พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 519 สาเหตุการตายที่แท้จริง
วารุณีมองดูแววตาที่มุ่งมั่นของชายหนุ่ม ก็ขำพรืดออกมาทันที “จำคำพูดของคุณเอาไว้นะ”
“แน่นอน”นัทธีกอดเธอแน่น
วารุณีก็ยกมือขึ้น แล้วโอบไปที่เอวของชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
ศรัณย์ที่อยู่ข้างๆเมื่อเห็นพี่สาวกับพี่เขยพลอดรักกัน มุมปากก็ยกหยักขึ้น
อะไรกัน นี่จะรังแกคนโสดอย่างเขาเหรอ ?
ไม่นาน หมอก็เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยของสุภัทร
วารุณีคลายมือออกจากนัทธี แล้วเดินเข้าไปถาม “หมอ เขาเป็นยังไงบ้างคะ ? ”
“ผู้ป่วยได้รับความกระทบกระเทือนใจเป็นอย่างมาก อาการไม่สู้ดีเท่าไร ก่อนหน้านั้นผู้ป่วยยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่เมื่อครู่ผมได้ทำการตรวจและวินิจฉัย พบว่าการอยากมีชีวิตอยู่ต่อของผู้ป่วย แทบไม่เหลือเลย ดูท่าคงจะมีเวลาแค่เพียงเท่านี้แล้ว”หมอถอนหายใจแล้วตอบกลับ
เมื่อวารุณีได้ยิน ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร
เธอบอกเล่าเรื่องราวต่างๆกับสุภัทร หากสุภัทรยังคิดอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ จิตใจก็แกร่งมากแล้ว
ไม่อยากมีชีวิตอยู่ นับว่าเป็นเรื่องปรกติ
เพราะสุภัทรรู้แล้วว่าตัวเองนั้นล้มเหลวแค่ไหน กับสุภัทรที่เป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูงแบบนี้ ก็คงไม่มีหน้าอยู่ต่อไปได้อีก
“ทราบแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะคุณหมอ”วารุณีโค้งคำนับให้กับหมอเล็กน้อย
หมอโบกมือกลับ จากนั้นก็เดินจากไป
นัทธีมองดูวารุณี“หมอบอกสุภัทรคงมีเวลาแค่นี้ คุณอยากอยู่ที่นี่ไปก่อนไหม ? หากคุณอยากรอให้สุภัทรหมดลมหายใจก่อนแล้วค่อยกลับไปเข้าร่วมแข่งขัน ผมคุยกับทางผู้จัดการแข่งขันได้นะ ให้เขาพักการแข่งขันชั่วคราวไว้ก่อน ”
“ทำได้จริงๆเหรอคะ?”วารุณีเกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
เธอเคยพูด ว่าสุภัทรมีส่วนให้พวกเธอได้เกิดมาบนโลกใบนี้ ในฐานะของคนเป็นลูก ก็จะรอส่งสุภัทรในลมหายใจสุดท้ายเช่นกัน
เพราะว่า ยังไงเขาก็เป็นพ่อของพวกเธอ
เธอไม่อยากจะผิดคำพูด
“ได้สิ งานแฟชั่นวีคประจำปีก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น นักออกแบบหลายคนก็คงอยากจะเข้าร่วม พักการแข่งขันไว้ก่อนแล้วเข้าร่วมงานแฟชั่นวีค คิดว่าพวกเขาก็น่าจะตอบตกลง ”นัทธีพยักหน้าและกล่าว
มุมปากวารุณียกหยัก “ ก็ได้ค่ะ งั้นรบกวนคุณแล้วนัทธี ”
“ไม่เป็นไร แล้วเราล่ะ?”นัทธีหันมองไปยังศรัณย์ที่อยู่ข้างๆ
