พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 561 คำสารภาพของสุชาดา
สุชาดาพยักหน้าให้ซ้ำๆ แสดงให้เห็นว่าที่เขาพูดนั้นถูกต้อง และตัวเองไม่ได้พูดโกหก
วารุณีหรี่ตาลง “แล้วนวิยา เธอก็ไม่รู้จักจริงๆ เหรอ?”
“ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”สุชาดาพูดขึ้นอีกครั้ง
วารุณีจ้องมองสำรวจเธอ จากนั้นก็มองไปที่เครื่องจับเท็จ ที่สุดแล้วก็ยืนยัน ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง
สุชาดาไม่รู้จักนวิยาจริงๆ และไม่ได้ถูกนวิยาซื้อตัวมา
นั้นก็หมายความว่า ……
วารุณีกำมือแน่น “กล่องพวกนั้น มันเป็นของเธอ ?”
“กล่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ”สุชาดาหัวใจกระตุก ตอบกลับทันที
ทันทีที่เธอพูดจบ เครื่องจับเท็จในมือก็มีไฟสีแดงกะพริบ ส่งเสียงดังขึ้นมา
จากนั้น เครื่องจับเท็จก็สร้างกระแสไฟฟ้าแรงสูง หลังจากนั้น สุชาดาก็ถูกไฟดูด ดูดจนร่างกายสั่นชักกระตุก และส่งเสียงกรีดร้องออกมา
เมื่อมารุตกับเชอรีนเห็น ก็จึงรีบปล่อยตัวเธอ กลัวจะถูกไฟดูดไปด้วย
วารุณีกับนัทธีเห็นสุชาดาถูกไฟฟ้าช็อต สีหน้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไป มองดูเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
รอจนเครื่องจับเท็จหยุดการจ่ายไฟ วารุณีก็จึงได้พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ยังไม่คิดที่จะพูดความจริงอีกเหรอ?”
สุชาดาถูกไฟดูดจนหวาดกลัว ส่งเสียงร้องไห้ระงมออกมา ร้องจนหน้าตาดูไม่ได้ น้ำหูน้ำตาไหลเปรอะเปื้อนไปหมด เห็นแล้วช่างน่าขยะแขยงนัก
“ฉันพูดแล้ว ฉันยอมพูดแล้ว”เธอไม่กล้าโกหกอีก รีบตอบกลับไปว่า“ฉันทำเอง ทุกอย่างเป็นฝีมือของฉันเอง”
เชอรีนมองไปที่ไฟสีเขียวของเครื่องจับเท็จ ก็หัวเราะออกมา “ประธานนัทธีวารุณี ครั้งนี้เธอไม่ได้โกหก”
นัทธีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง แสดงให้รู้ว่ารับรู้แล้ว
สุชาดาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
สามวันมานี้ เธอส่งกล่องไปให้ก็ไม่ถูกจับได้ เพราะมีเรื่องขึ้นก่อน เธอจึงหยุดส่งไปสองวัน ไม่คิดว่าจะมาถูกจับได้ แล้วยังถูกกระทำแบบนี้อีก
เธอเกลียดคนพวกนี้จริงๆ !
“พูดมา ทำไมต้องทำแบบนี้ ? ”วารุณีนั่งลงข้างๆนัทธี แล้วถามออกไปอย่างเย็นชา
เดิมทีคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของนวิยา ไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของสุชาดาไปได้
ก็จริง ก่อนหน้านั้นเธอก็เคยสงสัย ว่าวิธีการของนวิยาทำไมถึงตกต่ำลง ทำเพียงให้ผู้อื่นหวาดกลัว ความโหดร้ายก่อนหน้านั้นไม่มีให้เห็น
หากไม่ใช่นวิยา ก็พอจะฟังมันขึ้น
“ฉัน……ฉัน……”ดวงตาสุชาดาไหววูบ ตอบตะกุกตะกัก
เชอรีนผลักไปที่ร่างของเธอ“ ฉันอะไรล่ะ รีบพูดมา พูดออกมาให้หมด”
เมื่อถูกผลัก สุชาดาก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ไม่รู้เรี่ยวแรงมาจากไหน เธอผลักเชอรีนออกแล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าเหี้ยมโหดจ้องเขม็งไปยังวารุณี“เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะฉันเกลียดเธอยังไงล่ะ เธอทำลายอาชีพนางแบบของฉันเธอรู้ไหม !”
หญิงสาวตะโกนเสียงดัง
วารุณีกะพริบตาถี่ๆ “ ฉันทำลายอาชีพนางแบบของเธอ ? ฉันไปทำลายอาชีพนางแบบของเธอตอนไหน?”
