พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 495 ที่แท้ก็เป็นพวกเขา
ดังนั้น ตลอดห้าปีของเขา เขาถึงได้ยอมทนกับพิชญา ให้เธอได้ใช้ชื่อเสียงของเขาเพื่อหาผลประโยชน์ต่างๆ
ไม่เพียงเพราะคิดว่าพิชญาเป็นผู้มีพระคุณของเขา ไหนยังจะเรื่องหมั้นที่คุณปู่ได้หมั้นหมายเอาไว้ให้ แต่ใครจะรู้ ว่าคู่หมั้นตัวจริงนั้น ไม่ใช่พิชญา
แต่ก็ยังดีที่สุดท้าย ทุกอย่างก็กลับเข้าร่องเข้ารอยในแบบที่มันควรจะเป็น
นัทธีกุมมือวารุณี แล้วครุ่นคิด
วารุณีก้มมอง ยิ้มแล้วพูดว่า“อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ ทุกอย่างล้วนถูกเตรียมการเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว คุณเองก็รู้เมื่อเจ็ดปีก่อน สุภัทรไล่พวกเราแม่ลูกและน้องชายออกจากบ้านไม่ใช่เหรอ ?”
นัทธีพยักหน้า “ผมรู้”
แต่เขาก็เพิ่งจะมารู้เรื่องเอาในปีที่เธอกลับมาจากต่างประเทศ
เมื่อก่อนรู้แค่ว่าสุภัทรกับวรยาหย่าร้างกัน คุณหนูใหญ่ของตระกูลศรีสุขคําเปลี่ยนชื่อมาเป็นพิชญา และคุณชายใหญ่ตระกูลศรีสุขคําไปพักรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศ และไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาถูกไล่ออกจากบ้านต่างหาก
มารู้เอาความจริงก็ตอนที่สืบหาเรื่องของว่าที่คู่หมั้น ก็ถึงจะมารู้เรื่อง
“เพราะพวกเราไม่ได้มีสมบัติอะไรติดตัวออกมาด้วยเลย ไม่มีเงินกันเลยสักบาท ศรัณย์ก็เป็นโรคหัวใจมาแต่กำเนิด สองปีที่ถูกไล่ออกมาจากบ้าน โรคหัวใจของศรัณย์ก็มีปัญหามาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อห้าปีที่แล้ว โรคหัวใจของศรัณย์ก็ไม่สามารถจะยื้อต่อไปได้อีก จำต้องเข้าโรงพยาบาล และหมอบอกว่าเขาต้องได้รับการผ่าตัดบายพาส ไม่งั้นศรัณย์ไม่มีทางรอดแน่ ”
พูดมาถึงตรงนี้ วารุณีก็กำมือแน่น “ การผ่าตัดบายพาสหัวใจค่าใช้จ่ายสูงมาก ตอนนั้นฉันกับแม่ไม่มีปัญญาหาเงินจำนวนนี้มาได้ เราจึงได้พูดคุยปรึกษากัน ว่าให้ฉันกลับไปที่ตระกูลศรีสุขคําเพื่อหาสุภัทร เพราะยังไงเขาก็เป็นพ่อของศรัณย์เหมือนกัน คงน่าจะพอให้ความช่วยเหลือเราได้ แต่……”
“แต่อะไร?”นัทธีเหล่มอง
วารุณีเหยียดปาก “แต่ฉันถูกขยานีขวางเอาไว้ ไม่ให้เจอกับสุภัทร จากนั้นก็ถูกขยานีพูดดูถูกให้อับอายขายหน้า แล้วไล่ออกจากตระกูลศรีสุขคํา และในตอนนั้นเอง พิชญาก็มาหาฉัน ตอนนั้นพิชญากำลังเข้าร่วมการแข่งขันอะไรสักอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ เธอได้รู้จักกับหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่ง”
“พิชญายกเธอให้กับผู้บริหารคนนั้น?”ใบหน้าของนัทธีมืดมน รอบกายแผ่ซ่านไปด้วยไอเย็น
วารุณีพยักหน้า “ผู้บริหารคนนั้นได้ยื่นข้อเสนอให้พิชญาอยู่กับเขาหนึ่งคืน ก็จะการันตีชัยชนะให้พิชญาได้ ดังนั้นพิชญาก็เลยให้ฉันไปแทน คืนนั้น พวกเราไปที่โรงแรมของผู้บริหารคนนั้น พิชญาให้ฉันเข้าไปในห้อง แต่เพราะเกิดข้อผิดพลาดที่หมายเลขห้อง ห้องที่ฉันเข้าไปไม่ใช่ห้องของผู้บริหารคนนั้น แต่เป็นห้องของคุณ ”
