธอไว้!”สีหน้าหมอเปลี่ยนไปอย่างมาก ร้องเสียงดัง
พยาบาลไปปิดปากของวารุณี
วารุณีออกแรงกัดเธอไปทีหนึ่ง ถือโอกาสตอนที่เธอชักมือกลับด้วยความเจ็บ ตะโกนต่อไปว่า “นัทธี!”
นอกห้องผ่าตัด นัทธีได้ยินเสียงตะโกนของวารุณี คิ้วจึงขมวดอย่างสงสัย
เกิดอะไรขึ้น เธอไม่ได้กำลังผ่าตัดอยู่เหรอ
ทำไมจู่ๆก็มีเสียงร้องตะโกนขึ้นมา
และในเสียงยังเต็มไปด้วยความร้อนรน
นัทธีเม้มริมฝีปากบางๆแล้วยืนขึ้นมา ในใจรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ
ถึงแม้ตอนนี้เสียงร้องของวารุณีจะหายไป แต่เสียงร้องเมื่อกี๊ กลับยังก้องอยู่ข้างหูเขา ทำให้เขาไม่อาจสบายใจได้
คิดไป นัทธีจึงเดินไปที่ห้องผ่าตัด ผลักประตูเข้าไป