พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 513 อำนาจของนิรุตติ์
ระหว่างที่พูด นิรุตติ์ใช้แรงบีบมากขึ้น
นวิยาโดนบีบคอจนหน้าแดงก่ำ ลูกตาเกือบทะลุออกมา เธอรู้สึกหายใจไม่ออก
เธอคาดไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะอารมณ์แปรปรวนขนาดนี้ แค่ประโยคเดียวก็ลงมือหนักปานนี้เชียว
นวิยาอ้าปากเพื่อหายใจ ในเวลาเดียวกันก็ใช้สองมือทุบมือนิรุตติ์ หมายถึงดันมือของนิรุตติ์ลงไป
ทว่ามือของนิรุตติ์นั่นเหมือนดั่งคีมล็อค การทุบตีของเธอไม่ได้ช่วยอะไรเลย
ไม่นาน นวิยาก็หายใจไม่ออก ลูกตาเริ่มขาวโพลน หางตามีน้ำตาซึมออกมาจำนวนมาก
วินาทีที่นวิยาคิดว่าตัวเองจะถูกนิรุตติ์บีบคอตายแน่ นิรุตติ์ก็คลายมือกะทันหัน
นวิยาร่างกายอ่อนยวบ ทิ้งตัวไปกองกับพื้น เธอจับคอตัวเองแล้วไอสำลักไปพลาง หายใจเร็วถี่ไปพลาง
จวบจนมีอากาศภายในปอด เธอจึงค่อยๆหายใจเป็นปกติ เธอถึงจะรู้ว่าตัวเองรอดชีวิตมาแล้วหนึ่งหน
นิรุตติ์ย่อตัวลงไป ยื่นมือตบหน้านวิยา“วันหลังพูดจาเคารพผมหน่อย อย่ายั่วโมโหผมอีก ไม่งั้นถึงผมจะไม่ลงมือฆ่าคุณเอง แต่ผมก็จะส่งคุณไปให้นัทธี แล้วบอกเขาว่าคุณมีส่วนทำให้พ่อแม่ของเขาตาย คุณว่าคุณจะเจอจุดจบยังไง?”
นวิยาสะดุ้งโหยง“ไม่เอา อย่านำตัวฉันส่งให้นัทธี”
นิรุตติ์ยิ้มตาหรี่“ดังนั้นคุณก็ทำตัวดีๆหน่อย เชื่อฟังผมด้วย ผมบอกให้ทำอะไรก็ทำซะ เข้าใจป่ะ?เป็นหมาก็ต้องทำตัวเหมือนหมาหน่อย”
นวิยาหลุบตาลงกลบเกลื่อนความเคียดแค้นในแววตา พยักหน้ารับ“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะเชื่อฟังคุณ”
“งั้นก็ดี” นิรุตติ์พอใจแล้วจึงวางมือลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ผู้ช่วยของเขากำลังรอเขาอยู่ด้านนอก เห็นเขาออกมาก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าเปียกหมาดๆ ซึ่งขาวสะอาดสะอ้านให้
นิรุตติ์รับมาเช็ดมือที่สัมผัสนวิยาอย่างรังเกียจเดียดฉันท์
ผู้ช่วยเดินอยู่ด้านหลังเขา“เจ้านายครับ พวกเราจะเก็บผู้หญิงคนนี้ไว้จริงๆเหรอครับ?ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาเลยครับ อายุน้อยๆก็ฆ่าคนเป็นแล้ว เก็บไว้จะเป็นภัยเปล่าๆนะครับ ถ้าเกิดวันดีคืนดีแทงพวกเราข้างหลังจะแย่นะครับ……”
“ผมรู้ เพราะหล่อนมีพิษสง จึงต้องให้หล่อนทำอะไรบางอย่าง ไม่ต้องกังวลหรอก ผมจะควบคุมหล่อนเอง หล่อนไม่แทงพวกเราข้างหลังหรอก รอให้หล่อนทำภารกิจที่ผมมอบให้สำเร็จก่อน แล้วผมจะฆ่าหล่อนเป็นคนแรก จะแก้แค้นแทนอาสะใภ้รอง”นิรุตติ์โยนผ้าเช็ดหน้าคืนให้ผู้ช่วยพร้อมกับเอ่ยขึ้นมา
ผู้ช่วยได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็ไม่สะดวกทักท้วงอะไรอีก
นิรุตติ์เอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ถามว่า“สืบถามได้หรือยังว่านัทธีเก็บเอกสารหุ้นส่วนของวันเฮิร์ทไว้ที่ไหน?”
