พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 517 บอกเรื่องราวทุกอย่าง
“ก็น่าจะเป็นแบบนั้น”วารุณีพยักหน้า
นัทธีมองดูเธอ “ในเมื่อตอนนี้สุภัทรก็รู้เรื่องของขยานีกับปวิชแล้ว คุณคงไม่คิดที่จะปิดบังต่อไปอีกใช่ไหม ?”
วารุณีสยายผมตัวเอง“อืม ได้เวลาที่จะบอกเขาแล้ว”
เธอมองไปยังสุภัทรที่สะลึมสะลือตื่นขึ้น และพูดน้ำเสียงแผ่วเบา
สุภัทรลืมตาขึ้น ที่เห็นตรงหน้าก็คือใบหน้าของวารุณีพี่น้องกับใบหน้าของนัทธี
“นี่……เป็นพวกเธอเองหรอกเหรอ”สุภัทรพยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง
ท่าทีของเขาในวันนี้ดูอ่อนแรงกว่าเมื่อวานมาก น้ำเสียงก็แผ่วแรงลงด้วยเช่นกัน
จนการลุกนั่งเมื่อครู่ก็แทบจะทำมันไม่ได้
แต่วารุณีพวกเขาสามคนก็ได้แต่มองดูกันอย่างเงียบๆเท่านั้น ไม่มีใครคิดจะเดินเข้าไปให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด
สุภัทรก็สัมผัสได้ถึงความเมินเฉยของพวกเขา ในใจใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร เพราะพวกเขาก็เป็นลูกของเขา และลูกเขยของเขา เหตุใดจึงมีท่าทีกระด้างกระเดื่องกับผู้เป็นพ่ออย่างเขาแบบนี้
แต่ถึงไม่พอใจแล้วจะทำยังไงได้ ที่เขาเป็นอย่างทุกวันนี้ ก็เป็นตัวเขาเองที่ทำตัวเอง
“ขยานีนังผู้หญิงคนนั้นล่ะ?”หลังจากที่สุภัทรสูดหายใจเข้าปอดไปได้ ก็มองไปยังรอบๆบริเวณ ไม่เห็นแม้แต่เงาของขยานี
วารุณีดวงตาไหววูบ แกล้งถามไปว่า “เธอไปแล้ว จะหาเธอทำไม ? ”
“ผู้หญิงคนนั้น……ผู้หญิงคนนั้นกล้ามีชู้ลับหลังฉัน!”สุภัทรคำรามเสียงดังอย่างโกรธเคือง
คิดไปถึงก่อนหน้านั้นที่ขยานีเฝ้าอยู่ข้างเตียงของเขา และพูดคุยกะหนุงกะหนิงกับชายชู้ในโทรศัพท์ ยังพูดอีกว่าหากเขาตายแล้วก็จะได้ใช้ชีวิตอยู่กันอย่างเปิดเผย
เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะฉีกทึ้งร่างของขยานีกับชายชู้นั่น!
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง ”วารุณีพยักหน้าให้ แสดงให้เห็นว่ารับรู้แล้ว
จากนั้นสุภัทรก็สังเกตเห็น แม้ปากเธอจะบอกว่าประหลาดใจ แต่ท่าทีของเธอไม่ได้มีความประหลาดใจอะไรเลย ในใจของเขาก็คาดเดาไปต่างๆนานา
จากนั้นเขาก็มองไปยังศรัณย์กับนัทธีที่อยู่ข้างๆเธอ
อาการของทั้งสองคนนั้นก็นิ่งสงบ ไม่ได้ประหลาดใจหรือไหวติงใดๆเลย
หรือจะพูดอีกนัยก็คือ พวกเขารู้เรื่องที่ขยานีคบชู้อยู่ข้างนอก
“นี่……นี่พวกแกรู้อยู่ก่อนแล้วเหรอ?”สุภัทรชี้ไปที่วารุณีด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
วารุณีหัวเราะ “ใช่ค่ะ รู้มานานแล้ว รู้ตั้งแต่ตอนที่ฉันกลับมาที่นี่เมื่อเดือนแรกๆเลย ”
เมื่อสุภัทรได้ยิน ก็ตะลึงงัน มองไปยังวารุณีอย่างไม่อยากจะเชื่อ สักพักกว่าจะเปล่งเสียงได้ “แกรู้ตั้งนานแล้ว แล้วทำไมไม่บอกฉัน?”
“แล้วทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย ฉันแทบทนรอดูคุณอยู่ในกะลาแทบจะไม่ไหว และถูกสวมเขาอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ ”วารุณียกมือขึ้นกอดอกแล้วพูดอย่างเย็นชา
พรืด!