เธอแค่รู้สึกประหลาดใจ
นัทธีตีไปที่หลังมือของเธอเบาๆ เพื่อบอกเธอว่าไม่ต้องสนใจ
วารุณีส่ายหน้า แสดงให้รู้ว่าเธอไม่ได้สนใจ
เชอรีนชี้ไปที่สุชาดา“ ใช่ วารุณีไปทำลายอาชีพนางแบบของเธอตอนไหน เวลาพูดช่วยเอาหลักฐานมายืนยันหน่อยได้ไหม!”
“ฉันไม่มีหลักฐานอะไรทั้งนั้น แต่ตอนนี้ที่ฉันมีสภาพแบบนี้ มันเป็นเพราะเธอ เพราะฝีมือของพวกเธอ หากไม่ใช่เพราะเธอเปิดโปงโสรยา ฉันคงไม่ต้องถูกไล่ออกเพราะเป็นนางแบบของโสรยา ถูกคัดชื่อออกจากการแข่งขันระดับนานาชาติ และเป็นเพราะไม่มีเงินติดตัวเลย จึงต้องไปรับงานถ่ายแบบนิตยสารต่ำๆ และเข้ามาโลดแล่นในวงการแฟชั่นระดับสูงไม่ได้อีก เป็นได้นางแบบเกรดต่ำ!” สุชาดาจ้องมองไปยังวารุณี กู่ก้องร้องดังด้วยดวงตาที่แทบถลนออกมา
วารุณีถึงกับหัวเราะ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูด
เชอรีนก็สวนกลับแทนเธอ“เหลวไหล เห็นๆอยู่ว่าเธอทำตัวเอง จะมาโทษวารุณีได้ยังไง วารุณีให้เธอไปเป็นนางแบบของโสรยาเหรอ ? หรือวารุณีให้เธอไปรับงานส่วนตัวแบบนั้น ? วารุณีให้เธอไปรับงานนิตยสารเกรดต่ำๆพวกนั้นเหรอ ? ไม่ใช่ทั้งนั้น วารุณีไม่ได้ทำอะไรเธอเลย ทั้งหมดนี้ เธอเป็นคนเลือกมันเองไม่ใช่เหรอ ? ”
“ใช่ ฉันเป็นคนเลือกเอง แต่ถ้าหากเธอไม่เปิดโปงโสรยา……”
“เธอเงียบไปเลย ”เชอรีนยิ้มเยาะหญิงสาว“โสรยาทุจริต นั้นมันไม่ยุติธรรมกับผู้เข้าแข่งขันและนางแบบคนอื่นๆ และการทุจริตของโสรยามันผิดกฎระเบียบ วารุณีเปิดโปงเขามันผิดหรือยังไง ? เพราะเรื่องแค่นี้ เธอถึงกับเอาทุกอย่างมาลงที่วารุณี จะโทษก็ต้องโทษโสรยา และต้องโทษตัวเธอเองทำไมต้องไปเป็นนางแบบให้โสรยา ”
“เชอรีนพูดถูก เธอเป็นนางแบบของโสรยา โสรยาถูกจับ เธอก็ต้องถูกคัดออกจากการแข่งขัน และโสรยาถูกแบน แต่เธอไม่โดน เธอก็ยังทำอาชีพนางแบบของเธอได้ ไปหาคนที่เขาเห็นความสามารถของเธอ พยายามไต่เต้าให้เป็นนางแบบระดับแถวหน้า แต่เธอไม่เคยคิดแบบนั้น คอนเนคชั่นของเธอไม่ดี เธอก็ไม่คิดที่จะพัฒนาความสามารถของตัวเอง แต่เพราะเงินกลับไปรับงานนิตยสารเกรดต่ำ มีจุดจบแบบนี้ ไม่ใช่เพราะตัวเธอเองหรอกเหรอ?”
วารุณีมองไปยังสุชาดา
สุชาดาเผยอปาก อยากจะโต้แย้งว่าไม่ใช่แบบนั้น แต่พอคำพูดมากองอยู่ที่ริมฝีปากก็กลับพูดมันไม่ออก
อันที่จริงแล้ว เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุ
แต่เธอแค่ไม่อยากยอมรับ อยากจะโยนความผิดนี้ให้คนอื่น แบบนี้เธอก็จะได้ไม่รู้สึกผิด
“พอแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องหยิบยกขึ้นมาพูดต่อแล้ว” นัทธีมือล้วงกระเป๋าแล้วลุกยืนขึ้น“ คุณส่งของพวกนั้นให้ภรรยาของผม มีจุดประสงค์อะไร แค่อยากจะขู่ให้เธอกลัวเหรอ ?”