พูดๆอยู่ เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า “นี่คือโรงแรมเมื่อห้าปีก่อน กล้องวงจรปิดที่ฉันเข้าผิดห้อง คุณดูเองแล้วคุณก็จะเข้าใจ”
เธอยื่นโทรศัพท์ให้
นัทธีรับมันมา แล้วก้มหน้าดู
เมื่อดูจบ ก็หัวเราะออกมา“ดูๆไปแล้ว เหมือนเราจะมีวาสนาต่อกันนะ ทั้งที่ก่อนหมั้นหมายจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แต่โชคชะตาก็ทำให้มาเจอกันในรูปแบบต่างๆ ”
“ใช่ค่ะ”วารุณีหัวเราะ“เพราะฉะนั้นก่อนหน้านั้น ที่ผลตรวจของเด็กทั้งสองคนออกมาว่าไม่ใช่ลูกของคุณ ฉันกลัวมาก และกระวนกระวายใจไปหมด เพราะฉันไม่รู้ ว่าฉันเคยไปอยู่กับผู้ชายคนอื่นที่ไหนมาก่อน ”
“ขอโทษ เพราะผมไม่ได้ตรวจเช็กมันให้ดี ”นัทธีกอดเธออย่างรู้สึกผิด
วารุณีส่ายหน้า“ไม่ใช่แค่คุณ ตัวฉันเองก็เสียรู้เหมือนกันนี่ ? คนพวกนั้น พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขวางไม่ให้คุณกับเด็กๆได้รู้จักกัน กันจนไม่รู้จะกันยังไงแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว พวกเขาอยากจะขวาง ก็ขวางไม่ได้แล้ว”
“คุณพูดถูก”นัทธีหัวเราะออกมาเบาๆ
ในตอนนี้เอง ประตูห้องก็มีเสียงเคาะดังขึ้น
นัทธีปล่อยตัววารุณี “เข้ามา”
เมื่อประตูเปิดออก มารุตก็เดินเข้ามาพร้อมแฟลชไดรฟ์“ท่านประธาน คุณให้ผมไปตรวจดูกล้องวงจรปิด ผมเช็กมาเรียบร้อยแล้วครับ นี่คือของสองวันนั้นครับ”
เขายื่นแฟลชไดรฟ์มา
พอดีกับห้องพักผู้ป่วยนั้นเป็นห้องพิเศษ ด้านในห้องจึงมีคอมพิวเตอร์ไว้อำนวยความสะดวกด้วย
นัทธีเดินตรงไปที่คอมพิวเตอร์ เสียบแฟลชไดรฟ์ แล้วเปิดดูภาพของกล้องวงจรปิดที่มีอยู่สองคลิป
วารุณียืนอยู่ข้างๆเขา และดูมันพร้อมกับเขา
นัทธีกดเปิดตัวแรกที่มีเวลาระบุว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน นั้นก็คือคลิปที่อยู่หน้าห้องทำงานเขา
วิดีโอเริ่มเล่น ภาพแรกที่ปรากฏออกมา คือภาพของทางเดินที่หนึ่ง นั้นก็คือภาพทางเดินหน้าห้องทำงานของเขา
ทางเดินในตอนนี้ไม่มีบุคคลใดเลย แต่ไม่นาน ก็มีเสียงของรองเท้าส้นสูงดังขึ้น จากนั้น ภาพที่คนทั้งสามต่างก็คุ้นเคยกันดีก็ปรากฏขึ้น นั้นก็คือพิชญา
พิชญาวางมือไปยังลูกบิดที่ประตูห้องทำงานของนัทธี ราวกับกำลังจะเปิดมัน
แต่ในวินาทีถัดไป เธอก็วางมือลง จากนั้นก็เงี่ยหูฟังจากตรงประตู
หลังจากที่ฟังอยู่สักพัก ทั้งสามคนก็เห็นภาพที่ปรากฏขึ้นชัดเจน ในวิดีโอนั้นสีหน้าของพิชญาเปลี่ยนไป ประหลาดใจก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เป็นกระวนกระวาย สุดท้ายเหมือนจะตระหนักอะไรขึ้นมาได้ ก็เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นขึ้นมา
ผ่านไปสักพัก พิชญาก็เหมือนจะตกใจ หันซ้ายมองขวา รีบเปิดประตูของห้องสำนักงานเลขานุการที่อยู่ประตูถัดไปแล้วเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้แค่นี้ ก็สิ้นสุดลง
ท่าทีของนัทธีเย็นเยือกจนดูน่ากลัว มือก็กำหมัดแน่น “ที่แท้ก็เธอนี่เอง !”
