พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ - บทที่ 569 นวิยาปรากฏตัว
“เรื่องอะไร?”นัทธีขมวดคิ้วและมองไปยังวารุณี
ภายใต้สายตาของผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งกับเด็กน้อยอีกสองคน วารุณีก็บอกเล่าเรื่องที่ติ๊นาเตือนให้ฟัง
เชอรีนถึงกับอุทาน“ ดังนั้นวารุณี เธอสงสัยว่านวิยาจะลงมือจัดการกับเธอในรอบชิงชนะเลิศเหรอ?”
“ใช่ เพราะนอกเหนือจากนี้ ฉันนึกความเป็นไปได้อื่นไม่ได้อีก ”วารุณีพยักหน้าและพูดตอบ
ลีน่ามองไปที่เธอ แล้วมองไปที่เชอรีน “ นวิยาเป็นใครเหรอ ?”
“เป็นศัตรูของวารุณี และเป็นผู้หญิงที่ชั่วช้าเลวทรามมากคนหนึ่ง” เชอรีนตอบด้วยความรังเกียจ
ลีน่าพยักหน้าให้เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ“ แบบนี้เองเหรอ ”
“นัทธี คุณคิดว่าอย่างไร”วารุณีมองไปที่นัทธี
นัทธีเม้มริมฝีปากแน่น“ผมจะไปคุยกับทางผู้จัด ให้พวกเขาเฝ้าระวังมากขึ้น แต่ต่อให้จะเป็นแบบนั้น หากมีนักออกแบบคิดที่จะลงมือทำอะไร เราก็ป้องกันไม่ได้ เพราะตอนนี้นอกจากเราจะรู้ว่ามีเจสัน คนหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่านักออกแบบคนอื่นๆจะตกปากรับคำด้วยหรือเปล่า ดังนั้นก็ทำได้แค่ป้องกัน และหากทำการป้องกันก็ไม่แน่ว่าจะป้องกันมันได้ทั้งหมด”
“ประธานนัทธีหมายความว่า ต่อให้จะระวังตัวแค่ไหน ก็มีนักออกแบบที่จะหาช่องโหว่เพื่อจัดการกับวารุณีใช่ไหมคะ ?”เชอรีนกล่าวพร้อมมือลูบคางไปมา
นัทธีพยักหน้าให้ “ถูกต้อง ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คุณแค่ให้ความร่วมมือกับทางผู้จัดในการตรวจสอบ ที่เหลือ ผมจะจัดการแทนคุณเอง”
“ได้ค่ะ”วารุณีพยักหน้า
“ส่วนเจสัน เอาไว้ก่อน ครั้งนี้เราไม่จัดการอะไรกับเขา เขาก็จะได้ใจไม่คิดระวังตัว คิดว่าเราทำอะไรเขาไม่ได้ และเขาก็จะลงมือกับคุณอีก ถึงตอนนั้นเราค่อยจับเขาแบบคาหนังคาเขา ก็ยังดีกว่าจับเขาตอนนี้โดยไม่มีหลักฐานอะไร ”นัทธีหรี่ตาลง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก
ลีน่าปรบมือ “ความคิดนี้ไม่เลว แต่ประธานนัทธี การจะจับเขาให้ได้แบบคาหนังคาเขามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องคอยจับตาดูเขาตลอด ติดตามเขา และต้องรู้ถึงแผนการล่วงหน้าของเขาด้วย”
“เรื่องนี้ไม่ได้ยากสำหรับผม ผมจะจัดการเอง” นัทธีพูดเสียงเรียบ
ลีน่าตบไปที่หน้าผาก“ ใช่ ประธานนัทธีเป็นถึงประธานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ดูความจำของฉันสิ เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับประธานนัทธีเลย”
“อารัณ สองวันนี้ มีร่องรอยอะไรของนิรุตติ์จากกล้องวงจรปิดไหม ?”นัทธีมองไปยังเด็กน้อย แล้วถามขึ้น
อารัณส่ายหัว “ไม่มีครับ เหมือนเมื่อก่อน พวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”
“ไม่เป็นไร คอยจับตาดูต่อไป”นัทธีลูบไปที่ศีรษะของเขา
อารัณพยักหน้าให้ แล้วตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง
วันรุ่งขึ้น วารุณีและลีน่าพร้อมด้วยเชอรีนทั้งสามคนไปยังตลาดพลอย เพื่อหาซื้อหินออบซิเดียน
นัทธีกับเด็กทั้งสองคนไม่ได้ตามไปด้วย
นัทธีมีประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หากพาเด็กๆไปด้วย วารุณีกลัวมีคนตามไปเยอะเกินไป ดูแลกันไม่สะดวก ก็จึงปล่อยให้อยู่ที่บ้าน
“วารุณี เธอดูหินออบซิเดียนนี่สิเป็นยังไง?”เชอรีนถามแล้วชี้ไปที่หินออบซิเดียนในร้านที่มีขนาดเท่าลูกบาสเกตบอล
วารุณีเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วส่ายหัว“ฉันดูไม่เป็น ให้ลีน่ามาดูเองดีกว่า ”
พูดจบ ลีน่าก็เดินเข้ามาหา “เกิดอะไรขึ้น?”