สุชาดาไม่อยากที่จะยอมรับ
แต่เชอรีนที่เข้าใจเธอดีที่สุด ก็ดักทางเธอเอาไว้ “ อย่าโกหก ตอนนี้ฉันปรับกระแสไฟของเครื่องจับเท็จให้สูงที่สุด หากเธอกล้าที่จะโกหก เธอก็จะถูกไฟดูดจนชักกระตุก จากนั้นเส้นเลือดก็จะแตก เป็นอัมพาตครึ่งซีก และฉันจำได้ว่าที่บ้านเธอมีเธออยู่คนเดียว หากเธอเป็นอัมพาตครึ่งซีก ใครจะมาดูแลเธอ ต่อให้เธออยากจะฆ่าตัวตายก็ทำไม่ได้ การอยู่แบบนี้มันยิ่งกว่าตายทั้งเป็น เธอคงไม่อยากจะสัมผัสชีวิตแบบนี้หรอกนะ ?”
เชอรีนยกยิ้มแล้วมองไปยังสุชาดา
สุชาดาหวาดกลัวจนขาสั่น
เมื่อมารุตเห็น ก็อดมองเชอรีนอย่างชื่นชมไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้ ไม่น่าไปเป็นนางแบบเลย น่าจะไปเป็นตำรวจมากกว่า นักโทษที่เจอเธอ ไม่พ้นรับสารภาพทุกรายแต่โดยดีแน่ ?
แม้แต่วารุณีกับนัทธีเองก็ยังคิดว่าเชอรีนมีพรสวรรค์ในด้านนี้
“ที่รัก เชอรีนเก่งขนาดนี้ เพิ่มเงินเดือนให้เธอหน่อยได้ไหมคะ?”วารุณีกระทุ้งไปที่แขนของชายหนุ่ม ร้องขอโบนัสให้เพื่อน
นัทธีหัวเราะ “ได้”
อันที่จริงแล้ว มีเชอรีนอยู่ข้างกายวารุณี ก็เหมือนมีบอดี้การ์ดไปในตัวด้วย
เงินเดือนควรเพิ่มให้จริงๆ
ผ่านไปสักพัก สุชาดาก็คลายความตื่นตระหนกลง มองดูเครื่องจับเท็จที่อยู่ในมือ ร่างทั้งร่างก็ราวกับสติหลุดลอย ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านอะไรอีก
อีกอย่างเธอก็ตัวคนเดียว ขัดขืนไปแล้วจะได้อะไร ?
เธอคนเดียว จะเอาอะไรไปสู้กับวารุณีและพวกที่มีแบ็คแข็งแกร่งแบบนี้
“ที่ฉันส่งของพวกนั้นให้ ก็เพื่ออยากให้เธอแท้งลูก ”สุชาดามองวารุณีแล้วตอบกลับ
“อะไรนะ?”เชอรีนตกใจอย่างที่สุด
นัยน์ตาวารุณีหดเกร็ง มือกุมไปยังหน้าท้องที่นูนออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ดวงตาของนัทธีมีไอสังหารพาดผ่าน อดไม่ได้ที่อยากจะฆ่าผู้หญิงคนนี้ทิ้งซะ
สุชาดาสัมผัสได้ถึงไอสังหารนี้ ถึงกับลำคอหอเกร็ง แล้วพูดต่อว่า“ก่อนหน้านั้นตอนที่เข้าร่วมแข่งขัน โสรยาก็อยากให้เธอแท้ง ดังนั้นจึงให้ฉันไปปรากฏตัวให้เธอเห็นวันเว้นวัน ไปหาเรื่องเธอ ให้เธอโกรธ เพื่อเธอจะได้แท้งลูก แต่สุดท้ายยังไม่ทันได้ทำสำเร็จ ก็ต้องมาชดใช้กรรมที่ก่อ ”
“ดังนั้นเธอก็เลยรับช่วงต่อ เพื่อแก้แค้นฉัน ?”วารุณีเม้มริมฝีปากแน่น น้ำเสียงก็เย็นเยือก
สุชาดาก้มหน้าลง“ใช่ ก่อนหน้านั้นฉันเห็นพวกเธอที่ร้านอาหาร ฉันเกลียดที่พวกเธอทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ ดังนั้นฉันจึงไม่อยากให้พวกเธอมีความสุข แต่เพราะรอบตัวเธอมีบอดี้การ์ดมากมายรายล้อม และที่พักก็มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ฉันเข้าไม่ถึง และเข้าใกล้เธอไม่ได้ จึงลงมือทำอะไรเธอไม่ได้ ดังนั้นจึงใช้เวลาคิดอยู่นาน ถึงคิดได้ว่าจะส่งของพวกนี้ไปทำให้เธอขวัญเสียและตกใจกลัว ”