เขาคิดว่าเป็นสายที่ขงเบ้งให้เข้ามาสอดแนมเสียอีก
เพราะตลอดหลายปีมานี้ เขาได้กำจัดสายของขงเบ้งออกไปอยู่ไม่น้อย ขงเบ้งเองก็เคยอยากจะซื้อตัวมารุตมาก่อน
ไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจขงเบ้งผิดไป เรื่องนี้ ไม่ใช่ฝีมือของขงเบ้ง แต่เป็นพิชญา
“ผมก็ไม่คิดว่าจะเป็นเธอเหมือนกันครับ ตอนที่เห็นภาพจากกล้องวงจรปิด ผมก็ตกใจมาก”มารุตกล่าว
วารุณีเม้มปาก“ ฉันไม่แปลกใจเลย เพราะก่อนหน้านั้น ฉันก็พอจะเดามันได้อยู่แล้ว ”
“เอาล่ะ มาดูอีกอันกัน”นัทธีพูด พลางก็กดเปิดกล้องวงจรปิดอีกอันไปด้วย นั้นก็คือกล้องหน้าห้องของพิชิต
หน้าห้องทำงานของพิชิตมีคนเดินไปมาขวักไขว่ ไม่ได้เงียบเหมือนหน้าห้องทำงานของนัทธี
ไม่นาน ร่างที่น่าสงสัยร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
ทั้งสามคนก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้าจอ นั่นก็คือนวิยา
เธอสวมใส่ชุดผู้ป่วย และใส่วิกผมยาวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าห้องทำงานของพิชิต แต่ไม่ได้เข้าไปในห้อง เอนหลังพิงผนังข้างประตู แล้วก้มหน้าลง ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าท่าทางที่ชัดเจนของเธอ
ผ่านไปสักสองนาที นวิยาก็เงยหน้าขึ้น นอกจากขบริมฝีปากแล้ว ท่าทีก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไร ไม่เหมือนกับที่พิชญาแสดงออกมา
หลังจากที่เธอสูดหายใจเข้าลึก ก็กำมือแน่น จากนั้นก็หายออกไปอย่างเงียบ ๆ
หลังจากที่ดูวิดีโอนี้จบ นัทธีก็กัดฟันกรามแน่น
เขาเดาผิดอีกแล้ว
เขาคิดว่าครั้งนี้ก็น่าจะเป็นฝีมือของขงเบ้ง ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของนวิยา
แม้แต่วารุณีเองก็ยังแปลกใจ“ที่แท้นวิยาก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าอารัณกับไอริณเป็นลูกของคุณ แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ในตอนที่เราบึ้งตึงใส่กัน ยังมาพูดให้ฉันเลิกกับคุณ ยังพูดว่าฉันเอาลูกคนอื่นมาให้คุณเลี้ยง มันไม่ยุติธรรมกับคุณ ”
“เธอเคยพูดแบบนี้กับคุณเหรอ ?”นัทธีมองมาที่หญิงสาว
วารุณีพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
“ทำไมคุณไม่บอกผม ?”นัทธีขมวดคิ้ว
วารุณีถลึงตามองเขา “ตอนนั้น ฉันขอคุยกับคุณอยู่ตั้งหลายครั้ง คุณก็ไม่ยินยอม แล้วฉันจะบอกคุณยังไง ”
“……ผมขอโทษ”นัทธีก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิด
วารุณีก็ยิ้มออกมา“ช่างมันเถอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว จัดการกับสองเรื่องนี้ก่อนเถอะค่ะ ”
เธอชี้ไปที่ภาพจากกล้องวงจรปิด
ท่าทีของนัทธีก็เคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง หันมองไปยังมารุต “เช็กดูสิว่าพิชญาสับเปลี่ยนตัวอย่างของDNAยังไง แล้วที่สับเปลี่ยนคือของฉัน หรือของเด็กๆ”
“ที่สับเปลี่ยนน่าจะเป็นของเด็กๆครับ”มารุตกล่าว“ตัวอย่างของท่านประธาน ผมเป็นคนให้กับมือคุณหมอพิชิตด้วยตัวเอง ดังนั้นตัวอย่างของเด็กๆ น่าจะถูกสับเปลี่ยนไป เพราะตัวอย่างของเด็กๆ เป็นหมอที่ไปเจาะเลือดที่โรงเรียนของเด็กๆส่งไปครับ ไม่รู้ว่าหมอคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า ”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ไปเช็กหมอคนนั้นซะ แล้วครูที่ดูแลการตรวจร่างกายของเด็กที่โรงเรียนคนนั้นด้วย เช็กให้ละเอียดมีปัญหาตรงไหน รีบรายงานฉันทันที” นัทธีออกคำสั่ง
มารุตพยักหน้า“เข้าใจแล้วครับ แล้วการตรวจครั้งที่สองล่ะครับ ?”