“จะให้เธอมาลองดูหินออบซิเดียนนี้”วารุณีพูดด้วยรอยยิ้ม
ลีน่าหันมองดู และส่ายหัว “ชิ้นนี้ยังดำไม่พอ หินออบซิเดียนก็มีหลายชนิด อันที่ดี และมีค่ามีราคา คือหินออบซิเดียนที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ”
“ดังนั้นที่เราจะซื้อก็คือหินออบซิเดียนจากภูเขาไฟ?”เชอรีนกะพริบตาปริบๆ
ลีน่าพยักหน้าให้“ ใช่ แต่ดูเหมือนว่าร้านนี้จะไม่มี เราไปดูร้านอื่นกันเถอะ”
ทั้งสามคนเดินออกจากร้านขายพลอยดิบ แล้วไปยังอีกร้านหนึ่ง
ถนนสายนี้ ขายแต่พลอยดิบ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีร้านให้เดินเลือกซื้อ
เดินเข้าออกร้านแล้วร้านเล่า ลีน่าก็เลือกหินออบซิเดียนที่ถูกใจไม่ได้ หินออบซิเดียนจากภูเขาไฟมีไม่มาก การขุดของทุกปีก็มีจำนวนจำกัด หากจะหาซื้อหินออบซิเดียนแบบที่วาดหวังได้ ก็ต้องพึ่งโชคแล้วเท่านั้น
“ยังมีอีกสองร้านสุดท้าย หากสองร้านนี้ไม่มี ฉันคงต้องไปถามรุ่นพี่และอาจารย์แล้วล่ะ ”ลีน่าพูดแล้วคลึงไปที่ขมับ
วารุณีพยักหน้า “เข้าไปดูข้างในกันเถอะ”
“ก็ได้”ลีน่าตอบกลับมาคำหนึ่ง
เธอเข้าไปก่อน เชอรีนเดินตามเป็นคนที่สอง
วารุณียกเท้า กำลังจะก้าวเดิน จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองตัวเองอยู่ จึงหยุดขาที่ก้าวลง
“วารุณีเป็นอะไรไป?”เมื่อเชอรีนเห็นเธอจู่ๆก็หยุดเดิน จึงได้หยุดตาม แล้วหันกลับมาถาม
วารุณีไม่ได้ตอบ แต่หันมองไปยังรอบๆบริเวณ อยากหาคนที่มองตัวเองอยู่
ในที่สุด ท่ามกลางผู้คน หน้าร้านที่อยู่ห่างจากตัวเองประมาณสิบเมตร นวิยายืนมองมาที่เธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
รูม่านตาวารุณีหดเกร็ง คิดไม่ถึงว่านวิยาจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
แล้วจุดประสงค์ของเธอคืออะไร?
ไม่ทันได้คิดอะไรมาก วารุณีกำโทรศัพท์แน่น กำลังจะโทรหาบอดี้การ์ด ก็เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนวิยา แปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายขึ้นมาทันที
จากนั้น นวิยาก็ทำท่าปาดคอให้กับวารุณี แล้วหันหลังวิ่งหนีหายไป
“เร็ว จับเธอเอาไว้ จับตัวนวิยาเอาไว้!”วารุณีชี้ไปยังทิศทางที่นวิยาวิ่งหนีไป และออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดอย่างรวดเร็ว
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งหลายได้ยินคำสั่ง ก็รีบวิ่งไล่ตามไป แต่ยังเหลือไว้อีกสองคน
เชอรีนมายืนอยู่ข้างๆกับวารุณี“วารุณี เมื่อกี้เธอบอกว่า เห็นนวิยาเหรอ?”