สุภัทรแทบจะกระอักเลือด กำไปที่อกเสื้อแน่น ร่างกายสั่นเทิ้ม“ทำไม ? ฉันเป็นพ่อแกนะ นี่แก……”
“นัทธี”วารุณีพูดขัดจังหวะเขา แล้วมองไปยังนัทธี
“ว่ายังไง?”นัทธีถาม
“คุณพาศรัณย์ออกไปก่อน เรื่องบางเรื่อง ฉันอยากจะพูดกับเขาตามลำพัง”วารุณีชี้ไปที่สุภัทร
“พี่ ผมก็อยากฟัง”ศรัณย์ไม่อยากออกไป
วารุณีก็มีท่าทีขึงขังขึ้นมา“เชื่อพี่ ออกไปก่อน”
เมื่อเห็นพี่สาวมีสีหน้าจริงจัง ศรัณย์ก็จำต้องพยักหน้ารับ“ก็ได้ครับ ”
“ไปเถอะ”นัทธีเอ่ยเรียกเขา แล้วเดินนำออกจากห้องไปก่อน
ศรัณย์ก้มหน้าลง แล้วเดินตามหลังเขาไปอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ภายในห้องจึงเหลือเพียงวารุณีและสุภัทรที่โมโหจนร่างกายสั่นเทิ้ม
วารุณีมองดูเขาด้วยสายตาที่เย็นชา“ใช่ คุณคือพ่อของฉัน ในฐานะลูกสาว ในตอนที่รู้ว่าพ่อตัวเองถูกสวมเขา ฉันก็ควรจะบอกพ่อทันที แต่ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ คุณไม่รับฉันคนนี้เป็นลูกสาวแล้วไม่ใช่เหรอ ? อีกอย่างถ้าฉันทำแบบนั้น แล้วฉันจะยังมีหน้าไปพูดอธิบายกับแม่ยังไง ?”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็ถอนหายใจ แล้วจึงพูดต่อว่า“คุณรู้ไหมเมื่อเจ็ดปีก่อน แม่ของฉันต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่มารับรู้ว่าคุณนอกใจแม่มากว่ายี่สิบปี? คุณไม่เคยรู้ แต่ฉันรู้ ดังนั้นฉันก็อยากให้คุณได้ลิ้มรสกับมันบ้าง ถูกคนที่ร่วมเตียงเคียงหมอนทรยศหักหลังมันเป็นยังไง”
ก่อนที่แม่ของเธอจะตั้งท้องวารุณี สุภัทรก็คบชู้กับขยานี จนกระทั่งเมื่อเจ็ดปีก่อน ได้พาขยานีกับพิชญาเข้าไปในบ้าน แม่ถึงได้รู้เรื่อง
ในตอนนั้น ไม่เพียงแค่แม่เท่านั้น เธอกับศรัณย์เองก็รู้สึกเหมือนว่าโลกทั้งใบมันพังทลายลง
และในคืนที่ถูกไล่ออกจากตระกูลศรีสุขคํา ก็ยิ่งเป็นวัน ที่เธอไม่อาจลืมไปได้เลยในชีวิตของเธอ
สุภัทรมองไปยังวารุณีที่แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง มือสั่นปากสั่น“ดังนั้น……แกกำลังแก้แค้นฉัน?”
“ใช่ ฉันกำลังแก้แค้นคุณ!” วารุณียอมรับกับพฤติกรรมของตัวเองอย่างไม่ลังเล
เธอหลับตาลง แล้วหัวเราะเยาะ“ แต่นอกจากปิดบังเรื่องที่ขยานีคบชู้แล้ว ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะฉันรู้ จะช้าหรือเร็วคุณต้องได้รับผลกรรมนี้ ไม่มีจุดจบที่ดีไปได้หรอก ฉันแค่ต้องอดทนรอก็เท่านั้น แล้วผลเป็นยังไง ตอนนี้ฉันได้เห็นมันแล้ว คุณคงยังไม่รู้ ขยานีไม่เพียงแค่สวมเขาให้คุณเท่านั้น ”
เมื่อได้ยินดังนี้ ในใจของสุภัทรก็อยู่ไม่สุข สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “แก……แกหมายความว่ายังไง?”
“ฉันหมายความว่า ถวิตที่อาศัยอยู่ที่ตระกูลศรีสุขคําในตอนนี้ ไม่ใช่ลูกหลานอะไรของขยานี แต่เป็นลูกแท้ๆของเธอ เป็นลูกของเธอกับปวิช” วารุณีมองไปยังสุภัทร แล้วพูดเสียงแผ่วเบา
สุภัทรหน้ามืด เกือบเป็นลมล้มพับไป
ถวิตเป็นลูกของขยานีกับชายชู้นั้น !
