พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 491 ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลง
“เรื่องนี้ ฉันจะต้องหาคำตอบมาให้ได้”ใบหน้าของนัทธีมืดมน รอบตัวมีไอเย็นแผ่ซ่าน
พิชิตพยักหน้า“ ฉันรู้ ฉันก็จะให้ความร่วมมือกับนายในการตรวจสอบ”
เพราะผลการตรวจของเขา ทำให้นัทธีกับเด็กน้อยทั้งสองคนเพิ่งจะได้ทำความรู้จักกันในฐานะพ่อลูก
แม้จะไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ความจริงเรื่องของผลตรวจที่มาจากเขามันทำให้เวลาของคนเป็นพ่อลูกนั้นถูกยืดเยื้อออกไป
“ฉันกำลังคิดว่า คนที่มาสับเปลี่ยนตัวอย่าง เขาใช้วิธีสับเปลี่ยนมันยังไง แล้วรู้ล่วงหน้าได้ยังไงว่านายจะตรวจดีเอ็นเอของเด็กทั้งสอง?”พิชิตเกาไปที่หัว พูดด้วยความสงสัย
มุมปากของนัทธียกหยักขึ้นและยิ้มอย่างเยือกเย็น“บางทีอาจจะมีคนได้ยินว่าฉันจะตรวจดีเอ็นเอ ดังนั้นจึงได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้า”
และคนคนนั้น ไม่เพียงรู้อยู่แต่แรกแล้วว่าเด็กทั้งสองคนเป็นลูกของเขา หนำซ้ำยังอยากที่จะขวางไม่ให้เขากับลูกได้ทำความรู้จักกัน
บางทีอาจจะเป็นครอบครัวของขงเบ้ง
ขงเบ้งอยากได้บริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปมาโดยตลอด ก่อนหน้านั้นก็วางยาเขา เพื่อไม่ให้เขามีผู้สืบทอดบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปรุ่นต่อไป พอเป็นแบบนี้ ขงเบ้งก็จะใช้เหตุผลที่เขาไม่มีทายาท แย่งชิงบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปไป
บางทีอาจจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ ขงเบ้งจึงได้ใช้กลอุบายกับผลตรวจของเขาอยู่ซ้ำๆ เพื่อไม่ให้เขากับเด็กทั้งสองคนได้ทำความรู้จักกัน
“ได้ยินงั้นเหรอ?”ท่าทีพิชิตก็นิ่งไป
นัทธีมองไปที่เขา“การตรวจสอบในเรื่องนี้ นายไม่ต้องเข้ามายุ่ง ฉันจะจัดการเอง”
“ก็ได้”พิชิตเห็นความไม่เชื่อใจที่นัทธีมีให้ ในใจก็รู้สึกเศร้าใจ
ดูแล้วตั้งแต่ที่เขาปล่อยตัวนวิยาไป นัทธีก็เว้นระยะขีดเส้นออกห่างกับเขาอย่างชัดเจน
“พ่อครับ ผลตรวจก่อนหน้านั้นของผม น่าจะเป็นฝีมือของพ่อบุญธรรม ”ในตอนนี้เอง จู่ๆอารัณก็พูดออกมา
“พงศกร?”นัทธีเหล่ตามอง
อารัณพยักหน้าให้ “พ่อบุญธรรมก็เป็นหมอ ดังนั้นผมก็จึงเอาเส้นผมของผมกับพ่อให้พ่อบุญธรรม แต่พ่อบุญธรรมกลับ……”
“พ่อรู้แล้ว อย่าเก็บมาคิดมากอีกเลย ผลตรวจพวกนั้นล้วนเป็นของปลอมทั้งนั้น ของจริงก็คือของ ณ ปัจจุบันนี้”นัทธีลูบไปที่ศีรษะของเด็กน้อยอย่างรักใคร่ พูดอย่างอ่อนโยน แต่แววตา กลับมีไอเย็นแผ่ซ่าน
แน่นอนว่าเขารู้คำตอบดีว่าทำไมพงศกรถึงทำเช่นนี้
พงศกรคิดเกินเลยกับวารุณี ไม่อยากให้เด็กทั้งสองคนรู้ว่าพ่อแท้ๆของพวกเขาก็คือตัวเขา จุดประสงค์ก็เพื่อขวางไม่ให้เด็กทั้งสองคนรู้จักกับเขา
เพราะพงศกรกลัวว่าหากเขารู้ว่าเด็กทั้งสองคนเป็นลูก เขาก็จะต้องแต่งงานกับวารุณีเพราะลูกสองคน