“ยังครับ” ผู้ช่วยส่ายหน้า“แต่ประธานนัทธีแถลงข่าวแล้วว่าท่านเป็นประธานคณะกรรมบริหารครับ และยังให้คุณกลับไปลงนามหนังสือโอนกรรมสิทธิ์หุ้นส่วนด้วยครับ”
“ฮ่าๆ เซ็นหนังสือโอนกรรมสิทธิ์หุ้นส่วนบ้าบออะไรกัน เขาทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้ผมโยนตัวเองลงแหไม่ว่า”นิรุตติ์ยกมุมปากโค้งขึ้นอย่างดูแคลน
ผู้ช่วยลังเลใจหลายวินาที ก่อนจะกล่าวว่า“เจ้านายครับ ทำไมคุณต้องยึดติดกับวันเฮิร์ทขนาดนี้ครับ วันเฮิร์ทก็ไม่ได้เป็นบริษัทใหญ่โตอะไรนี่ครับ เทียบปลายเล็บของบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปไม่ได้เลยนะครับ ท่านจะเอาวันเฮิร์ทไม่สู้เอาบริษัทไชยรัตน์กรุ๊ปจะดีกว่านะครับ”
นิรุตติ์หลุบตาลง“นายไม่เข้าใจหรอก วันเฮิร์ทมีความหมายสำคัญผม เพราะอาสะใภ้รองทิ้งไว้ให้ผม”
ท่านคือผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดี เป็นผู้หญิงที่ทำให้เขาสัมผัสความรักของแม่ที่มีต่อลูกในอุทร
ท่านนี้ เป็นผู้หญิงที่เขาไม่เคยลืมเลือน……
ผู้ช่วยเห็นดวงตานิรุตติ์มีประกายถวิลหาและความผูกพันรักใคร่สอดส่องออกมา พลางรู้สึกตะลึงตะไล
เจ้านายมีความรู้สึกดีๆต่ออาสะใภ้รองของท่าน……
ผู้ช่วยกลืนน้ำลายลงคอ ไม่กล้าคิดเรื่อยเปื่อยอีก เขารีบก้มหน้าลง
อีกฝั่งหนึ่ง เมื่อนัทธีประชุมเสร็จก็รีบกลับไปหาวารุณีอย่างเร่งรีบ
เมื่อเข้ามาถึงภายในคฤหาสน์ เขาก็กระโจนเข้าสวมกอดวารุณีไว้ พลางมองสำรวจหัวจรดปลายเท้า “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
วารุณีรู้ว่าเขาถามเรื่องอะไร เธอส่ายหน้าให้เขา“ไม่เป็นอะไรค่ะ โชคดีที่คุณมารุตมาทันเวลา วางใจได้ค่ะ ฉันสบายดีมากค่ะ”
นัทธีเม้มริมฝีปากบาง นำใบหน้าเธอแนบไว้ที่อกแกร่งของตน ให้เธอฟังว่าเสียงเต้นหัวใจของเขารัวเร็วแค่ไหน
ตอนที่ได้ยินว่านิรุตติ์โยนเธอลงทะเลสาบ หัวใจของเขาก็เหมือนเกือบกระดอนออกมา
ยังดีที่สุดท้ายมารุตเล่าว่า ช่วยเธอขึ้นมาได้สำเร็จ
ไม่เช่นนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเสียสติหรือไม่
วารุณีซุบอยู่ในอกแกร่งของผู้ชายเงียบๆ เมื่อรับรู้ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาแล้ว จึงยิ้มน้อยๆ “ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วงอีกแล้วค่ะ”
“ผมต่างหากที่ควรขอโทษคุณ ผมดึงคุณเข้ามาในชีวิต คุณจึงต้องเสี่ยงอันตรายอย่างนี้”นัทธีจับเรือนผมของเธอแล้วเอ่ย
วารุณีถูไถหน้าอกของเขา“พอแล้วค่ะ ไม่ต้องโทษตัวเองแล้ว แค่อันตรายชั่วคราวเอง รอให้จับตัวพวกนิรุตติ์ได้ก็ปลอดภัยแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
นัทธีไม่ได้พูดอะไร แค่กอดเธอไว้นิ่งๆ
จับตัวนิรุตติ์ได้?