ศรัณย์ยกยิ้ม “ผมก็ขออยู่ที่นี่ก่อน คอยดูสุภัทรด้วย เดี๋ยวผมจะลากับอาจารย์เอง”
นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง และไม่ได้ถามต่อ
หลังจากนั้น ทั้งสามคนก็ออกจากโรงพยาบาล แล้วกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์
ในช่วงค่ำ หลังจากทานอาหารมื้อค่ำเสร็จ วารุณีก็ได้รับสายจากทางโรงพยาบาล
จะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าสุภัทรเป็นคนโทรมา
ช่วงบ่ายหลังจากที่สุภัทรฟื้น ก็ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง อัมพาต ร่างกายขยับเคลื่อนไหวไม่ได้เลย
ดังนั้นสุภัทรจึงได้ให้พยาบาลที่อยู่เวร ช่วยโทรหาวารุณีแทนเขา
“วารุณี”เสียงของสุภัทรดังขึ้น เทียบกับเมื่อตอนกลางวันแล้ว ก็ฟังดูอ่อนแรงลงมาก สองคำนี้ ก็เหมือนอ้าปากพะงาบออกมา
ในตอนนี้เอง วารุณีก็สัมผัสได้ ว่าเขาแก่มากแล้ว และใกล้จะไม่ไหวแล้ว
“มีธุระอะไรเหรอคะ?”วารุณีระงับความขมขื่นที่มีในใจ พยายามควบคุมเสียงให้เย็นชาแล้วถามออกไป
สุภัทรหลับตาลง“ ฉันอยากจะพูดขอโทษแกกับศรัณย์ ”
“ขอโทษ?”วารุณีหรี่ตาลง
สุภัทรถอนหายใจ “ใช่ ขอโทษ ฉันไม่ใช่พ่อที่ดี ฉันขอโทษแกกับน้องแกด้วย และขอโทษแม่แกด้วย ”
“ดังนั้นที่คุณโทรมาในตอนนี้ ก็เพื่ออยากจะบอกว่าคุณสำนึกผิดแล้ว เลยโทรมาขอโทษพวกเรา ? น่าเสียดาย ที่แม่ฉันตายไปแล้ว คำขอโทษของคุณท่านไม่ได้ยินหรอก!”วารุณีพูดเย้ยหยัน
สุภัทรนิ่งเงียบไปชั่วขณะ “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่แค่อยากจะโทรมาพูดขอโทษ แต่ฉันยังมีอีกเรื่องที่อยากจะบอกแกด้วย ”
“เรื่องอะไรคะ?”วารุณีขมวดคิ้ว
สุภัทรส่งสายตาให้สัญญาณกับพยาบาล เพื่อบอกให้เธอออกไปก่อน
หลังจากที่พยาบาลออกไปแล้ว เขาก็จึงพูดอย่างจริงจังว่า“ความจริงเรื่องการตายของแม่แก ”
เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของวารุณีเปลี่ยนไปทันที ดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงโดยพลัน“คุณว่าอะไรนะ?”
ความจริงเรื่องการตายของแม่?
เป็นไปตามคาด เธอเดาถูก การตายของแม่ไม่ใช่อุบัติเหตุ ในนั้นมันต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ
“บอกมาเร็วๆ แม่ของฉันถูกพวกคุณทำร้ายจนตายใช่ไหม !”วารุณีกำโทรศัพท์ในมือแน่น พูดตะโกนอย่างร้อนรน
นัทธีอาบน้ำเสร็จ ก็สวมใส่เสื้อคลุมอาบน้ำเดินออกมา ภาพที่เห็นก็คือสภาพที่กระวนกระวายของเธอ
“เป็นอะไร?”เขาขมวดคิ้วแล้วถาม
วารุณีมองเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “นัทธี แม่ฉันไม่ได้ลื่นล้มเองจริงๆ”
สายตาของนัทธีจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือของเธอ“สุภัทรโทรมาเหรอ?”