เพราะในความเป็นจริงแล้ว เขาก็คิดจะทำแบบนั้นจริงๆเหมือนกัน
แม้ว่าในตอนนั้นเขาจะยังไม่ได้รักวารุณีก็ตาม เมื่อรู้ว่าเธอให้กำเนิดลูกของตัวเองมาถึงสองคน เขาก็จะแต่งงานกับวารุณีเพราะลูกทั้งสองคนนั้น
ที่พงศกรกังวลก็เป็นเพราะเรื่องนี้ จึงได้ทำผลตรวจปลอมขึ้นมาให้กับอารัณ
หึ เรื่องนี้ พงศกรก็หนีไม่พ้นหรอก
นัทธีอุ้มอารัณแล้วเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยของไอริณ
พิชิตเสนอให้นัทธีย้ายโรงพยาบาลให้ไอริณ ย้ายไอริณไปที่โรงพยาบาลของเขา เขาจะรับผิดชอบดูแลไอริณให้เอง
แต่นัทธีปฏิเสธ เพราะตอนนี้ เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรในตัวพิชิตอีก
ดังนั้นพิชิตจึงได้ไปออกไปจากโรงพยาบาลด้วยความขมขื่น กลับไปที่โรงพยาบาลของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ และถูกคนของนัทธีเฝ้าจับตามองต่อไป
เรื่องที่เกิดขึ้นกับไอริณในครั้งนี้ นัทธีได้เกลียดชังเขาอย่างที่สุด ตอนนี้นัทธียังไม่คิดบัญชีกับเขา เพราะยังจับตัวนวิยาไม่ได้
รอจับตัวนวิยาได้แล้ว การแก้แค้นเอาคืนของนัทธีก็คงจะเริ่มต้นขึ้น
และพิชิตก็ตั้งตารอวันที่นัทธีจะเอาคืน มีเพียงแบบนี้เท่านั้น ความรู้สึกผิดในใจและการโทษตัวเองของเขาจึงจะเบาบางลงได้
เพราะการเกิดอุบัติเหตุกับไอริณในครั้งนี้ ทำให้เขารู้ตัวว่า การที่เขาปล่อยตัวนวิยาไปนั้นมันเป็นการกระทำที่โง่เขลาแค่ไหน หนำซ้ำยังทำร้ายเด็กทั้งสองคนอีกด้วย
“เหอะ……”ดวงตาของพิชิตก็แดงก่ำ
อีกฟากหนึ่ง นัทธีกับอารัณเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยของไอริณ
ร่างเล็กๆของไอริณนอนอยู่บนเตียงขนาดกว้าง และมันก็แทบจะจมมิดลงไปทั้งร่าง ใบหน้าที่สดใสและมีเลือดฝาดในเวลาปรกติ ตอนนี้ก็ขาวจนซีดเผือด ทำให้หัวใจของคนมองปวดหนึบไปหมด
นัทธีวางอารัณลงบนโซฟา ก้าวเท้ายาวๆไปที่เตียงคนป่วย หลุบตาลง แล้วมองดูเด็กน้อยที่อยู่บนเตียง
นี่คือลูกสาวของเขา ลูกสาวแท้ๆของเขา
นัทธีก้มหน้าลง จูบไปที่หน้าผากของไอริณ ดวงตาที่เย็นเยือกอยู่ตลอดของเขา ตอนนี้เต็มไปด้วยความรัก ความรักของพ่อที่มีต่อลูก
ก่อนหน้านั้น แม้ว่าเขาเองก็รักเด็กทั้งสองคนนี้อยู่แล้ว เพราะเด็กทั้งสองคนไม่ใช่ลูกแท้ๆของเขา ดังนั้นความรักที่เขามี ก็จึงไม่ได้เต็มที่มากเท่าที่ควร
แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเด็กทั้งสองคนเป็นลูกแท้ๆของเขา ดังนั้นความรักของคนเป็นพ่อที่มีต่อลูก ก็จึงไม่ได้ลังเลอะไรอีก เขาจะรักเด็กทั้งสองคนนี้ให้มากที่สุด จะให้ทุกอย่างที่ดีที่สุดกับเด็กทั้งสองคนนี้ เพื่อชดเชยกับความรักที่เขาไม่เคยได้ดูแลเอาใจใส่เด็กน้อยทั้งสองคนมาตลอดหกปี
“คุณผู้ชาย”เสียงของป้าส้มดังมาจากทางด้านหลัง
นัทธียืนตัวตรง แล้วหันหลังกลับไปมอง
ป้าส้มเดินเข้ามาพร้อมกระติกเก็บความร้อนในมือ ถามอย่างร้อนใจว่า “คุณผู้ชาย ผลตรวจออกมาหรือยังคะ ?”