ตอนนี้ถวิตอายุเพียงหกขวบ นั้นก็หมายความว่า เมื่อหกปีก่อนขยานีกับปวิชก็ไปมาหาสู่กันแล้ว
ใช่จริงๆด้วย เมื่อหกปีก่อน ขยานีบอกว่าได้ไปร่วมทริปทัวร์รอบโลก และจะไปเที่ยวเล่นในหลายๆประเทศ ใช้เวลาหนึ่งปี เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
พอมาคิดในตอนนี้ ท่องเที่ยวอะไร ผู้หญิงคนนั้น ต้องไปคลอดลูกแน่ๆ !
เมื่อคิดถึงระยะหลังมานี้ ขยานีเอาแต่พูดกรอกหูว่าให้เขารับถวิตเป็นลูกบุญธรรม อนาคตยกสมบัติให้ถวิต ให้ถวิตเลี้ยงดูเขาในยามเฒ่าชรา สุภัทรก็ยิ่ง โมโหจนอยากจะฆ่าคน
ขยานีทรยศเขาตั้งแต่เมื่อหกปีที่แล้ว อยู่กับชายชู้นั่น ยังมีลูกกับชายชู้นั้นอีก ตอนนี้ก็ยังติดต่อไปมาหาสู่กับชายชู้ เห็นชัดว่าในใจของเธอมีแต่ชายชู้คนนั้น จะเป็นไปได้ยังไงที่จะให้ลูกของเธอกับชายชู้นั้นมาเลี้ยงดูเขายามเฒ่าชราได้
ดังนั้นเรื่องเลี้ยงดูยามเฒ่าชราเป็นเรื่องโกหก แต่เรื่องหลอกเอาทรัพย์สมบัติของเขาถึงจะเป็นเรื่องจริง!
ยิ่งคิดสุภัทรก็ยิ่งโมโห หน้าอกกระเพื่อมไหวอย่างรุนแรง
เมื่อวารุณีเห็น ก็ยกยิ้มมุมปาก“นี่ฟังไปแค่นี้ยังเป็นเอาขนาดนี้ได้ งั้นเรื่องสำคัญอีกสองเรื่อง หากคุณฟังแล้วไม่อกแตกตายเลยเหรอ?”
ยังมีอีกเหรอ ?
สุภัทรเงยหน้าขึ้นทันที จ้องเขม็งมองวารุณี ดวงตาก็แทบจะถลนออกมา ตาขาวห้อไปด้วยเลือด เห็นแล้วช่างน่าอนาถใจนัก
“ขยานียังทำอะไรอีก?”เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยไอพิฆาต
วารุณีดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งมาแล้วนั่งลง“ยังมีพิชญาอีกคน ลูกสาวที่คุณรักนักรักหนา ก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณ เป็นยังไง แปลกใจและประหลาดใจไหม ? ”
“พรืด!”
ในตอนนี้ สุภัทรกระอักเลือดแล้วจริงๆ ร่างทั้งร่างล้มลงไปบนเตียง
เมื่อวารุณีเห็น ก็ตกใจขึ้นมาทันที ยื่นมือไปเพื่อจะเรียกหมอมา
แต่ถูกสุภัทรคว้าข้อมือเอาไว้ เพื่อห้ามเธอ“ แกพูดว่าไงนะ พิชญา……พิชญาไม่ใช่ลูกสาวของฉันงั้นเหรอ?”
วารุณีหลุบตาลง “คุณใจเย็นๆก่อน ให้ฉันตามหมอมาดูอาการคุณก่อน รอให้คุณอาการคงที่แล้วเราค่อยมาคุยกัน ”
“ไม่ต้อง แกต้องบอกฉันเดี๋ยวนี้ พิชญาเป็นลูกสาวของฉันหรือเปล่า!” สุภัทรยกมือขึ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ตวาดเสียงดังด้วยแววตาที่โกรธเคือง
ข้อมือของวารุณีถูกเขาคว้าเอาไว้จนเจ็บ เธอขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ดึงมือกลับ และมองดูเขาเงียบๆ“ไม่ใช่ พิชญาไม่ใช่ลูกสาวของคุณ เธอเป็นลูกสาวของปวิช เป็นพี่สาวของถวิต พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน”
เมื่อได้ยินคำนี้ อารมณ์ของสุภัทร ไม่ได้รุนแรงจนผิดปรกติอะไร
เขาแค่รูม่านตาขยาย แล้วค่อยๆปล่อยข้อมือของวารุณีออก เก็บมือเข้าที่ ดวงตาเลื่อนลอยจ้องมองไปยังเพดานห้อง ร่างทั้งร่างราวกับอายุเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบปี สติสตังพลันหายไปหมด