ถ้าจับได้ง่ายๆ อีกฝ่ายคงไม่ลอยนวลถึงตอนนี้หรอก
อำนาจและอิทธิพลของนิรุตติ์ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย แค่อำนาจภายในประเทศของอีกฝ่ายสู้เขาไม่ได้เท่านั้นเอง
ทว่าต่างประเทศ เขารู้ดีว่าตัวเองสู้นิรุตติ์ไม่ได้
เพราะนิรุตติ์ตั้งหลักปักฐานอยู่ต่างประเทศนาน ซึ่งกฎหมายต่างประเทศไม่ได้เคร่งครัดมากนัก ดังนั้นลูกน้องในสังกัดเขาส่วนมากจะเป็นพวกกากเดนและชอบเล่นอาวุธสงคราม
ลำพังจุดนี้ หากอยากจับตัวเขาในต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ เวลาผ่านมาเนิ่นนาน เขายังจับตัวนิรุตติ์ไม่ได้ สาเหตุก็เพราะนิรุตติ์มีอิทธิพลที่แข็งแกร่งในต่างประเทศ
วารุณีเห็นนัทธีไม่พูด จึงเข้าใจความลำบากของเขา เธอตบหลังเขาเบาๆ “โอเคค่ะที่รัก ไม่คิดเรื่องปวดหัวแล้วนะคะ ไปกันเถอะค่ะ พวกเราขึ้นไปดูเด็กๆที่ชั้นบนกันนะคะ เด็กๆเล่นเกมอยู่ในห้องค่ะ ถ้าเห็นคุณกลับมา พวกเขาต้องดีใจมากแน่ๆค่ะ”
นัทธีตอบรับ“ไปสิ”
เขาจูงมือวารุณีขึ้นไปชั้นบน
หลายวันต่อมา ทุกอย่างก็กลับมาสงบสุขดุจเดิม
คล้ายกับอันตรายทั้งปวงได้ถูกชำระล้างจนหมดสิ้นแล้ว
ทว่าวารุณีไม่รู้ว่าอันตรายไม่ได้ชำระล้าง เพียงแต่กำลังหลบซ่อนอยู่ในที่ลับ ยังไม่ได้สำแดงฤทธิ์เดชออกมา
หลายวันมานี้ นัทธีจับมือกับผู้ว่าการสตีฟทำการค้นหานิรุตติ์ทั่วทั้งเมือง
หากนิรุตติ์ปรากฏตัวเวลานี้ก็เท่ากับโยนตัวเองเข้าแห
ดังนั้นนิรุตติ์จึงต้องหลบซ่อนตัว?
ซึ่งเขาซ่อนตัวได้ดีเยี่ยมไปเลย ถึงแม้จะทำการค้นหาทุกซอกทุกมุม แต่ก็ยังหาไม่เจอ สิ่งนี้ทำให้นัทธีหน้าตาบึ้งตึง ถึงตอนนี้เขาถึงรู้ว่าประเมินอำนาจของนิรุตติ์ต่ำไป
อำนาจของนิรุตติ์ในต่างประเทศมหาศาลกว่าที่เขาคาดคะเน
เห็นทีการล่าตัวนิรุตติ์ แค่ใช้หุ้นส่วนของวันเฮิร์ทคงจะไม่เพียงพอ ต้องทำความเข้าใจอำนาจที่อยู่เบื้องหลังนิรุตติ์เสียก่อน
นิรุตติ์ขยายอำนาจใหญ่ขึ้นเพียงใด แต่เวลาสั้นๆเพียงห้าปี คงทำไม่ได้เท่านี้ เพราะในกระเป๋านิรุตติ์ไม่ได้มีเงินทองมากมายจนสามารถไปไหนมาไหนระหว่างประเทศได้
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือนิรุตติ์มีวาสนาสืบทอดอำนาจจากใครบางคน
นัทธีหรี่ตาขึ้น เริ่มพินิจพิเคราะห์ขึ้นมา
วารุณียกกาแฟมาเสิร์ฟ “พอแล้วค่ะ อย่าขมวดคิ้วอีกเลย เหมือนตาแก่ไม่มีผิด”
ตาแก่?
นัทธีเลิกคิ้วมองเธอ จากนั้นก็ดึงข้อมือเธอ ก่อนจะดึงเธอมานั่งบนตัก “หา?ผมเป็นตาแก่เหรอ?”
“อายุสามสิบกว่าแล้ว ยังไม่แก่เหรอคะ?”วารุณีแย้มยิ้ม
นัทธีกัดหูเธอ กล่าวเสียงแห้งพร่า“รอให้อายุครรภ์ครบสามเดือนก่อน แล้วผมจะให้คุณรู้ว่าผมเป็นตาแก่หรือเปล่า”
มารุณีหัวเราะหน้าแดงระเรื่อ ทำตาขวางใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์“ไปไปไป ทำไมคิดแต่เรื่องนั้นตลอดเวลาค่ะเนี่ย”
“เรื่องนั้นทำไมเหรอ เรื่องนั้นไม่ใช่ปรก……”
ยังไม่ทันกล่าวจบ มือถือของเขาก็ดังขึ้น