นัทธีพยักหน้าให้ “ออกมาแล้ว”
“ผลคือ……”
นัทธีมองไปยังอารัณที่กำลังสะลึมสะลืออยู่บนโซฟา แล้วหันไปมองเด็กน้อยที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง ดวงตามีรอยยิ้ม“เป็นลูกแท้ๆของผม”
ป้าส้มเองก็แทบจะถือกระติกในมือเอาไว้ไม่อยู่ ดีใจจนร้องไห้ออกมา“ เยี่ยมไปเลย วิเศษจริงๆ ป้าก็ว่า อารัณหน้าตาคล้ายคุณขนาดนั้น จะไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณได้ยังไง”
นัทธีมุมปากยกหยัก
เด็กทั้งสองคนเป็นลูกแท้ๆของเขาเพราะฉะนั้นเมื่อห้าปีก่อนในคืนนั้นก็คือวารุณี ไม่ใช่พิชญา
พิชญาโกหกเขา
ในตอนนี้เอง มารุตก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ในระหว่างทางที่นัทธีอุ้มอารัณมาที่ห้องพักของผู้ป่วย ก็ได้โทรเรียกมารุตมา
“เส้นทางการหลบหนีของนวิยาเจอหรือยัง ? ” นัทธีหยิบผ้าห่มมาผืนหนึ่ง แล้วห่มคลุมไปที่ร่างของอารัณ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
มารุตถอนหายใจ“ กล้องวงจรปิดรอบๆบริเวณของคฤหาสน์ ผมได้ทำการตรวจดูหมดแล้ว ไล่ตามเส้นทางการหลบหนีของนวิยาได้ แต่ไล่ไปจนถึงถนนโยโกฮาม่า การแกะรอยก็ต้องสิ้นสุดลง เพราะที่ตรงนั้นเป็นชุมชนเก่าแก่ รอบๆบริเวณไม่มีกล้องวงจรปิดเลยครับ ”
“ดังนั้นตอนนี้ก็จึงแกะรอยของนวิยาต่อไม่ได้?”นัทธีหรี่ตามอง
มารุตก้มหน้าลง “ครับ แต่ตอนนี้ผมได้ให้คนไปสอบถามแถวในชุมชน เชื่อว่าน่าจะพอได้เบาะแสมาบ้าง และนวิยาเองก็ไม่ได้หลบหนีออกไปจากพื้นที่ ยังอยู่ที่จังหวัดจันทร์ ขอแค่เราปูพรมค้นหา เชื่อว่าต้องจับตัวเธอได้แน่นอนครับ”
นัทธีบีบไปที่สันจมูกอย่างอ่อนล้า “ทำตามที่นายว่าแล้วกัน ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง นายช่วยไปจัดการให้ที ”
“ว่ามาเลยครับท่านประธาน”มารุตมองมาที่เขา
นัทธีพูดเสียงเข้ม“ เช็กกล้องวงจรปิดที่หน้าห้องทำงานของฉันในวันที่เก้าเดือนเจ็ด และกล้องวงจรปิดวันที่สิบเดือนเก้าหน้าห้องทำงานของพิชิตด้วย ”
สองวันนี้ เป็นวันที่เขาพูดเรื่อง จะตรวจดีเอ็นเอ
วันที่เก้าเดือนเจ็ดเขาจำได้แม่น ว่าเขาให้มารุตจัดการตรวจร่างกายของเด็กนักเรียนในโรงเรียนอนุบาล และใช้โอกาสนี้เอาตัวอย่างเลือดของเด็กทั้งสองคนมา หากตอนนั้นมีคนแอบฟังอยู่หน้าห้อง กล้องวงจรปิดด้านนอก ก็ต้องจับภาพได้
และวันที่สิบเดือนเก้า ที่ห้องทำงานของพิชิต พิชิตแปลกใจที่กรุ๊ปเลือดของเขากับอารัณเหมือนกัน ดังนั้นจึงได้พูดเรื่องจะตรวจดีเอ็นเออีกรอบ เขาตอบตกลง ไม่แน่ว่าในตอนนั้น หน้าห้องทำงานของพิชิต ก็น่าจะมีคนอื่นอยู่
“สองวันนี้เป็นวันพิเศษอะไรหรือเปล่าครับ ?”มารุตถามด้วยสีหน้าที่งุนงง
ท่าทีของนัทธีก็อ่อนลง“สองวันนี้เป็นวันที่ฉันตรวจดีเอ็นเอของฉันกับพวกเด็กๆ เมื่อกี้ฉันกับเด็กๆก็ตรวจดีเอ็นเอกันอีกรอบ นายรู้ไหมว่าผลที่ออกมาคืออะไร?”
มารุตส่ายหน้า
นัทธีตอบว่า“พวกเขาเป็นลูกแท้ๆของฉัน”
“เฮ้ย……”มารุตสูดหายใจเข้าลึก “ลูก……ลูกแท้ๆ?”
“ถูกต้อง”นัทธีพยักหน้า
มารุตลอบกลืนน้ำลาย“แต่ผลตรวจก่อนหน้านั้นของคุณหมอพิชิต……”
พูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องที่ท่านประธานให้เขาไปเช็กกล้องวงจรปิด ทันใดนั้นก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ท่าทีก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา“ท่านประธาน สงสัยว่า จะมีคนแอบได้ยินเรื่องที่คุณจะตรวจดีเอ็นเอ ดังนั้นจึงได้ใช้เล่ห์กลอุบายเปลี่ยนแปลงแก้ไขผลตรวจนั้น ?”