“อืม”วารุณีพยักหน้า
“เปิดลำโพง”นัทธีโยนผ้าเช็ดตัวทิ้งแล้วเดินเข้าไปหา
วารุณีเปิดลำโพงอย่างเชื่อฟัง เสียงของสุภัทรก็ดังไปทั่วห้อง“ใช่ แม่แกถูกฉันกับขยานีทำร้ายจนตาย แต่ฉันไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ฉันเป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด เป็นแค่ผู้ให้ความร่วมมือ ”
“ที่แท้ พวกคุณ……”วารุณีร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
นัทธีกังวลว่าเธอจะสะเทือนใจมากเกินไป และส่งผลกระทบต่อเด็กในท้อง รีบบีบคลึงไปที่มือของเธอ เพื่อส่งสัญญาณให้เธอใจเย็นๆ จากนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า“คุณกำลังจะบอกว่า ขยานีคือฆาตกรใช่ไหม ? ”
สุภัทรได้ยินเสียงปลายสายเปลี่ยนเป็นเสียงของนัทธี ก็ไม่ได้แปลกใจ ตอบยอมรับอืมกลับมาคำหนึ่ง“เป็นเธอ วันที่วรยาตายเธอมาหาเรื่องฉันที่ตระกูลศรีสุขคํา ฉันคุยกับเธอในห้องหนังสือเสร็จ เธอก็ออกไป ตอนออกไปเธอเจอเข้ากับขยานี ฉันไม่รู้ว่าเธอคุยอะไรกับขยานี ตอนที่ฉันออกมาจากห้องหนังสือ ก็เห็นขยานีที่นั่งอยู่ที่พื้นใบหน้ามีอาการหวาดกลัว และร่างของวรยาก็นอนแน่นิ่งอยู่ตรงชั้นล่าง”
“คุณไม่เห็นตอนที่ขยานีผลักแม่ของฉันลงไปเหรอ?” วารุณีกัดฟันถาม
สุภัทรถอนหายใจ “ไม่เห็น ฉันได้ยินเสียงเอะอะจึงเดินออกไป เสียงของวรยาที่กระแทกล้มลงกับพื้น”
“แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าขยานีเป็นฆาตกร ?” นัทธีหรี่ตาลง
“เพราะตอนนั้นขยานีหวาดกลัวมาก ปากก็เอาแต่พร่ำบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจผลักเธอลงไป ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่าวรยาถูกขยานีผลักลงไป”สุภัทรตอบ
วารุณีกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกลียด
นัทธีตบหลังเธอเบาๆ แล้วถามต่อว่า “แล้วคุณล่ะ หลังจากนั้นคุณทำอะไร ?”
สุภัทรยิ้มอย่างขมขื่น“ พูดไปแล้วพวกแกคงไม่เชื่อ ตอนที่ฉันเห็นวรยาตาย อย่างแรกเลยคือฉันอยากจะโทรแจ้งตำรวจ แต่ถูกขยานีห้ามเอาไว้ จากนั้นขยานีก็เอาความลับของฉันมาขู่ฉัน ให้ฉันช่วยเขาเก็บกวาดและทำความสะอาด ลบร่องรอยต่างๆ สร้างหลักฐานเท็จทำให้ที่เกิดเหตุเหมือนวรยาลื่นล้มและตกลงไปเอง”
เมื่อเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เป็นผู้ร่วมก่อเหตุกับขยานีไปด้วย
“ปีศาจ พวกคุณมันคือปีศาจ!”วารุณีทนต่อไปไม่ได้อีก แย่งมือถือมา ตะโกนพูดเสียงดังไปที่โทรศัพท์“สุภัทรคุณมันไม่ใช่คน ขยานีเป็นภรรยาของคุณ แล้วแม่ฉันเธอไม่ใช่หรือยังไง เธอใช้ชีวิตอยู่กับคุณมายี่สิบกว่าปี ตั้งยี่สิบปีเชียวนะ ทำไมคุณต้องทำแบบนี้กับเธอด้วย ทำไม……”
วารุณีร้องไห้ปวดร้าวปานจะขาดใจ
ภายในใจของนัทธีก็เจ็บปวดไปด้วย จนต้องกอดร่างเธอเอาไว้แน่น
สุภัทรก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอและคำถามของเธอเช่นกัน ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวด
“ขอโทษ……”
เขารู้ว่าความผิดนี้มันใหญ่หลวง แต่นอกจากจะพูดขอโทษ เขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้อีก
วารุณีไม่ตอบรับใดๆ กำไปที่คอเสื้อของนัทธีแน่น ร้องไห้ออกมาไม่หยุด
มือข้างหนึ่งของนัทธีตบไปที่หลังของเธอเบาๆ อีกข้างก็ถือโทรศัพท์เอาไว้ “เมื่อครู่คุณบอกว่า ขยานีเธอข่มขู่คุณ ให้คุณช่วยเธอทำลายร่องรอย เธอเอาอะไรมาขู่คุณ?”
“หลักฐานการหลบเลี่ยงภาษีก่อนหน้านั้นของฉัน ”สุภัทรตอบ
เรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เขาพูดความจริงเรื่องการตายของวรยา แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่จะพูดไม่ได้อีก
ในเมื่อ เขาก็คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
“เลี่ยงภาษี?”นัทธีเม้มริมฝีปาก