“ใช่”วารุณีพยักหน้าให้ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
เธอแน่ใจ ว่านั้นคือนวิยา
ไม่รู้ว่าช่วงนี้นวิยากินอะไรเข้าไป ใบหน้าที่ซีดเซียว ก็ดูมีเลือดฝาดขึ้นมาก ดูๆไปแล้วสุขภาพร่างกายแข็งแรงมาก
“ดีนี่ กล้ามาปรากฏตัวถึงที่นี่ พวกนายยังยืนบื้ออยู่อีกทำไม ยังไม่รีบตามไปอีก ?”เชอรีนมองไปยังบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ข้างวารุณี
บอดี้การ์ดทั้งสองคนส่ายหัว พูดขึ้นอย่างจริงจังว่า“เราอยู่ห่างคุณผู้หญิงไม่ได้ครับ ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะล่อเสือออกจากถ้ำ งั้นคุณผู้หญิงก็จะไม่มีใครคอยปกป้องนะครับ ”
“เออจริงด้วย”เชอรีนกะพริบตาด้วยความตกใจ“ นี่ พวกนายคิดได้รอบคอบจริงๆ ”
“คุณผู้หญิง เรากลับกันก่อนเถอะครับ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว เผื่อนวิยาพาคนอื่นมาด้วย ลำพังแค่เราสองคนกลัวว่าจะต้านไม่อยู่นะครับ”บอดี้การ์ดมองมาที่วารุณี และพูดอย่างจริงจัง
วารุณีเองก็รู้ว่าเดินต่อไม่ได้อีกแล้ว จึงพยักหน้าให้ “ได้ เชอรีน บอกลีน่า ว่าเราจะกลับกันก่อน”
“ได้”เชอรีนรับคำ และเดินเข้าไปในร้านเพื่อหาลีน่า
ไม่นาน ทุกคนก็พากันขึ้นรถ ออกจากตลาดพลอย แล้วมุ่งสู่คฤหาสน์
เดิมทีคิดว่าบนท้องถนนจะมีคนของนวิยากับนิรุตติ์ปิดล้อมเอาไว้ แต่ที่คิดไม่ถึงคือ ไม่มีอะไรทั้งนั้น ทุกคนกลับมาที่คฤหาสน์อย่างปลอดภัย
นัทธีที่ประชุมเสร็จก็เดินลงมาจากชั้นบน เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของวารุณี ก็หรี่ตาลง“ เกิดอะไรขึ้น?”
“เราเจอนวิยา ในตลาดพลอย”วารุณีตอบพลางเม้มริมฝีปากของเธอ
ม่านตาของนัทธีไหวสั่น “แล้วคนล่ะ?”
“บอดี้การ์ดกำลังตามอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวอะไร สักพักพวกเขากลับมาก็น่าจะรู้ ”วารุณีตอบพร้อมสูดหายใจเข้าลึก
นัทธีหลุบตาลง ปิดบังพายุที่โหมกระหน่ำในดวงตา ไม่ได้ตอบกลับอะไร
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน บอดี้การ์ดที่ไล่ตามนวิยาไปก็กลับมา เมื่อเห็นพวกเขามากันมือเปล่า วารุณีก็รู้ทันที ว่าพวกเขาจับตัวเธอมาไม่ได้
เป็นไปตามคาด หัวหน้าการ์ดพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า“ ขอโทษครับนาย คุณผู้หญิง เราตามตัวไม่เจอครับ ”
“ตามไม่เจอ?”สีหน้าของนัทธีมืดมน“ ผู้หญิงคนเดียว พวกแกก็หากันไม่เจอเหรอ ”
ศีรษะของบอดี้การ์ดก็ก้มต่ำยิ่งขึ้น“ตอนที่พวกเราไล่ตามจนออกจากตลาดพลอย นวิยาก็หนีขึ้นรถตู้แล้วหนีหายไป เราไล่ตามรถไม่ทัน ได้แต่มองเธอหายไปต่อหน้าครับ ”
“ก็จริง คนจะสู้รถได้ยังไง นี่จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้”วารุณีถอนหายใจ
แม้เธอจะรู้สึกผิดหวังที่พวกเขาจับตัวนวิยามาไม่ได้ แต่เธอก็เข้าใจพวกเขา
ดังนั้นเธอก็จึงไม่ได้โกรธพวกเขา